บทที่ 66 – ความรู้สึกของทสึรุ
ข้ามีชื่อว่า ทสึรุ ตั้งแต่เมื่อคืนข้าก็คิดถึงเลทิเซียตลอดเวลา จนไม่เป็นอันฝึกวิชาทวนวิชาธนูเลย
นึกถึงเรื่องที่เธอคนนั้นจูบข้าใบหน้าของช้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ข้าได้แต่บ่นกับตัวเองว่าเลิกคิดถึงเธอคนนั้นได้แล้ว
แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ความรู้สึกในอกยิ่งชัดขึ้นจนนอนไม่หลับ และข้าก็สลัดภาพเลทิเซียออกจากหัวไม่ได้อีกต่อไป
ตอนแรกข้าโทษเลทิเซียว่าเป็นเพราะเธอทำเรื่องแบบนั้นนั่นแหละ ทั้งๆ ที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันขนาดนั้น..
แต่เมื่อเธอถึงขั้นอยากจะเป็นผู้ชายเพื่อที่จะรักข้า.. มันก็ทำให้ข้ารู้สึกเขินอายขึ้นไปอีก ข้ามีดีอะไรขนาดนั้นกันนะ?
มีผู้หญิงคนหนึ่งถึงขั้นอยากจะเป็นผู้ชาย แม้แต่ปักใจเชื่อทำท่าทางเหมือนผู้ชายเพื่อที่จะรักกับข้า..
บางทีอาจจะมีแค่เลทิเซียคนเดียวที่เห็นคุณค่าข้าขนาดนั้น เพราะแม้แต่พ่อแม่ข้าแท้ๆ ยังทิ้งข้าได้ลงคอ
แต่มีแค่เธอคนนั้นบอกว่าต้องการข้า.. เมื่อนึกย้อนกลับไปตั้งแต่เปิดโรงเรียนมา เลทิเซียเองก็แทบจะเป็นคนที่นิ่งที่สุดในห้องเรียน
และเป็นคนที่ตั้งใจเรียนมากที่สุด เวลาที่เธอก้มหน้าอ่านหนังสือตอบคำถามต่างๆ เธอก็จะเป็นเหมือนคนที่ค่อนข้างจริงจังกับทุกอย่างอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่เธอจะมีกองกำลังแฟนคลับในโรงเรียน อันที่จริงกองกำลังแฟนคลับนี้รู้สึกว่าจะก่อตั้งขึ้นเมื่อสองเดือนก่อน
แม้จะไม่มีชื่อเสียงและเป็นเหมือนกองกำลังเล็กๆ แต่ในความจริงภายใต้โรงเรียนแห่งนี้กองกำลังนี้เป็นเหมือนองค์กรขนาดย่อมที่มีแม้แต่อาจารย์หรือรุ่นพี่อยู่ในนั้น
ความจริงคือ กลุ่มพิทักษ์ไอดอลประจำโรงเรียนไม่ได้มีแค่เลทิเซียหรอก แต่หลายๆ คนก็มี แต่ว่าของเลทิเซียเหมือนจะมีขนาดองค์กรใหญ่ที่สุด
โดยใช้ชื่อว่าองค์กรพิทักษ์องค์หญิงเลทิเซีย.. คนที่สร้างกลุ่มพิทักษ์ขึ้นมาเพราะตอนที่เลทิเซียขึ้นไปสะดุดล้มกลางเวที
นั่นเป็นเหมือนตัวจุดชนวนตั้งแต่เด็กปีหนึ่งยันปีหกให้มีความต้องการที่จะดูแลปกป้องเลทิเซียจากเงามืด! เพราะเลทิเซียน่าปกป้องและน่าเอ็นดูเกินไป (พวกโลลิค่อน)
อันที่จริง ข้าแอบไปเห็นมาที่เลทิเซียมีชีวิตอยู่โดยไม่มีผู้ชายมายุ่มย่ามกับชีวิต เพราะองค์กรนี้พิทักษ์ไว้อย่างลับๆ ในเงามืด
ด้วยรูปร่างที่ดูเหมือนเด็กอายุสิบสองปีของเธอ และความซุ่มซ่ามผมสีดำที่ยาวงามดวงตาที่เหมือนคิดอะไรมากมายอยู่ในหัว
เสน่ห์ของเธอเรียกได้ว่าเป็นสาวสวยน่ารักสมบูรณ์แบบเหมาะแก่การเอ็นดูและปกป้องจากพวกผู้ชายชั่วโฉดทั้งหลาย
