การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 82

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 82 – ความสิ้นหวัง

อย่างไรก็ตามมันจะดุร้ายหรืออะไร หรือฉันแค่หลงเข้ามาก็ตาม ในการเอาตัวรอดครั้งนี้นั้นฉันค่อนข้างที่จะไม่ค่อยมีทางเลือก

ฉันจึงตัดสินใจแบบนั้น แต่ในตอนนั้นเองความทรงจำหนึ่งก็ผุดขึ้นมา… ในแผนที่ที่ฉันเจอมาในเมืองก่อนหน้า

ไม่เห็นมีพื้นที่ราบเลยนะ… พอคิดแบบนั้นสีหน้าฉันก็เปลี่ยนไป ทางข้างหน้าไม่ใช่พื้นที่ราบน่ะสิถ้าเป็นอย่างนั้น?!

หน้าของฉันซีดเผือด หากไม่ใช่พื้นที่ราบเรียบเขียวขจีละก็ ตรงหน้าก็มีเพียงอย่างเดียวที่รอฉันอยู่

แต่ไม่รู้ว่าฉันโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ ในตอนนั้นเองสายตาของฉันก็มืดบอดลงไปชั่วครู่หนึ่ง เพราะความเหนื่อยล้าสะสมมากจนเกินไป

และเพราะหน้าคล้ำดำมืดเช่นนี้ ก็ทำให้ไม่ได้มองทางส่งผลให้ตอนที่วิ่งไปนั้น ขาดันไปเตะถูกรากต้นไม้จึงทำให้สะดุดล้มหัวฟาดพื้นอย่างแรง

“เจ็บ!!”

ฉันรู้สึกถึงความเจ็บแสบบนหัวแทบจะทันที และสัมผัสถึงของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากร่างกายของฉัน จากจุดที่หัวฟาดพื้นน่ะนะ

แน่นอนว่าเจ้าของเหลวสีแดงนี่ต้องเป็นเลือดของฉันแน่นอน เพราะสะดุดล้มหัวฟาดพื้นเมื่อสักครู่ส่งผลให้หัวฉันแตก..

ถึงจะไม่น่าเชื่อ แต่ฉันก็วิ่งค่อนข้างเร็ว เพราะไม่งั้นหมาป่าเหล่านั้นคงตามฉันทันไปนานแล้ว พอวิ่งมาสะดุดไม้ล้มโดยไม่หยุดตัว

หัวฟาดพื้นจนแตกก็ไม่แปลกใจ แต่ความแสบนี่ไม่ใช่เล่นๆ จริงนะ แต่ก็เพราะฉันได้สะดุดล้มหัวฟาดพื้นครั้งนั้น ทำให้ฉันรอดจากความตายอย่างฉิวเฉียด

ใช่แล้ว.. ที่ด้านหน้าของฉันถัดไปไม่กี่เมตรนั้น ไม่มีพื้นดินทอดต่อไปแล้ว.. มันมีแค่หน้าผาที่สูงหลายสิบเมตร!

และใต้ผานั้นฉันได้กลิ่นของน้ำเค็มเกลือของน้ำทะเลบางๆ และถ้าหากตกลงไปโดยไม่เตรียมตัวคงคอหักตายแน่ๆ

แน่นอนว่านี่คือทะเลสาบกลางประเทศที่เป็นเป้าหมายของฉันในตอนแรก ทะเลสาบนี้เป็นทะเลสาบที่มีแม่น้ำหลากหลายแม่น้ำ

เชื่อมไปยังทะเลนอกแผ่นดินใหญ่โดยตรง ว่าง่ายๆ คือน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ก็คือน้ำจากทะเลจริงๆ ไม่แปลกหรอกที่จะมีกลิ่นเกลือ

ในระหว่างที่ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากความตาย แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามรณะตามหลังมาติดๆ สีหน้าของฉันซีดเผือดลงทันที

ฉันพยายามที่จะลุกขึ้น แต่ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกราวกับไม่มีขา เพราะขาอ่อนล้ามากจนเกินไป ทำให้ฉันลุกไม่ขึ้น

แต่ในขณะเดียวกันเสียงฝีเท้าของหมาป่าก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฉันหันกลับไปดูก็พบเห็นฝูงหมาป่าจำนวนมากยืนอยู่

อาจจะร้อยตัว.. พันตัว.. ไม่สิหรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ มันมีเยอะจนนับไม่ถ้วนขนสีดำของมันปกคลุมป่าเขียวขจีจนทำให้เห็นเหมือนฝูงความตายแห่งผืนป่า

พวกมันยืนเรียงกันนับไม่ถ้วน จ้องมาที่ฉันพร้อมน้ำลายไหลย้อย … ร่างของพวกมันใหญ่กว่าหมาป่าธรรมดาพอสมควร

และดูเหมือนว่าขนมันเหมือนจะเป็นสีดำที่ไม่พลิ้วไหวตามสายลม กลับกันมันดูเหมือนขนเม่น แต่ก็เหมือนขนหมาป่า นึกภาพผมสีดำสนิทเงางาม อารมณ์นั้นเลย

