มีนานั่งกลับไป และยิ้มอย่างเย็นชา: “กลัวเหรอ? ในพจนานุกรมของฉันไม่มีคำคำนี้อยู่”
รอยยิ้มแห่งความได้ใจปรากฏขึ้นมาในดวงตาของยิหวา เมื่อสักครู่เธอแค่ยั่วยุให้มีนาโมโหแค่นั้นเอง เพียงแค่มีนาทานอาหารที่ใส่ยาพวกนี้เข้าไป เช่นนั้นการแข่งขันในช่วงบ่ายจะต้องเป็นฝันร้ายของมีนาแน่!
เธอแทบทนไม่ไหวที่จะจินตนาการถึงท่าทางคับแค้นใจจากความอับอายขายขี้หน้าของมีนา เธอยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยทันที แต่เพื่อปกปิดความได้ใจนี้เอาไว้ ในตอนที่เธอกำลังจะก้มลงไปทานข้าวนั่นเอง เธอก็รู้สึกชามือขึ้นมา ช้อนตกลงไปบนพื้น
เธอรีบก้มลงไปเก็บขึ้นมาทันที และใช้กระดาษชำระเช็ดอย่างระมัดระวัง พอเงยหน้าขึ้นดู ก็เบิกบานใจขึ้นมาทันที มีนากำลังทานอย่างเอร็ดอร่อย เหมือนกับไม่ได้พบเห็นความผิดปกติใด ๆ
จู่ ๆ มีนาก็เงยหน้าขึ้นไปสบตากับเธอ และกล่าวเย้ยหยัน: “คุณยิหวามองฉันทำไมเหรอ? หรือว่า……”
สายตาของเธอเลื่อนลงไปที่อาหารของตัวเอง: “หรือว่าคุณยิหวาได้ใส่ยาพิษลงไปในอาหาร?”
สีหน้าของยิหวาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้แต่รอยยิ้มยังเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแห้ง ๆ : “ฮ่า ๆ ……พี่สะใภ้……ชอบ……ชอบล้อเล่นจังเลยนะ”
มีนาท่าทางเหมือนจะยิ้มไม่ยิ้ม: “งั้นพวกเราเปลี่ยนกันไหม?”
ยิหวารีบก้มหน้าทานอาหารอย่างรวดเร็ว: “พี่สะใภ้ไม่รังเกียจข้าวที่มีน้ำลายของฉันเหรอ?”
เธอเหมือนกับว่ากลัวมีนาจะแลกอาหารกับเธอจริง ๆ เธอทานอย่างตะกละตะกลาม ทานจนหมดเกลี้ยง
แววเย้ยหยันผ่านเข้ามาในดวงตาของมีนา เธอลุกขึ้นและถือถาดเดินจากไป: “แม้แต่ใช้อากาศร่วมกันกับเธอ ฉันยังรู้สึกคลื่นไส้เลย”
ยิหวาแทบสำลักอาหาร เธอมองส่งมีนาด้วยดวงตาแดงก่ำ รอยยิ้มชั่วร้ายค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของเธอ: “การแข่งขันวิบากในตอนบ่ายเธอจะต้องสนุกแน่”
เธอก้มหน้าลงมอง คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะทานอาหารจนหมดเกลี้ยง และเมื่อสักครู่นั้นเธอทานอย่างมูมมามเกินไป ทำให้พวกผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่เธอ
เธอหน้าแดงขึ้นมา และเอากระดาษชำระมาเช็ดที่มุมปากอย่างสง่างาม ถือถาดที่เกลี้ยงเกลาแล้วลุกขึ้น เดินก้าวเท้าสั้น ๆ จากไปอย่างสง่างาม
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังลอยมาจากด้านหลัง
“ฉันว่านะหล่อนถึงเป็นนกกระจอก ยังจะมาแกล้งทำตัวเป็นหงส์ทองอีก”
“ได้ยินมาว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของส.ส.กำพล แต่เป็นเด็กกำพร้าที่เขารับเลี้ยง”
“ได้ยินว่าเดิมทีส.ส.กำพลจะให้หล่อนแต่งกับนายพลณภัทร แต่นายพลณภัทรไม่ชอบหล่อน วัน ๆ หล่อนยังคอยป้วนเปี้ยนที่อยู่ที่ข้างกายของเขาอย่างกับแมลงวัน น่ารังเกียจจริง ๆ”
เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนเหล่านั้น ยิหวาบีบถาดสเตนเลสที่อยู่ในมือจนแทบจะเปลี่ยนรูปร่าง คนธรรมดาสามัญพวกนี้จะไปเข้าใจอะไร! เธอรักณภัทรจริง ๆ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฐานะนะและอำนาจ ณภัทรเป็นเหมือนกับหอคอยสัญญาณไฟในชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะต้องให้เธอแลกกับอะไรเธอก็ต้องพยายามเข้าใกล้อย่างสุดความสามารถ ต่อให้ต้องลุกเป็นไฟไปพร้อมกับเขาก็ตาม
เธอไม่สนใจว่าที่ข้างกายของณภัทรจะมีใครอยู่แล้ว ขอเพียงสุดท้ายคนที่อยู่ข้างกายเขาเป็นเธอก็พอแล้ว! ดังนั้นเธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อคว้าทุกโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับเขา!
