ณภัทรนอนอยู่บนเตียงอย่างพึงพอใจ เขาโอบกอดร่างกายอันนุ่มนวลและหอมหวนเอาไว้ จากนั้นจึงค่อย ๆ บรรจงจูบลงไปบนนิ้วมือที่ขาวนวลเนียนและเรียวยาวของเธอ เธอดึงนิ้วกลับอย่างไม่สบอารมณ์นัก จากนั้นจึงหยิกเขาอย่างแรงหนึ่งครั้ง : “บอกมาซิว่า คุณคิดมิดีมิร้ายกับมือคู่นี้ของฉันมานานแล้วใช่ไหม ?”
เขายิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วค่อย ๆ ใช้นิ้วแตะลงไปบนริมฝีปากของเธอ และแตะลงบนภูเขาอันอ่อนนุ่ม จากนั้นจึงค่อย ๆ เลื่อนต่ำลงมาบนเอวของเธอ จนมาหยุดอยู่ตรงต้นขาที่ขาวนวลเนียน : “ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ เป็นจุดที่ผมคิดมิดีมิร้ายมานานแล้ว”
“ณภัทร คุณมันลามก !”
“แบบนี้เขาเรียกว่าหยอกล้อ ส่วนไหนบนร่างกายคุณที่ไม่ใช่ของผมบ้างล่ะ ?”
เธอใช้ข้อศอกทุบเขาอย่างแรง เขากุมบาดแผลเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดจนพูดไม่ออก เธอแสดงสีหน้าตกใจออกมา : “ฉัน……ฉันคงไม่ได้ทุบไปโดนบาดแผลของคุณหรอกใช่ไหม ?”
เขาพยายามสงบสติอารมณ์สักครู่ หลังจากที่ความเจ็บปวดค่อย ๆ จางหายไป เขาก็หันไปแสยะยิ้มให้เธอ : “ล้อคุณเล่นน่ะ”
“ณภัทร คนบ้า ปล่อยให้ฉันต้องเป็นห่วงเปล่า”
“อย่าขยับ ให้ผมกอดคุณเอาไว้อย่างนี้นะ”
เขากอดเธอเอาไว้แน่น แล้วสูดกลิ่นหอมอันคุ้นเคยบนร่างกายเธอ ทำไมเขาถึงหลงใหลเธอได้ขนาดนี้ ความรู้สึกเหมือนตอนที่เขาเพิ่งเจอเธอครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน
นอกหน้าต่างมีฝนตกโปรยปราย ความมืดมิดยามค่ำคืนค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาจากที่ไกล ๆ แสงไฟนีออนหลากหลายสีสันส่องสว่างเป็นแนว และค่อย ๆ ต่อกันจนยาวออกไปไกล ดูราวกับภาพเขียนสีน้ำมันหลากหลายสีสัน ทำให้เขาหวนคิดถึงค่ำคืนฝนพรำเมื่อหลายปีก่อน และเป็นตอนที่เขาได้พบกับเธอครั้งแรก
“คุณเคยคิดไหมว่าตัวเองจะได้กลายเป็นแพทย์อันดับ 1 ? หรือคุณรู้ตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วว่า ตัวเองมีศักยภาพที่จะสามารถช่วยชีวิตคนได้ ?”
“เปล่าหรอกค่ะ อันที่จริงแล้วฉันชอบการออกแบบมากกว่า เพียงแต่ในตอนนั้นที่คิดเรียนวิชาการแพทย์ เพราะหวังว่าในอนาคตอาจจะช่วยรักษาอาการป่วยของทิวาได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะจับพลัดจับผลูมาเป็นแพทย์ทรวงอก”
ดวงตาของเขาฉายแววของความผิดหวังออกมาเล็กน้อย เธอจำเขาไม่ได้จริง ๆ จำเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่ได้เลยสักนิด
“แล้วคุณเคยคิดไหมว่าสักวันคุณจะกลายเป็นนายพลที่อายุน้อยที่สุดของประเทศซีดาน ?”