ข้าเคยเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่พยายามจะเอาจดหมายรักไปให้เลทิเซียและแอบตามเลทิเซียอย่างห่างๆ แต่หลังจากนั้น ชายไม่ทราบนามคนนั้นก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนโดยรองอาจารย์ใหญ่
ไม่อยากจะคิดหรอกนะ แต่ดูเหมือนว่าแม้แต่รองอาจารย์ใหญ่ที่มีอำนาจรองแค่อาจารย์ใหญ่หรือผู้อำนวยการนั้น ก็อยู่ในองค์กรนี้เหมือนกัน
ดังนั้นเลทิเซียจึงเป็นเทพเทวาในสายตาข้า ซึ่งเจ้าตัวอาจจะไม่ทราบเลย แต่องค์กรนี้ไม่ค่อยสนใจเรื่องผู้หญิงเท่าไหร่ ก็เพราะเพศเดียวกันนี่นะ
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งคิดว่าตัวข้าเองมีอะไรเหมาะกับท่านเลทิเซียเหรอ? คำตอบคือไม่มี.. ข้ามันแค่คนธรรมดา
หน้าตาก็ไม่ได้สวยสดงดงามเหมือนท่านชาร์ล็อตหรือท่านเลวี่ ไม่ได้เก่งกาจหัวดีเหมือนเลทิเซีย พอคิดแบบนั้นข้าก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
บางทีเลทิเซียอาจจะเล่นเกมลงโทษแพ้จนต้องมาสารภาพรักกับข้าก็ได้.. แต่ข้ากลับไม่ได้รู้สึกเสียใจที่มันเป็นแบบนั้น
พอคิดแบบนั้นก็นึกถึงรอยยิ้มของเลทิเซียขึ้นมา จะว่าไปตอนที่เธอคนนั้นยิ้มน่ะ แทบไม่ค่อยมีเลยนี่น่า
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมี นั่นคือตอนที่เธอคิดเวทมนตร์ใหม่ๆ ออกมาได้ ทุกครั้งที่เธอประสบความสำเร็จ รอยยิ้มที่ใสซื่อของเธอที่ปรากฏขึ้นทำเอาหัวใจข้าเต้นระรัว
บางที.. ข้าอาจจะหลงรักเลทิเซียไปแล้ว? ไม่สิ.. ถึงเลทิเซียจะแพ้เกมลงทัณฑ์ต้องสารภาพรัก แต่นั่นมันอาจจะแค่ของปลอม
แต่ถ้าหากข้ารักเลทิเซียจริงๆ ก็หมายความว่าข้ารักผู้หญิงด้วยกัน มันเป็นเรื่องไม่ปกติสุดๆ.. แต่ถ้ามองว่าที่เลทิเซียมาสารภาพคือจากใจจริงของเธอ
การที่ข้ารักเธอก็คงไม่แปลก.. อ๊าาา คิดไปคิดมาใบหน้าข้าก็รู้สึกร้อนขึ้นมาก่อนจะซุกหน้าลงบนหมอน ไม่คิดแล้ว!
ข้าหันหน้าออกไปด้านข้างในขณะนอนคว่ำตัวบนเตียง …
“ถ้าหากท่านเลทิเซียยิ้มมีความสุขเพราะข้า.. จะเป็นยังไงนะ?”
ด้วยความคิดแบบนั้น ไม่รู้ทำไมมันทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นและต้องการที่จะทำมัน ด้วยเหตุนี้ข้าเลยคิดจะทำอาหารถึงจะไม่เคยทำมาก่อน
ถ้าจำไม่ผิดเลทิเซียชอบกินสลัดผัก นั่นทำให้ช่วงนี้คนต่างพากันกินตามเลทิเซีย หมายถึงพวกกลุ่มพิทักษ์องค์หญิงเลทิเซียน่ะนะ
ข้าซึ่งไม่เคยทันสักทีเลยอดไปก็เถอะ แต่คราวนี้ข้าจะทำให้เลทิเซียกินบ้างดีกว่า คิดได้แบบนั้นข้าก็เริ่มฝึกทำอาหารทันที
และคืนนั้นทั้งคืนข้างก็ลองผิดลองถูกมาจนหน้าตาของมันน่ากินมาก แต่ข้าไม่ชิม เพราะใครๆ ก็รู้ว่าเลทิเซียเป็นคนที่ค่อนข้างเซฟตัวเอง
คือไม่กินของที่มีคนกินก่อนแล้วเพราะกลัวว่าจะพิษอะไร… นี่เป็นเรื่องที่ข้าได้ยินมาจากเลวี่อีกทีน่ะนะ
ดังนั้นข้าเลยเลือกที่จะไม่กินก่อน และเอาไปให้เลทิเซีย แต่ข้าดันยื่นตะกร้าอาหารให้ทำให้เธอเห็นมือข้า..