ตอนบ่ายเป็นการแข่งขันวิ่งวิบากแบกสัมภาระระยะทางสามสิบกิโลเมตร ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกคนจะต้องแบกสัมภาระหนักห้าสิบกิโล วิ่งรอบภูเขาหมอกขรุขระที่อยู่ตรงหน้านี้ จนกระทั่งกดกริ่งที่เส้นชัยถึงถือว่าผ่านการแข่งขัน
แสงแดดต้นฤดูใบไม้ร่วงนั้นแรงมาก ณภัทรเทครีมกันแดดลงไปบนฝ่ามือ จากนั้นก็ทาลงไปบนใบหน้าของมีนาอย่างละเอียด: “โถ ๆ ๆ ……ผมชักรู้สึกเสียใจที่ให้คุณเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้แล้วล่ะ ทดสอบด่านแล้วด่านเล่า เกรงใจหน้าเล็ก ๆ นี้คงต้องผิวลอกไปหลายชั้น”
“ทำไม? คุณรังเกียจฉันแล้วงั้นเหรอ?”
จู่ ๆ เขาก็จับคางเธอ ละจูบลงไปบนเปลือกตา ใบหน้า และริมฝีปากของเธออย่างละเอียดลออ: “ต่อให้คุณตากแดดจนตัวดำเป็นถ่าน ผมก็ไม่มีทางรังเกียจคุณ ช้าเร็วก็ต้องจูบคุณจนขาวเหมือนเดิม”
เธอมีท่าทางจนใจ และยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายบนใบหน้า ครีมกันแดดบนใบหน้าไม่ต่างอะไรกับไม่ได้ทา ถูกเขากินไปจนหมดแล้ว
เขาตบแก้มของเธอเบา ๆ ด้วยความเป็นห่วงและไม่อยากจากกัน: “ผมจะรอคุณที่เส้นชัยนะ”
เธอล้อเล่น: “แล้วถ้าเกิดฉันไปไม่ถึงล่ะ”
เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์: “งั้นใครก็อย่างคิดว่าจะกดกิ่งดังเลย”
เธอพลันกะพริบตาปริบ ๆ : “ว้าว ท่านนายพลณภัทร นี่คุณคิดจะเล่นตุกติกเหรอ?”
“ถ้าหากแม่สาวน้อยสู้คนอื่นไม่ได้ ผมก็ไม่ขัดที่จะเล่นโกงแบบหน้าด้าน ๆ”
“ชิ! ดูถูกฉันเหรอ?”
ขายิ้มพลางมัดสัมภาระให้เธอ และจูบลงไปบนริมฝีปากของเธอเบา ๆ : “สู้ ๆ นะแม่สาวน้อย ผมจะรอคุณอยู่ที่เส้นชัย”
มองดูเธอออกเดินทาง เขาก็ได้ถอดชุดทหารออก เปลี่ยนไปใส่ชุดพลางแทน แบกสัมภาระหนักร้อยกิโลกรัมตามเธอไป
ไม่นานกรรมการผู้ตัดสินก็ได้พบเห็นสิ่งไม่เข้าพวกที่มีร่างกายเหยียดตรง แบกสัมภาระขนาดใหญ่ เดินด้วยฝีเท้าเบา ๆ ในหมู่ผู้หญิง
มีคนรายงานสถานการณ์นี้ให้กับหัวหน้าผู้ตัดสิน หัวหน้าผู้ตัดสินโมโหขึ้นมาทันที เขาตบโต๊ะอย่างแรง: “ไอ้สารเลวตัวไหนมันแอบเข้าไป? ไปเอาตัวมันมาแล้วลงโทษด้วยกฎทหาร!”
ไม่นานนายทหารผู้ตัดสินคนหนึ่งก็เดินหน้าซีดเข้ามา
“คนล่ะ?”