“ผมเองก็ไม่เคยคิด ตอนนั้นผมแค่คิดอยากเอาชีวิตรอด”
ตอนนั้นเขาเป็นเหมือนสุนัขตกน้ำตัวหนึ่ง ถูกคนอื่นรังเกียจและเหยียบย่ำ และในตอนนั้นเมื่อมีใครบางคนยื่นกิ่งไม้มาให้กับเขา เขาก็จำต้องคว้าไว้ให้แน่น เพราะมีเพียงแค่การเอาชีวิตรอดให้ได้เท่านั้น เขาจึงจะมีโอกาสบดขยี้ทุกคนที่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างไร้ความปรานี ให้แหลกคาเท้าของเขา
เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เป็นประกาย : “ณภัทร ฉันเชื่อว่าตอนนั้นไม่ใช่ความผิดของคุณ”
ตัวของเขาแข็งทื่อไปเล็กน้อย ในอกของเขามีความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้น ราวกับมีกระแสน้ำอุ่นไหลเวียนไปมา และค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวของเขา เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีคนพูดเช่นนี้กับเขา คนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่คิดว่าเขาเป็นเด็กชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ ถึงขั้นว่าในตอนนั้นยศพลชี้หน้าเขาและก่นด่าว่า : “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ฉันไม่มีลูกเลว ๆ อย่างแก แกถึงขั้นวางยาแม่ของตัวเอง เพื่อจะได้เข้ามาอยู่ในตระกูลอัครโภคินอย่างราบรื่น !”
ในที่สุดทุกคนก็คิดว่าเขาอาศัยช่องว่างทางกฎหมายเกี่ยวกับ “การกระทำที่ไม่มีเจตนา” ในการวางยาพิษฆ่าแม่ของตัวเอง จากนั้นก็อาศัยความเป็นลูกกำพร้า เพื่อขอความเห็นอกเห็นใจจากตระกูลอัครโภคิน และก้าวเข้ามาอยู่ในตระกูลอัครโภคิน เพราะแพรพรรณเองก็ทนไม่ได้ที่มีลูกสาวเพียงคนเดียว
“เพราะอะไร ? ทุกคนต่างคิดว่าสามีของคุณเป็นคนชั่วร้ายและเหลี่ยมจัด เก่งกาจในการวางแผนล่วงหน้า และถึงขั้นกล้าโยนหมากที่ไร้ประโยชน์ทิ้งไป”
“ไม่มีเหตุผล แค่เชื่อเท่านั้น”
เขากอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น เธอรู้สึกเพียงแค่หน้าอกของเขาขยับขึ้นลงเบา ๆ และเส้นผมก็เปียกชื้นเล็กน้อย : “ณภัทร คุณร้องไห้หรือคะ ?”
ขณะที่เธอกำลังจะเงยหน้าขึ้น เขาก็ใช้มือปิดตาของเธอเอาไว้ : “น่าขำสิ้นดี ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย จะร้องไห้ได้ยังไง ?”
“ณภัทร ไม่เป็นไรนะคะ อยู่ต่อหน้าภรรยาจะร้องไห้ออกมาน่าอายตรงไหนกัน ?”
“หุบปาก !”
เธอรู้สึกขำขึ้นมาทันที นายพลณภัทรผู้เย่อหยิ่ง เมื่ออารมณ์อ่อนไหวขึ้นมาก็ดูน่ารักไม่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเขา โดยการฮัมเพลงขึ้นมาเบา ๆ : “ลูกผู้ชาย ร้องไห้ออกมาเถอะไม่ใช่เรื่องผิด ลิ้มลองรสชาติของน้ำตาที่ห่างหายไปนาน ต่อให้ฝนพรำก็ถือเป็นความงดงามอย่างหนึ่ง ไม่สู้อาศัยโอกาสนี้ร้องไห้ออกมา……”
เขาก้มลงไปจูบริมฝีปากของเธอ น้ำตาที่ร้อนผ่าวหยดลงบนใบหน้าของเธอ จนแผดเผาผิวหนังของเธอ เขาปลดปล่อยตัวเองในค่ำคืนฝนพรำนี้อีกครั้ง เขาลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่ได้ร้องไห้เช่นนี้มานานกี่ปีแล้ว บางทีอาจเป็นช่วงหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น หัวใจของเขาก็เย็นชา และตั้งแต่นั้นมา หัวใจของเขาก็อบอุ่นเพื่อคนคนเดียวเท่านั้น
ในตอนเช้า มีนาหยิบยาและผ้าพันแผลมา จากนั้นจึงตัดผ้าพันแผลชิ้นเก่าที่อยู่บนหน้าอกของเขาออก แล้วก่นด่าด้วยความโมโห : “ณภัทร คุณอยากตายหรือยังไง ? ไม่รู้หรือยังไงว่าบนร่างกายของตัวเองมีบาดแผล เมื่อวานยังทำเรื่องไร้สาระเช่นนั้นอีก !”
ปรากฏว่าบาดแผลของเขาปริออกในขณะที่เขามีอะไรกับเธอเมื่อคืนนี้ แต่กลับอดทนเอาไว้ไม่ยอมพูดออกมา จนกระทั่งถึงตอนเช้าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเลือดซึมออกมาจากบาดแผล จึงรู้ได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงแควกดังขึ้น เธอดึงผ้าพันแผลที่ติดอยู่กับเนื้อและเลือดออกมา เขาสูดหายใจเข้าด้วยความเจ็บปวด : “ปีศาจน้อย คุณเบามือหน่อยไม่ได้หรือยังไง ?”
“เหอะ ๆ ! เมื่อคืนคุณอดทนเก่งนักไม่ใช่หรือ ?”
“นั่นมันไม่เหมือนกัน เมื่อคืนเจ็บแต่มีความสุข ต่อให้ผมต้องตายอยู่บนเรือนร่างของคุณผมก็ยินดี”
มีนารู้สึกทั้งโกรธทั้งขำ : “ดี รอให้คุณตาย ฉันจอหอบเอาทรัพย์สมบัติของคุณไปแต่งงานใหม่ ถึงตอนนั้นฉันก็จะเลือกสรรเนื้อสดชิ้นใหม่ได้อย่างอิสระไปตลอดชีวิต”
เขารู้สึกโมโหขึ้นมาทันที : “ปีศาจน้อย คุณกล้าหรือ ! ต่อให้ผมต้องตายกลายเป็นผี ผมก็ไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่นอน !”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลตัวเองให้ดี ๆ หน่อยสิ !”
“เธอกอดเขาเอาไว้ จากนั้นจึงพันผ้าพันแผลมาจากด้านหลังของเขา เขายิ้มแล้วกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน : “ปีศาจน้อย ทำยังไงดี ? ผมไม่มีแรงที่จะต้านทานคุณได้เลยแม้แต่น้อย คุณคือยาชูกำลังของผม”
เธอลุกขึ้นแล้วจิ้มไปที่หน้าอกของเขา : “ถึงแม้ยาจะได้ผลดี แต่ก็ควรรับประทานแต่น้อย !”
“เชอะ……คุณวางแผนจะฆ่าสามีชัด ๆ”
“หึ ถ้าหากคุณยังไม่รู้จักระวังตัว คุณจะได้กลายเป็นอดีตสามีของฉันแน่นอน”
เธอหยิบกล่องยาแล้วหัวเราะร่าเดินออกไป แต่เมื่อหันกลับมาเห็นใบหน้าอันห่อเหี่ยวของดรณ์ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางหายไปในทันที เธอพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ร่างกายของเขายังไม่ฟื้นฟูเป็นปกติ ขอท่านประธานาธิบดีได้โปรดอย่ารบกวนผู้ป่วย”
“มีนา……”
ขอเชิญท่านประธานาธิบดีออกไปได้แล้วค่ะ !”
“ปีศาจน้อย ผมเป็นคนเชิญท่านประธานาธิบดีมาเอง”
จากนั้นมีนาจึงเดินจากไป และปิดประตูอย่างแรง
ใบหน้าของดรณ์เต็มไปด้วยความหดหู่ : “ฉันรู้ดีว่าฉันติดค้างเธอไว้มากนัก เธอไม่ให้อภัยฉันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควร แต่ต่อจากนี้ไป ฉันจะพยายามชดเชยให้เธออย่างดีที่สุด”
“ท่านประธานาธิบดีรู้เช่นนี้ก็ดีแล้วครับ ถ้าหากมีนาไม่รับคำขอโทษจากท่าน ก็ขอร้องท่านอย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธออีก ให้ผมเป็นคนคอยดูแลเธอก็พอ”
“ฉันเชื่อใจเธอ เธอวางใจได้เลยนะ ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะไปร่วมงานแต่งของพวกเธอตามกำหนดอย่างแน่นอน”
ณภัทรยิ้ม และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็ฉายแววของความเด็ดขาดและไม่แยแสออกมา : “เมื่อก่อนผมเคยเชิญท่านมาเป็นประธานในงานแต่งงาน นั่นเป็นเพราะต้องการให้เธอมีงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ แต่ต้องการประกาศให้คนทั้งประเทศรู้ว่า เธอคือภรรยาของณภัทรคนนี้ แต่ตอนนี้ท่านเองก็คงดูออกว่าเธอไม่ต้อนรับท่าน ผมจึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเชิญท่านอีกต่อไป”