และถึงจะดูเงางามเหมือนผมมนุษย์ มันกลับดูแข็งแกร่งกว่ามาก ฉันถอยออกห่างในขณะที่พวกมันต้อนฉันเข้ามุม

เพราะขาไม่มีแรง ฉันเลยจำเป็นต้องใช้แขนสองข้างลากตัวถอยหลังไปจนห่างจากหน้าผาไม่กี่คืบเท่านั้น

และพวกมันก็เข้ามาล้อมฉันปิดกั้นทางหนีฉันโดยสิ้นเชิง ดูท่าพวกมันจะมีสติปัญญาที่สูงอีกต่างหากพร้อมกับร้องออกมา

“กรู้ววววว!”

แย่แล้ว นี่มันแย่สุดๆ ตอนนี้ฉันจนมุมโดยสิ้นเชิงต่อให้โดดลงไปฉันก็ไม่รอดเพราะฉันตอนนี้ไม่สลาย ผสมกับที่ฉันว่ายน้ำไม่เป็นและเป็นโรคกลัวใต้ทะเล

อันที่จริงที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะจะลงไปดูใต้ทะเลนั่นแหละ แต่นั่นก็ต้องมีเวทมนตร์ที่ทำให้ฉันมองเห็นใต้ทะเลเหมือนมองบนอากาศกับมีฟองอากาศ

ทว่าตอนนี้อย่าว่าแต่ใช้เวทประณีตแบบเวทมนตร์ฟองอากาศหรืออะไรเลย ขนาดเวทมนตร์ที่ฆ่าหมาป่าสักตัวก็ยัง…ยาก…

เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ มีอะไรแปลกๆ .. เพราะว่าตอนนี้ความเบลอหรือเวียนหัวมันหายไปแล้ว ไม่สิ.. ควรจะบอกว่าหายไปชั่วคราวมากกว่าสินะ

คงเป็นเพราะฉันล้มหัวฟาดพื้นเมื่อกี้นั่นแหละ…. มันส่งผลให้ความรู้สึกเจ็บตีขึ้นมาทำให้สติถูกเรียกกลับมาได้ แต่ไม่นานคงกลับไปเบลอแน่

ฉันคิดแบบนั้นเลยตัดสินใจกัดฟันยกมือขวาขึ้น ใช่ ตอนนี้แหละ..ต้องตอนนี้เท่านั้น โอกาสรอดของฉัน ใช้เวทมนตร์เลย!

ฉันยกมือขึ้นและใช้เวทมนตร์โดยไม่ลังเล ฉันหลับตาและจินตนาการถึงเวทมนตร์แห่งการทำลายล้างเวทมนตร์ไฟธรรมดาเมื่อคิดได้แบบนั้น

ฉันก็แทรกแซงทำให้ไฟปรากฏขึ้นและยิงเวทมนตร์ออกไป ใช่! มันควรจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ ทว่าตอนนี้กลับไร้ซึ่งแสงไฟปรากฏขึ้น อันที่จริงฉันพึ่งสัมผัสถึง..

ความว่างเปล่า! ไม่มีการตอบสนองต่อโลกเลย

แทบจะวินาทีนั้นเอง ความรู้สึกที่ฉันสัมผัสถึงอันตรายซึ่งมีมาตั้งแต่มาอยู่ที่โลกในชิ้นส่วนเวหานี้ครั้งแรกนั้น

มันเป็นเหมือนความมืดที่กำลังปกคลุมจิตใจของฉันอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าฉันก็ไม่อยากที่จะเชื่อเท่าไหร่นัก

ฉันกัดฟันไม่ยอมแพ้ และยกมือไปข้างหน้าอีกครั้ง และพยายามที่จะใช้เวทมนตร์แทรกแซงโลกอีกครั้ง!

แต่ผลลัพธ์กลับไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว พยายามอีกครั้งก็ไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด! ความมืดปกคลุมจิตใจของฉัน…

ใช่.. ฉันควรจะรู้สึกตัวเร็วกว่านี้ ถ้าฉันทิ้งเรื่องคนอื่นไปสักนิด และมาคิดถึงสิ่งที่ตัวเองวางใจที่สุดในโลกใบนี้อย่างเวทมนตร์…

(อันที่จริงหาเลทิเซียเลิกคิดเรื่องคนอื่นสักนิด ก็จะถูกแผนอัลฟี่เล่นงาน หรือถ้าระแวงสุดขีดก็ลืมเรื่องเวทมนตร์อยู่ดี)

แต่ว่าพอมารู้สึกตัวมันก็สายไปแล้ว ในตอนนี้ฉันไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อีกต่อไป เพราะหวังพึ่งมันมาจกจนเกินไป

และในตอนนี้ฉันพึ่งจะเข้าใจในหลายๆ สิ่งและหลายๆ อย่าง.. ที่เกิดขึ้น เหตุผลที่ฉันรู้สึกอันตรายตั้งแต่มาที่นี่น่ะ… ไม่ใช่เพราะใครหรืออะไรทั้งสิ้น…

แต่เป็นเพราะว่า เวทมนตร์ของฉันใช้ไม่ได้!