เธอจ้องมือข้าซะนานสองนาน จนทำเอาข้ารู้สึกอาย แล้วก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมานั่นแหละ ทำเอาข้าไปไม่เป็นเลย
แต่ว่าพอเลทิเซียไม่กิน ข้าก็รู้สึกเสียดายหน่อยๆ แต่สุดท้ายเหมือนเธอจะกินของข้า
เมื่อเธอตัดสินใจที่จะกินเลยทำให้ข้าดีใจมาก ข้าหยิบแซนด์วิชมาหนึ่งชิ้น แต่เลทิเซียก็รีบยัดแซนด์วิชเข้าปากทันที
“เอ่อ.. ค่อยๆ กินก็ได้นะ”
แต่เหมือนเธอจะรีบกิน จนตาลีตาเหลือกทำให้ข้าสงสัยว่าทำไมต้องรีบกินขนาดนั้น.. ข้ากัดแซนด์วิชใส่ปาก..
“พรูดดด!”
รสชาตินี่มัน.. แย่เกินไปแล้วนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงเนื้อไม่สุกแล้วก็ขนมปังแข็งๆ อารมณ์ประมาณนั้นเลย..
ข้าพลันรู้สึกผิดขึ้นมาทันที.. เป็นเพราะข้าบังคับเลทิเซียกินเข้าไปแถมเพราะเห็นมือข้าที่มีแผล อาจจะคิดว่าข้าพยายามหนักมาก
เลยไม่กล้าปฏิเสธจนเหมือนเป็นข้าที่เป็นคนกดดันเลทิเซีย.. ไม่สิ.. ข้านี่แหละกดดันเธอ ไม่ใช่แค่ดูเหมือนหรอก..
พอมองหน้าเลทิเซียที่น้ำหูน้ำตาไหลเพราะพยายามยัดเข้าไปให้รีบจบเพราะมันรสชาติแย่สินะ.. แถมเธอกินไม่เหลือแม้แต่เศษเลย..
ข้ามองลงไปยังตะกร้าที่มีจานว่างเปล่ากับขวดน้ำส้มที่ว่างเปล่า.. ขนาดมันไม่อร่อยขนาดนี้เลทิเซียยังกินมันไปจนหมด..
เพื่อข้า.. ทั้งๆ ที่แม้แต่ข้ากินยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่เลทิเซียกลับ.. เลทิเซียกลับกินมัน.. ข้า..ข้า.. เธอทำเพื่อข้าถึงขนาดนี้
“ข้าขอโทษ…”
ข้าพูดออกไปพร้อมกับรู้สึกเสียใจ แต่หัวใจข้ายิ่งเต้นแรงกว่าเดิม เลทิเซียทำเพื่อข้าขนาดนี้แม้มันจะรสชาติแย่ขนาดไหนก็ตาม เธอกลับทำเพื่อข้า
ทำไมถึงเป็นคนดีได้ขนาดนี้กันระ เลทิเซียทำท่าทางงงวยในตอนที่ข้าขอโทษ แต่เหมือนเธอจะเห็นท่าทางของข้าเธอจึงรีบโบกมือ
“ไม่เป็นไรหรอก มันอร่อยมากจริงๆ นะ..”
“อึก… ข้า..”
ข้ากัดริมฝีปากเบาๆ ข้าเอาแต่จะได้อย่างเดียวโดยไม่สนว่าเลทิเซียต้องการไหม ข้ากลับอยากทำให้เธอยิ้มเพื่อตัวเอง
ยิ้มเพราะตัวเองโดยที่ไม่สนใจเลยว่ามันจะเป็นการกดดันเธอ ข้ารู้สึกโกรธตัวเองมากก่อนจะกัดฟันและรีบวิ่งออกจากห้อง
…..
ปล่อยทิ้งให้เลทิเซียยืนงงอยู่ในห้องด้วยสีหน้าแปลกใจ เพราะเธอเองก็หาคำอธิบายมาอธิบายสถานการณ์นี้ไม่ได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย?”
เธอพึมพำอย่างช่วยไม่ได้ ได้แต่บ่นว่าโลกนี้ช่างมีตรรกะพิสดารยากจะเข้าถึงนัก เดี๋ยวจะฆ่าเดี๋ยวจะเศร้าเนี่ยตามไม่ทันจริงๆ
แต่ก็นะเหตุผลที่บอกว่าอร่อยน่ะ เลทิเซียแค่พูดออกไปโดยไม่คิดมาก อันที่จริงไม่รู้ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นออกไปในตอนนั้น
แต่ว่าในตอนนั้นเองในจังหวะที่ทสึรุกำลังวิ่งออกไป ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นในห้องของเลทิเซีย…. ร่างกายพวกเธอทั้งสองพลันเปล่งแสง
ความรู้สึกอันตรายบางอย่างเกาะกุมหัวใจของเลทิเซียแทบจะในพริบตาต่อมา!
……..