บทที่ 97 – ขอที่พักพิง
แน่นอนว่าสำหรับทสึรุแล้ว.. ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้.. เธอไม่เคยฆ่าคนและไม่คิดจะทำมาก่อน เมื่อมองดูถึงลักษณะนิสัยของเธอแล้ว…
ยิ่งไม่มีทางที่เธอจะฆ่าใครได้อย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าเธออ่อนต่อโลกหรืออะไร เพราะเธอรู้ว่าแม้ในยุคที่ไม่มีสมคราม
และมีกฎหมายที่คอยควบคุมผู้คน แต่ในความจริงแล้วการปล้นฆ่าหรือเผาบ้านเผาเมืองยังมีกันให้เห็นในบางประเทศ
เธอไม่เข้าใจมาตลอดว่าทำไมถึงต้องฆ่ากัน ที่เธอฝึกวิชาป้องกันตัวเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความรู้สึก อีกส่วนคือใช้กำราบสัตว์ร้ายพวกมอนสเตอร์
การฆ่าคนด้วยกันเองเธอไม่เคยเข้าใจมาก่อน อันที่จริงเข้าขั้นต่อต้านเลยเสียด้วยซ้ำ ตอนที่อยู่ในเมืองก็ดี..เธอเองก็ไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
แม้ไม่ได้ลงลึกแผนการซับซ้อนลิงหลอกเจ้า ข้าหลอกเจ้า เหมือนเลทิเซีย แต่เธออย่างไรก็เป็นนักรบและนักรบก็ไวต่อจิตสังหารยิ่งกว่าผู้ใช้เวทมนตร์
แม้เธอจะไม่เคยฆ่าใครหรือสู้ใคร แต่เธอกลับระบุได้อย่างชัดเจนว่าตั้งแต่ที่มาโลกนี้ เธอรู้สึกว่าสายตาคนที่มองเธอต่างจากตอนอยู่โลกด้านนอกหลายขุม
และทสึรุก็หนีมากับเลทิเซียและเกิดการระเบิดขึ้นที่ห้องของพวกเลทิเซีย เธอไม่มั่นใจว่านั่นเป็นฝีมือของเลทิเซียหรือคนจากเมือง
และนั่นทำคุณธรรมในเธอสั่นคลอนอย่างช่วยไม่ได้.. แม้เธอจะอัดอั้นแต่เธอไม่ได้พูดมันกับเลทิเซีย
จนกระทั่งเจอกับมังกรที่อยู่ในร่างมนุษย์ เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไรเธอก็โจมตีมันทันที… นั่นทำให้เธอมารู้สึกตัวในภายหลังว่า..
ต่อให้อีกฝ่ายเป็นมนุษย์ เธอก็ไม่ลังเลที่จะทำแบบนั้น!
เหมือนกับตอนนี้.. ที่เธอกำลังมองมนุษย์ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ในสายตาเธอ เธอมองว่าเป็นผู้บุกรุกไว้ก่อน!
และหากอีกฝ่ายลงมือ ทสึรุก็เตรียมพร้อมที่จะฆ่าคน …. ตอนแรกเธอไม่เคยเข้าใจเหตุผลในการฆ่าคนด้วยกันเอง ทั้งๆ ที่สามารถเข้าใจกันได้
และไม่คิดว่าจะมีสันที่เข้าใจ..แต่บัดนี้เวลานี้… เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว! เธอจะฆ่าเพื่อปกป้องคนที่เธอรัก
หากมีคำถามว่าระหว่างเลทิเซียกับคนหลายสิบคนอันไหนสำคัญกว่ากัน ทสึรุตอบได้ทันทีว่าเลทิเซียและพร้อมที่จะลงมือสังหารคนที่เหลือหากจำเป็น
ความรู้สึกสิ้นหวังที่สูญเสียเลทิเซียซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้น ราวกับมันได้สอนให้เธอรู้แล้วว่า ชีวิตเลทิเซียในสายตาเธอนั้น..
มีคุณค่ามากกว่าคนอื่นอย่างนับไม่ได้!
สายตาทสึรุนิ่งไปยังคนทั้งสองราวกับว่า เมื่ออีกฝ่ายขยับตัวเธอจะโจมตีโดยไม่ลังเล และแน่นอนว่าคนสองคนนี้คือคนที่พึ่งเข้ามายังโลกแห่งนี้ไม่นาน
แอนนี่และเซเลีย พวกเธอทั้งสองหลังจากเข้ามาแล้วฝนดันตกพอดีซะนี่ ทำให้ต้องหลบฝนก่อน แต่จะใช้อาร์ติแฟ็คหลบฝนมันก็หลบพายุลมไม่ได้
เลยคิดจะหาถ้ำเพื่อหลบฝนหลบพายุ พวกเธอเลยรีบมุ่งหน้าเข้าเกาะ แต่ไม่รู้ว่าในเกาะทำไมมีบ้านไม้หลังหนึ่งอยู่
แต่เมื่อมีบ้านก็ต้องมีคนเรื่องนี้ทำเอาทั้งสองคนต่างพากันประหลาดใจ แต่พอใช้อาร์ติแฟ็คตรวจจับชีวิตในบ้านแต่ดันไม่มีสิ่งมีชีวิตในบ้าน
พวกเธอเลยคิดว่าน่าจะเป็นบ้านที่ถูกสร้างทิ้งไว้
ในมิติที่ไม่ควรมีคนอยู่แบบนี้ มีบ้านหลังหนึ่งแถมยังใหม่อยู่พอสมควร มันเลยดูน่าสงสัยแลจำเป็นต้องเพิ่มความระแวดระวังบ้าง
แต่พอจะเข้าไปหลบฝนก็ดันเห็นศพนอนอยู่บนเตียงไม้
พวกเธอรู้ทันทีแค่ปราดตามอง.. ไม่สิ.. ไม่รู้น่ะสิแปลก แม้ร่างกายของเลทิเซียจะไม่ส่งกลิ่นออกมาและอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม
แต่เห็นได้ชัดว่าทั่วร่างซีดเซียวเลือดไม่ไหล แถมผอมลงมากดวงตาเองก็เริ่มที่จะหลุบเข้าไปแล้วมองดูยังไงก็เป็นศพที่ตายมาเป็นเดือนแล้ว
พวกเธอไขกระจ่างทันที บางทีคนคนนี้อาจจะสร้างบ้านไม้ก่อนที่จะตายไปด้วยสาเหตุบางอย่าง แขนขาดอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่เธอเสียชีวิต
ที่เป็นส่วนหนึ่งเพราะในบ้านหลังนี้ไม่มีเลือดสักหยด.. แต่พวกเธอก็เลิกคิดมากเมื่อรู้ต้นสายปลายเหตุ แต่พอเห็นศพของเลทิเซียพวกเธอก็อดที่จะอึ้งไม่ได้
“หึ ข้าสวยกว่าอีก!”
ไม่รู้ทำไมเซเลียจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ ทำเอาแอนนี่หัวเราะแห้งๆ เธอรู้ว่าเซเลียคงวาดภาพศพนี้ตอนยังไม่ตายขึ้นมาในหัว
แล้วเห็นงดงามมากจนเกิดการแข่งขันในหัวตัวเอง.. แต่น่าแปลกที่ศพนี้เหมือนจะเป็นแค่เด็ก..
“เอ๊ะ.. เดี๋ยวนะ ชุดนั่น..”
เหมือนแอนนี่พึ่งสังเกตเห็นเซเลียก็หันไปมองด้วยความแปลกใจ พอสังเกตชุด แม้ชุดจะเปรอะเปื้อนเลอะคราบเลือดและโคลน
แต่ก็เห็นชัดเจนว่า นี่เป็นชุดนักเรียนของโรงเรียนลิเบอร์! แม้ทสึรุจะไม่ได้เตรียมชุดมา แต่เลทิเซียรอบคอบอย่างถึงที่สุด เธอเตรียมของเสร็จนานแล้ว…
“ชุดนักเรียนโรงเรียนลิเบอร์!”
นั่นคือสิ่งที่พวกเธอสังเกตเห็นและ ดูจากอายุของอีกฝ่ายแม้จะดูเด็กไปบ้างแต่จากชุดโรงเรียนที่พอดีตัว นั่นหมายความว่าเป็นชุดนักเรียนที่สร้างขนาดมาเพื่อเธอ
หรือก็คือเด็กคนนี้เป็นนักเรียนจากโรงเรียนลิเบอร์อย่างน้อยก็เก้าในสิบส่วน และมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งเข้าเรียน
แอนนี่กับเซเลียมองหน้ากัน พวกเธอก็รู้ว่าการเข้ามาในชิ้นส่วนเวหานี้เต็มไปด้วยความอันตราย แต่เพราะครั้งนี้มันเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าจะทันได้เตรียมตัว
ทำให้อารมณ์ของพวกเธอทั้งสองหดหู่ขึ้นมา จะอย่างไรซะนี่ก็คือความตายของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก
และพวกเธอเองก็ไม่อยากจะไปรบกวนคนตายแต่ว่าคราวนี้เหตุจำเป็นเนื่องจากพายุคะนองดันเข้าตอนมาถึงพอดีเนี่ยสิ
พวกเธอจึงตัดสินใจที่เข้าไปในบ้านไม้หลังนั้นแต่ในตอนนั้นเอง พวกเธอพลันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันตรายบางอย่างและมีเสียงดังจากซ้ายมือ
ทำให้พวกเธอหันไปมองด้วยความสงสัย และตามมาด้วยเงาร่างพร่าเลือนที่พุ่งเข้ามา เซเลียตอบสนองไม่ทัน แต่แอนนี่ไม่ใช่!
เธอคือนักรบคนหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายพุ่งมาด้วยความเร็วสูงหมายจะโจมตี แอนนี่สัมผัสถึงและผลักเซเลียออก
ก่อนที่อาร์ติแฟ็คจะถูกดึงออกมา อาร์ติแฟ็คนี้คือดาบที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาร์ติแฟ็คที่แข็งแกร่งในอันดับต้นๆ ที่ตระกูลพวกนางมี
แต่ทันทีที่ปะทะมันกลับทำลายท่อนไม้ท่อนหนึ่งไม่ได้ ทำให้แอนนี่ถึงกับสำลักลมหายใจ ดวงตาของเธอมีประกายแปลกประหลาด
แต่เพราะการปะทะทำให้แอนนี่ถอยร่นออกจากจุดปะทะทันที แน่นอนว่าคนที่มาคือทสึรุ.. ดวงตาเธอจ้องไปที่อีกฝ่ายนิ่ง
เสียงการปะทะกันเมื่อครู่นี้ไม่นับเป็นกระไรเพราะมีเสียงพายุฝนฟ้าคะนองระห่ำอยู่ในเกาะ แต่ตอนนี้สายตาของทสึรุจับจ้องไปที่คนอาจจะเป็นศัตรูตรงหน้าไม่ขยับ
เห็นชัดว่าเธอไม่โจมตีต่อ และไม่คิดจะขยับออกหน้าประตู เซเลียที่เห็นก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะปกป้องสิ่งที่อยู่บ้านไม้
สมองของเธอวิ่งแล่นก่อนที่เธอจะพูดขึ้น
“ใจเย็นๆ ก่อน พวกข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเรื่อง เพียงแต่ว่าคิดจะมาหลบฝนเท่านั้น.. เพราะพวกข้าพึ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน”
เห็นได้ชัดว่าเซเลียเมื่ออยู่ในสถานการณ์นี้เธอกลับรอบคอบยิ่งกว่าแอนนี่ที่ เตรียมท่าจะโจมตีต่อ
“….”
ทสึรุไม่ได้ตอบแต่ทำท่าทางเหมือนกับจะบอกว่า หากขยับเข้ามาอีกจะโจมตีแน่ อะไรแบบนั้น อันที่จริงเธอในสภาพนี้ไม่ต่างจากแม่เสือที่ปกป้องลูกเสืออยู่เลย
“เจ้าคงเป็นคนจากโรงเรียนลิเบอร์สินะ ข้าเป็นคนของโรงเรียนไลเบอร์ และได้เข้ามาที่นี่เพราะอุบัติเหตุอะไรนั่นเหมือนกับเจ้านั่นแหละ! ข้าอยากจะขอพักที่นี่หน่อยเพราะพักพายุฝนแบบนี้เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอาน่ะ”
ทสึรุกำลังจะถามว่ารู้ได้ไง แต่ก็นึกขึ้นได้คงเป็นเพราะเมื่อกี้เห็นชุดของเลทิเซียที่นอนอยู่ในบ้านไม้เธอเลยทำหน้าเหมือนเข้าใจ
แต่เธอยังมองอีกฝ่ายอย่างคลางแคลงใจไม่น้อย พอเห็นสายตาที่เหมือนใช้สัญชาตญาณของทสึรุ
เซเลียก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อย เธอบ่นอยู่ในใจว่า “ขนาดองค์ชายยังไม่เคยมองข้าเหมือนสิ่งของอันตรายที่ต้องดมก่อนแบบนั้นเลยนะ”
เธอต้องเบ๊ปากออกมา แต่ทสึรุก็มองเห็นชุดอีกฝ่าย แม้จะไม่เคยเจอคนจากโรงเรียนไลเบอร์มาก่อน แต่ชุดประจำโรงเรียนของทั้งห้าโรงเรียนมีอยู่ในการสอน
เพราะชุดแต่ละโรงเรียนจะมีจุดอ่อน จะแข็งแตกต่างซึ่งมีประโยชน์สำหรับการต่อสู้ที่จะจัดขึ้นในอนาคตข้างหน้า จึงไม่แปลกที่ทสึรุจะเคยเห็น
“อืม… ก็ได้ แต่ถ้าหากจะทำอะไรกับเลทิเซีย ข้าไม่ยกโทษให้แน่”
ทสึรุพูดออกมา ถ้าเป็นคนของโลกนี้เธอก็จะไล่หนีทันที เพราะคนในโลกชิ้นส่วนนี้มันเชื่อถือไม่ค่อยได้ แต่พอเป็นคนจากโรงเรียนที่รู้จักทสึรุก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
อีกอย่างตอนนี้พายุเข้าด้วย ถ้าไม่พายุเข้าเธอก็คงไล่หนีเหมือนกัน เพราะยังไงซะคนสองคนนี้ก็ลำบากอยู่ ทสึรุไม่ใช่คนใจจืดใจดำขนาดนั้น
แค่ไม่เป็นอันตรายต่อเลทิเซียเธอก็ไม่นับว่าเป็นศัตรู.. ต้องรู้ว่าทสึรุคือคนที่สติสมประกอบ ไม่เหมือนเลทิเซียที่ดูจะกลัวจนบ๊องๆ ไปหน่อย…
……….