ความสิ้นหวัง.. ความกลัว… ทุกอย่างกำลังทำเอาฉันทำอะไรไม่ถูก ในตอนนี้นั้นหนทางรอดของฉันไม่มีเหลือแล้ว มันหายไปจนหมด

ความกลัว.. ความรู้สึกผิดพลาด.. ทั้งๆ ที่ฉันเป็นคนระวังตัวมาตลอด.. แต่ว่าตอนนี้กลับ.. ตอนนี้กลับมาจนมุมเพราะตัวเองลืมที่จะระวังเรื่องเวทมนตร์

ความโลเล ไม่เชื่อใจในตัวเองและขาดความมั่นใจปรากฏขึ้นในใจของฉันอย่างเงียบๆ .. ฉันที่เคยคิดว่าความคิดตัวเองนั้นถูกเสมอ…

แต่ในวินาทีนั้นเอง ในเสี้ยววินาทีที่ฉันแทบจะสังเกตไม่ทัน หมาป่าตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ฉันจากด้านข้างด้วยความเร็ว

โดยที่ฉันไม่ทันได้รู้สึกตัว แขนของฉันก็หายไปเหลือเพียงของเหลวสีแดงพุ่งออกจากแขนข้างขวาฉันเหมือนกับน้ำพุ

ตั้งแต่ต้นแขนลงไปถึงข้อศอก มือ… ของมือขวาของฉันมันหายไปตอนไหนไม่รู้… ดวงตาของฉันหันไปเห็นหมาป่าตัวหนึ่งที่คาบแขนเล็กๆ อยู่..

“ขะ.. แขนฉัน… อ๊าาาา!!!”

…………..

เสียงกรีดร้องของเลทิเซียดังขึ้นด้วยความทรมาน ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเลือดของเลทิเซียพุ่งออกจากแขนอาบไปทั่วร่างของเธอ

ด้านหลังของเธอคือขอบผาสูงหลายสิบเมตร.. ในตอนนี้ความเจ็บปวด ความรู้สึกผิดพลาด ขาดความมั่นใจ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำมาตลอดแต่กลับมาพลาดจนถึงคราวที่เกือบจะตาย ทำเอาเลทิเซียสติแตก ทั้งความเจ็บปวดที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแม้แต่ในชีวิตที่แล้ว

ทำเอาดวงตาของเธอเบิกกว้างน้ำตา น้ำมูก น้ำลาย แห่งความเจ็บปวดทรมานไหลออกมา..บนร่างที่อาบไปด้วยเลือด กลายเป็นสภาพที่สยดสยองที่สุด

ความสิ้นหวัง! สำหรับเลทิเซียความผิดพลาดครั้งนี้ คือครั้งแรกและมันทำให้เธอสั่นคลอนผสมกับความตายที่คืบคลานเข้าใกล้ ทำให้ทุกอย่างมืดมัวไปหมด กลายเป็นความสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง!

“เจ็บ เจ็บ… เจ็บ!! รักษา!! รักษา!!!”

เธอร้องทรมานอย่าน่าเวทนาและแม้เธอจะใช้เวทปีศาจที่เธอกักเก็บไว้เป็นไพ่ตาย และตอนนี้เธอกำลังใช้เวทปีศาจเพื่อรักษาแขน

แต่ความผิดพลาดอีกครั้งก็บังเกิด ทำให้ความหวังเสี้ยวสุดท้ายนั้นสูญหายไป เพราะแม้แต่เวทปีศาจก็ยังไม่สามารถใช้ได้

และในวินาทีเดียวกันกรงเล็บหมาป่าก็พุ่งฟาดลงมาใส่เลทิเซีย แต่แม้จะใกล้สติแตกแค่ไหนแต่ว่า อย่างน้อยเธอก็มีชีวิตมาสองชาติ

เธอเรียกสติกลับมาและใช้แขนซ้ายผลักตัวออกไปด้านข้าง จนทำให้เท้าของบนตบพลาด แต่ก็ฟาดไปโดนขาซ้ายของเธอ

“กร็อบ!”

เสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงที่ดังจนแหบพร่าดังขึ้นไปทั่วป่า หากมีคนได้ยินคงรับรู้ทันทีว่ามีเด็กที่ร้องแบบนี้ออกมาได้คงกำลังทรมานแม้แต่คำบรรยายก็คงไม่อาจกล่าวออกมาได้…

แขนขวาขาด กระดูกขาซ้ายแตกละเอียด.. ตอนนี้ต่อให้เลทิเซียว่ายน้ำเป็นตอนนี้ก็ไม่มีทางที่จะรอดแน่…

………….

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท