จอมพลที่รัก – บทที่ 52 ลองดูว่าตรงนั้นยังใช้การได้ไหม

จอมพลที่รัก

มีนาจับปืนที่ขโมยออกมาจากตัวของวายุเอาไว้แน่น จากนั้นจึงมองไปรอบ ๆ แต่กลับพบว่าภายในห้องไม่มีคนอื่น แต่สัญชาตญาณบอกกับเธอว่า เมื่อครู่เธอไม่ได้คิดไปเอง

จู่ ๆ เธอก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนอย่างแรง มือที่หยาบกร้านเล็กน้อยจับมือด้านที่ถือปืนของเธอเอาไว้ ชายคนนั้นแนบชิดเข้ามาใกล้ตัวเธอ น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้าง ๆ หู : “ปีศาจน้อย คุณจับปืนแบบนี้ มันจะลั่นเอาได้ง่าย ๆ นะ วันหลังผมจะไปฝึกเป็นเพื่อนคุณ”

เมื่อเธอหันกลับไปมอง ก็พบเข้ากับใบหน้าที่คุ้นเคย ยังคงเป็นใบหน้าที่หล่อเหลา เคราที่คางทำให้เขายิ่งดูชั่วร้ายมากขึ้น ตอนนี้ราวกับมีคลื่นลูกใหญ่เกิดขึ้นในใจของเธอ ทั้งดีใจ ตื่นเต้น และโกรธเคืองเล็กน้อย……

เขายิ้มแล้วกางแขนทั้งสองข้างออก : “คิดถึงผมแทบขาดใจแล้วใช่ไหม ? รีบวิ่งเข้ามากอดผมเร็วเข้า”

ดวงตาของเธอแดงก่ำแต่ไม่กล้าร้องไห้ออกมา จากนั้นจึงยกมือขึ้นตบหน้าเขาไปหนึ่งฉาด : “ณภัทร คนบ้า !”

เขาไม่เคยถูกใครตบหน้ามาก่อน แต่เธอกลับตบเขาไปถึงสองครั้ง เขาจึงบันดาลโทสะขึ้นมาทันที แล้วจับมือของเธอเอาไว้ : “สาวน้อย คุณเสียสติไปแล้วหรือยังไง ?”

“หึ ! ฉันเสียสติไปแล้ว ถึงได้หลงรักคนบ้าอย่างคุณได้ ! ตอนนี้ฉันเข้าใจชัดเจนแล้ว คุณมันเป็นนักพนัน กล้าแม้แต่จะเอาชีวิตของตัวเองเข้าไปวางเดิมพันโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา แต่คุณเคยคิดถึงฉันบ้างไหม ? ถ้าหากคุณตายไปจริง ๆ แล้วฉันจะทำเช่นไร ! คุณมันบ้า……”

เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย เธอก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดใจถึงที่สุด น้ำตาของเธอไหลรินลงมาราวกับสายฝน จนใบหน้าอันงดงามและซีดเซียวเล็กน้อยของเธอเปียกปอน

เมื่อเธอร้องไห้ เขาก็รู้สึกราวกับผืนฟ้าถล่มลงมาทันที เจ็บปวดยิ่งกว่าการจมลงไปในทะเลเสียอีก เขาดึงเธอเข้ามากอดแล้วพูดปลอบโยนว่า : “ผมไม่ได้เจ็บปวดตรงไหนสักหน่อย คุณจะร้องไห้ทำไม”

คงเป็นเพราะความตึงเครียดที่สะสมมาตลอดระยะเวลาสองสามวันนี้ได้รับการผ่อนคลายลงในทันที เมื่อจู่ ๆ เธอก็พบกับคนที่เธอสามารถระบายความเครียดและความหวาดกลัวตลอดหลายวันมานี้ออกมาได้ ทำให้เอยิ่งร้องไห้หนักขึ้น

เขารู้สึกวางตัวไม่ถูก จึงใช้ปลายนิ้วของเขา เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธออย่างเก้ ๆ กัง ๆ : “ผมมีรู้ว่าควรจะทำเช่นไรกับคุณดี หรือจะให้ผมยื่นแก้มอีกข้างให้คุณตบดีล่ะ ?”

เขายื่นใบหน้าอีกด้านหนึ่งมาอย่างว่าง่าย แล้วยกมือของเธอขึ้นมาตบลงไปบนใบหน้าของเขา เธอไม่อาจทนได้จึงหลุดขำออกมา : “ฉันต่างหากที่ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรกับคุณดี ถ้าหากคุณยังกล้าล้อเล่นกับฉันอย่างนี้อีกล่ะก็ ฉันจะหย่ากับคุณซะ !”

สีหน้าของเขาหมองหม่นลงไปไม่น้อย เขาจับใบหน้าของเธอเข้ามาจูบราวกับว่ากำลังลงโทษ : “ต่อไปห้ามพูดคำคำนี้ต่อหน้าผมอีก หากคุณกล้าพูดอีกล่ะก็ ผมจะจัดการกับคุณจนหมดแรงลุกลงจากเตียงเลยคอยดู”

เธอผลักเขาออก แล้วมุ่ยริมฝีปากที่บวมแดงของเธอ : “บอกมาซิ ทำไมต้องโกหกฉันด้วย ? หรือคุณคิดว่าทำเช่นนี้มันน่าสนุก ?”