“ไอ้สารเลวคนนั้นคือ……คือท่านนายพลณภัทรครับ”
เพียะ! หัวหน้าผู้ตัดสินตบหน้าของนายทหารผู้ตัดสินคนนั้นอย่างจัง: “ไอสารเลวเป็นคำที่แกเรียกได้เหรอ? กระจายคำสั่งออกไป สั่งให้ทหารในค่ายจับตาดูให้ดี ท่านนายพลณภัทรแบกสัมภาระหนักร้อยกิโลกรัมวิ่งวิบากสามสิบกิโลเมตรสีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด เรียนรู้จากเขาให้ดี ๆ”
นายทหารผู้ตัดสินกุมหน้าเดินออกไป ท่าทีของหัวหน้าผู้ตัดสินจะเปลี่ยนเร็วเกินไปหน่อยไหม มันเป็นสังคมที่ดูหน้าดูตาจริง ๆ
ในเวลานี้มีนารู้สึกว่าฝีเท้าหนักขึ้นเรื่อย ๆ สัมภาระบนหลังราวกับหินก้อนใหญ่ทับหลังเธอเอาไว้ แม้แต่การหายใจยังเป็นภาระอย่างหนึ่งเลย เหงื่อไหลโชก จนเสื้อผ้าเปียกไปหมด ครีมกันแดดบนหน้าก็ถูกเหงื่อล้างออกไปหมดแล้ว ท่าทางทุลักทุเลมาก
เธอถือว่ายังดี มีผู้หญิงบางคนเหนื่อยจนร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง และนอนอยู่บนพื้นอย่างไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้รถฉีดน้ำพ่นน้ำใส่พวกเธอตามอำเภอใจ ขอเพียงการแข่งขันยังไม่สิ้นสุดลง ไม่มีใครกล้าไปพยุงพวกเอทั้งนั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎการแข่งขัน
สองเท้าของมีนาเหมือนกับถูกตะกั่วยึดเอาไว้ เธอหอบหายใจอย่างหนักทั้งรู้สึกเจ็บ ในลำคอนั้นยิ่งร้อนจนแทบจะมีควันออกมา ในตอนนี้เองเงาร่างที่คุ้นเคยก็ได้ปรากฏขึ้นที่ข้างกายของเธอ
“เมื่อกี้ผมยังพูดไม่ทันจบ ผมรอคุณอยู่ที่เส้นชัย และจะเดินไปพร้อมกับคุณ”
“ณภัทร……”
เมื่อเห็นเงาร่างที่หล่อเหลาของเขา เธอรู้สึกเพียงดวงตาร้องผ่าว อยากจะร้องไห้มากเลย
“ห้ามร้องนะ เก็บแรงเอาไว้”
เธอทำได้เพียงเก็บน้ำตากลับคืนไป ภายในใจเหมือนกับมีพลังบางอย่าง ทำให้เธอเร่งฝีเท้าขึ้นมา
ณภัทรเดินตามที่ข้างกายของเธออย่างไม่รีบร้อน เหมือนกับจงใจเดินช้าลงเพื่อรอเธอ
“ณภัทรคะ ฉันคอแห้งจัง”
ถึงแม้ตอนนี้จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง แต่แสงแดดที่ร้อนแรงนี้ไม่ได้ต่างกับฤดูร้อนสักเท่าไหร่ สาดส่องจนร่างกายแทบจะไหม้เกรียม ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอกำลังวิ่งแบกสัมภาระอยู่ น้ำในร่างกายได้กลายเป็นเหงื่อไปนานแล้ว ตอนนี้อยากจะมุดหัวลงไปในแทงก์น้ำและดื่มให้หนำใจ
“เด็กดี วิ่งไปถึงทางโค้งข้างหน้า เดี๋ยวผมเอาน้ำให้คุณดื่ม”
ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมา: “คุณเอาน้ำมาด้วยเหรอ?
“ด้านหน้ามีน้ำพุอยู่ ปากน้ำพุสีหยกขาว กำแพงน้ำพุสีแดงเข้ม น้ำพุที่ไหลออกมาหวานชื่นใจดับกระหาย ผมรับรองว่าจะให้คุณดื่มอย่างเต็มที่”
มีนารู้สึกชื่นใจขึ้นมาทันที เธอเร่งฝีเท้าขึ้นราวกับร่างกายมีพลังขึ้นมา
พอเธอวิ่งไปจนถึงทางเลี้ยวถึงพบว่าตัวเองถูกหลอกเข้าให้แล้ว มีน้ำพุซะที่ไหนล่ะ ตรงนั้นมีเพียงกำแพงหินที่ว่างเปล่า
“ณภัทร คุณมันคนโกหก!”
เขายิ้มพลางพยุงใบหน้าของเธอเอาไว้และจูบลงไปบนริมฝีปากของเธอ ผ่านไปนานถึงได้ปล่อยเธอ เห็นริมฝีปากแห้ง ๆ ของเธอมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้าง เลยยิ้มกล่าว: “หายกระหายหรือยัง?”