เขากอดเธออีกครั้ง แล้วดึงเธอลงมานั่งบนตักของเขา จากนั้นจึงบรรยายเรื่องที่เขาต้องประสบพบเจอออกมา อันที่จริงแล้ว เขาลอยคออยู่ในทะเลเป็นเวลาหนึ่งคืนเต็ม ๆ จนกระทั่งคนของไบร์ทเริ่มผ่อนคลายความระมัดระวังลง เขาจึงได้เปลี่ยนเสื้อผ้ากับศพศพหนึ่ง จากนั้นก็จงใจที่เครื่องรางเอาไว้บนตัวศพ รวมไปถึงรองเท้าบูททหารที่เปื้อนคราบเลือดด้วย

“คุณจงใจที่จะทำให้เขาคิดว่าคุณตายแล้ว ? แต่เขาเป็นคนฉลาด อีกไม่กี่วันเขาก็จะต้องรู้ความจริงเข้าจนได้”

เขาหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย : “เวลาเพียงไม่กี่วันก็เพียงพอแล้ว”

มีนาปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกัน และได้คำตอบขึ้นมาในทันที : “คุณคิดที่จะใช้ข่าวเรื่องนี้ ล่อให้ปลาใหญ่เข้ามาติดเบ็ด ?”

เขาจูบเธออย่างดูดดื่ม : “ฉลาดนี่ ผมได้ติดต่อกับสำนักงานความมั่นคงอย่างลับ ๆ ให้จับตาดูสัญญาณต้องสงสัยจากนอกประเทศ ขอแค่คนคนนั้นติดต่อกับไบร์ทเมื่อไหร่ ผมก็จะตกปลาใหญ่ได้ทันที”

เธอกับหมัดอันอ่อนนุ่มของเธอ ทุบลงไปบนหน้าอกของเขา : “คนบ้า ! ฉันคิดว่าคุณตายแล้วเสียอีก ทำให้ฉันต้องเสียใจเปล่าจริง ๆ เลย”

เขาลูบจมูกของเธอด้วยความเอ็นดู : “ผมเป็นแมวเก้าชีวิตนะ เรื่องแค่นี้ผมไม่มีทางตายง่าย ๆ หรอก หากต้องตายจริง ๆ ก็คงต้องตายเพราะหมดแรงอยู่บนร่างกายของคุณ”

ใบหน้าของเธอแดงก่ำ คนบ้าคนนี้เพิ่งจะมีชีวิตรอดกลับมาได้แท้ ๆ กลับคิดเรื่องลามกกับเธอเสียแล้ว

เธอสำรวจเขาอย่างละเอียด : “คุณได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างไหม ?”

ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นจึงค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อกำยำ และกล้ามท้องที่เซ็กซี่ รวมไปถึงต้นขาสีน้ำผึ้งทั้งสองข้างของเขา ฮอร์โมนเพศชายพลุ่งพล่านขึ้นไปบนใบหน้าของเขา

“คุณ……คุณคิดจะทำอะไร ?”

เขาทำสีหน้าไร้เดียงสา : “ตรวจร่างกายไงล่ะ ถ้าผมไม่ถอดเสื้อผ้า คุณจะตรวจได้อย่างไร ?”

“คนบ้า ! เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสบายดี รีบใส่เสื้อผ้าเร็วเข้า !”

เขาดึงมือของเธอเข้ามาที่หว่างขา ราวกับมีเหล็กแข็งร้อนฉ่าอยู่ตรงนั้น ร้อนระอุจนทำให้ฝ่ามือของเธอรู้สึกเจ็บปวด ใบหน้าของเธอแดงก่ำ และกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น : “คนบ้า คุณนี่ช่างลามกจริง ๆ !”

“ผมลอยคออยู่ในทะเลเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ ไม่รู้ว่าตรงนั้นจะยังใช้การได้อีกไหม”

มีนาแทบจะกระอักเลือดออกมา ผู้ชายคนนี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง ๆ เอาแต่พูดจาไร้สาระ เห็นอยู่ทนโท่ว่าแข็งออกอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังขยับไปมาอีก คงจะมีแต่คนโง่เท่านั้นถึงจะเชื่อว่าตรงส่วนนั้นของเขามีปัญหา !

เขานอนทับลงไปบนตัวเธอทันที : “หรือจะให้ผมทดสอบดูสักหน่อย ?”

“ออกไปให้พ้น !”

“ผมได้ยินว่าคุณกินข้าวไปตั้งสองจาน ตอนค่ำออกกำลังกายสักหน่อยจะได้ช่วยเรื่องย่อยอาหาร”

รอบจูบของเขาค่อย ๆ ประทับลงบนร่างกายของเธอทีละส่วน ๆ อย่างบรรจง มือที่หยาบกร้านเล็กน้อยค่อย ๆ ลูบไล้ไปบนเรือนร่างของเธอ

ขณะที่ทั้งสองกำลังเข้าบรรเลงเพลงรักกันอย่างดูดดื่ม ก็มีเสียงฟึดฟัดดังขึ้นมาจากบนพื้น

ใบหน้าของมีนาแดงก่ำทันที เธอลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ? นายกางเกงลายการ์ตูนยังนอนอยู่บนพื้นนี่นา

ณภัทรลุกขึ้นแล้วมองดูวายุที่กำลังลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางสะลึมสะลือทันที เขายกมือขึ้นแล้วตบลงไปฉาดใหญ่ ทำให้วายุนอนสลบไสลลงไปบนพื้นอีกครั้ง

ณภัทรก้าวขายาวลงจากเตียง จากนั้นจึงจับวายุเหวี่ยงออกไปนอกประตู

เขาหันมายิ้มให้มีนาอย่างมีเสน่ห์ : “คราวนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้ว”

เขาลูบไล้ทุกส่วนที่ไวต่อความรู้สึกบนร่างกายเธอ ตอนนี้เขาเป็นเหมือนนักพิณมืออาชีพ ที่ค่อย ๆ สัมผัสอย่างแผ่วเบา และค่อย ๆ ดีดขึ้นลงไปมาช้า ๆ……

ร่างกายของเธออ่อนระทวยลงอย่างรวดเร็ว สายน้ำที่ไหลผ่านอย่างแผ่วเบา ผสมผสานกับดนตรีอันไพเราะจับใจ

“อา……ไม่เอา……เอา……”

เธอรู้สึกราวกับถูกเขาอุ้มขึ้นไปบนก้อนเมฆ แล้วค่อย ๆ หล่นลงมา ขยับเป็นจังหวะขึ้นลงช้า ๆ ลึกบ้างตื้นบ้างอย่างแผ่วเบา จนรู้สึกเป็นสุขอย่างถึงที่สุด

ขณะที่เขากำลังออกแรงขยับร่างกายอย่างรวดเร็วอยู่นั้น ก็ก้มหน้าลงไปจูบใบหน้าและริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ : “รีบพูดว่าที่รักคะ ฉันรักคุณเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ทำต่อนะ”

เธอหัวเราะขึ้นมา : “ณภัทร คุณเล่นทำตัวเป็นเด็ก ๆ ไปได้”

เขาหยุดเคลื่อนไหวร่างกายทันที จากนั้นจึงใช้เพียงมีที่หยาบกร้านของเขาลูบไล้ขึ้นลงบนร่างกายของเธอ

“อา……”

“จะพูดหรือไม่พูด ?”

“ที่รักคะ ฉันรักคุณ”

รอยยิ้มภูมิใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา รวมไปถึงหางตาของเขาเองก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน ดูราวกับดอกไม้ที่ผลิบานอย่างงดงามในช่วงฤดูร้อน

ในแววตาของเธอมีเพียงแค่เขา เขาผู้ซึ่งกำลังขยับร่างกายอย่างรวดเร็ว เขาผู้ซึ่งมีใบหน้าที่ชั่วร้าย เขาผู้ซึ่งมีทั้งความอ่อนโยน เผด็จการ ดื้อรั้น และทะลึ่งเล็กน้อย แต่ทุกอย่างที่เป็นเขา กลับทำให้เธอรู้สึกรัก และทำให้เธอรู้สึกหัวใจอ่อนระทวย จนทำให้เธอยินยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปตามจังหวะของเขา

แม้กระทั่งทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว เขายังคงกอดเธอแล้วพูดว่า : “รีบพูดว่าที่รักคะ ฉันรักคุณเร็วเข้า”

เธอรู้สึกอ่อนล้าไปทั้งตัว : “คุณนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ”

เขาจึงใช้ “อาวุธ” ขู่เธอในทันที

“เอาล่ะ ๆ ฉันกลัวคุณแล้ว ที่รักคะ ฉันรักคุณ”

เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างพึงพอใจ : “ทุกครั้งที่ได้ยินคุณพูดประโยคนี้ ผมรู้สึกสบายใจและรู้สึกปลอดภัยจริง ๆ”

มีนาหลุดขำออกมา นายพลณภัทรผู้ยิ่งใหญ่ ยังต้องการความรู้สึกปลอดภัยอีกหรือ ? หลังจากหัวเราะออกมา เธอกลับรู้สึกปวดใจและตื้นตันเล็กน้อย เขาต้องห่วงใยเธอมากขนาดไหน จึงจะสามารถมีความรู้สึกเช่นนี้ได้

เมื่อนอนหลับไปจนถึงกลางดึก จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาจากด้านนอก ณภัทรรีบสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงหยิบปืนแล้วเดินออกไปด้านนอกอย่างระมัดระวัง

จอมพลที่รัก

จอมพลที่รัก

Status: Ongoing
ครั้งแรกที่เจอเธอ เธอไล่เขาไป เจอกันครั้งที่สอง เธอถือมีดผ่าตัดจ่อที่คอของเขา……แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงรักเธอได้ถึงขนาดนี้ แม้จะโดนหลอกยังไงก็ตาม เขาก็จะเอาเธอมาเป็นภรรยา

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท