การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 97

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 97 – ขอที่พักพิง

แน่นอนว่าสำหรับทสึรุแล้ว.. ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้.. เธอไม่เคยฆ่าคนและไม่คิดจะทำมาก่อน เมื่อมองดูถึงลักษณะนิสัยของเธอแล้ว…

ยิ่งไม่มีทางที่เธอจะฆ่าใครได้อย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าเธออ่อนต่อโลกหรืออะไร เพราะเธอรู้ว่าแม้ในยุคที่ไม่มีสมคราม

และมีกฎหมายที่คอยควบคุมผู้คน แต่ในความจริงแล้วการปล้นฆ่าหรือเผาบ้านเผาเมืองยังมีกันให้เห็นในบางประเทศ

เธอไม่เข้าใจมาตลอดว่าทำไมถึงต้องฆ่ากัน ที่เธอฝึกวิชาป้องกันตัวเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความรู้สึก อีกส่วนคือใช้กำราบสัตว์ร้ายพวกมอนสเตอร์

การฆ่าคนด้วยกันเองเธอไม่เคยเข้าใจมาก่อน อันที่จริงเข้าขั้นต่อต้านเลยเสียด้วยซ้ำ ตอนที่อยู่ในเมืองก็ดี..เธอเองก็ไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น

แม้ไม่ได้ลงลึกแผนการซับซ้อนลิงหลอกเจ้า ข้าหลอกเจ้า เหมือนเลทิเซีย แต่เธออย่างไรก็เป็นนักรบและนักรบก็ไวต่อจิตสังหารยิ่งกว่าผู้ใช้เวทมนตร์

แม้เธอจะไม่เคยฆ่าใครหรือสู้ใคร แต่เธอกลับระบุได้อย่างชัดเจนว่าตั้งแต่ที่มาโลกนี้ เธอรู้สึกว่าสายตาคนที่มองเธอต่างจากตอนอยู่โลกด้านนอกหลายขุม

และทสึรุก็หนีมากับเลทิเซียและเกิดการระเบิดขึ้นที่ห้องของพวกเลทิเซีย เธอไม่มั่นใจว่านั่นเป็นฝีมือของเลทิเซียหรือคนจากเมือง

และนั่นทำคุณธรรมในเธอสั่นคลอนอย่างช่วยไม่ได้.. แม้เธอจะอัดอั้นแต่เธอไม่ได้พูดมันกับเลทิเซีย

จนกระทั่งเจอกับมังกรที่อยู่ในร่างมนุษย์ เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไรเธอก็โจมตีมันทันที… นั่นทำให้เธอมารู้สึกตัวในภายหลังว่า..

ต่อให้อีกฝ่ายเป็นมนุษย์ เธอก็ไม่ลังเลที่จะทำแบบนั้น!

เหมือนกับตอนนี้.. ที่เธอกำลังมองมนุษย์ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ในสายตาเธอ เธอมองว่าเป็นผู้บุกรุกไว้ก่อน!

และหากอีกฝ่ายลงมือ ทสึรุก็เตรียมพร้อมที่จะฆ่าคน …. ตอนแรกเธอไม่เคยเข้าใจเหตุผลในการฆ่าคนด้วยกันเอง ทั้งๆ ที่สามารถเข้าใจกันได้

และไม่คิดว่าจะมีสันที่เข้าใจ..แต่บัดนี้เวลานี้… เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว! เธอจะฆ่าเพื่อปกป้องคนที่เธอรัก

หากมีคำถามว่าระหว่างเลทิเซียกับคนหลายสิบคนอันไหนสำคัญกว่ากัน ทสึรุตอบได้ทันทีว่าเลทิเซียและพร้อมที่จะลงมือสังหารคนที่เหลือหากจำเป็น

ความรู้สึกสิ้นหวังที่สูญเสียเลทิเซียซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้น ราวกับมันได้สอนให้เธอรู้แล้วว่า ชีวิตเลทิเซียในสายตาเธอนั้น..

มีคุณค่ามากกว่าคนอื่นอย่างนับไม่ได้!

สายตาทสึรุนิ่งไปยังคนทั้งสองราวกับว่า เมื่ออีกฝ่ายขยับตัวเธอจะโจมตีโดยไม่ลังเล และแน่นอนว่าคนสองคนนี้คือคนที่พึ่งเข้ามายังโลกแห่งนี้ไม่นาน

แอนนี่และเซเลีย พวกเธอทั้งสองหลังจากเข้ามาแล้วฝนดันตกพอดีซะนี่ ทำให้ต้องหลบฝนก่อน แต่จะใช้อาร์ติแฟ็คหลบฝนมันก็หลบพายุลมไม่ได้

เลยคิดจะหาถ้ำเพื่อหลบฝนหลบพายุ พวกเธอเลยรีบมุ่งหน้าเข้าเกาะ แต่ไม่รู้ว่าในเกาะทำไมมีบ้านไม้หลังหนึ่งอยู่

แต่เมื่อมีบ้านก็ต้องมีคนเรื่องนี้ทำเอาทั้งสองคนต่างพากันประหลาดใจ แต่พอใช้อาร์ติแฟ็คตรวจจับชีวิตในบ้านแต่ดันไม่มีสิ่งมีชีวิตในบ้าน

พวกเธอเลยคิดว่าน่าจะเป็นบ้านที่ถูกสร้างทิ้งไว้

ในมิติที่ไม่ควรมีคนอยู่แบบนี้ มีบ้านหลังหนึ่งแถมยังใหม่อยู่พอสมควร มันเลยดูน่าสงสัยแลจำเป็นต้องเพิ่มความระแวดระวังบ้าง

แต่พอจะเข้าไปหลบฝนก็ดันเห็นศพนอนอยู่บนเตียงไม้

พวกเธอรู้ทันทีแค่ปราดตามอง.. ไม่สิ.. ไม่รู้น่ะสิแปลก แม้ร่างกายของเลทิเซียจะไม่ส่งกลิ่นออกมาและอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม

แต่เห็นได้ชัดว่าทั่วร่างซีดเซียวเลือดไม่ไหล แถมผอมลงมากดวงตาเองก็เริ่มที่จะหลุบเข้าไปแล้วมองดูยังไงก็เป็นศพที่ตายมาเป็นเดือนแล้ว

พวกเธอไขกระจ่างทันที บางทีคนคนนี้อาจจะสร้างบ้านไม้ก่อนที่จะตายไปด้วยสาเหตุบางอย่าง แขนขาดอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่เธอเสียชีวิต

ที่เป็นส่วนหนึ่งเพราะในบ้านหลังนี้ไม่มีเลือดสักหยด.. แต่พวกเธอก็เลิกคิดมากเมื่อรู้ต้นสายปลายเหตุ แต่พอเห็นศพของเลทิเซียพวกเธอก็อดที่จะอึ้งไม่ได้

“หึ ข้าสวยกว่าอีก!”

ไม่รู้ทำไมเซเลียจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ ทำเอาแอนนี่หัวเราะแห้งๆ เธอรู้ว่าเซเลียคงวาดภาพศพนี้ตอนยังไม่ตายขึ้นมาในหัว

แล้วเห็นงดงามมากจนเกิดการแข่งขันในหัวตัวเอง.. แต่น่าแปลกที่ศพนี้เหมือนจะเป็นแค่เด็ก..

“เอ๊ะ.. เดี๋ยวนะ ชุดนั่น..”

เหมือนแอนนี่พึ่งสังเกตเห็นเซเลียก็หันไปมองด้วยความแปลกใจ พอสังเกตชุด แม้ชุดจะเปรอะเปื้อนเลอะคราบเลือดและโคลน

แต่ก็เห็นชัดเจนว่า นี่เป็นชุดนักเรียนของโรงเรียนลิเบอร์! แม้ทสึรุจะไม่ได้เตรียมชุดมา แต่เลทิเซียรอบคอบอย่างถึงที่สุด เธอเตรียมของเสร็จนานแล้ว…

“ชุดนักเรียนโรงเรียนลิเบอร์!”

นั่นคือสิ่งที่พวกเธอสังเกตเห็นและ ดูจากอายุของอีกฝ่ายแม้จะดูเด็กไปบ้างแต่จากชุดโรงเรียนที่พอดีตัว นั่นหมายความว่าเป็นชุดนักเรียนที่สร้างขนาดมาเพื่อเธอ

หรือก็คือเด็กคนนี้เป็นนักเรียนจากโรงเรียนลิเบอร์อย่างน้อยก็เก้าในสิบส่วน และมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งเข้าเรียน

แอนนี่กับเซเลียมองหน้ากัน พวกเธอก็รู้ว่าการเข้ามาในชิ้นส่วนเวหานี้เต็มไปด้วยความอันตราย แต่เพราะครั้งนี้มันเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าจะทันได้เตรียมตัว

ทำให้อารมณ์ของพวกเธอทั้งสองหดหู่ขึ้นมา จะอย่างไรซะนี่ก็คือความตายของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก

และพวกเธอเองก็ไม่อยากจะไปรบกวนคนตายแต่ว่าคราวนี้เหตุจำเป็นเนื่องจากพายุคะนองดันเข้าตอนมาถึงพอดีเนี่ยสิ

พวกเธอจึงตัดสินใจที่เข้าไปในบ้านไม้หลังนั้นแต่ในตอนนั้นเอง พวกเธอพลันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันตรายบางอย่างและมีเสียงดังจากซ้ายมือ

ทำให้พวกเธอหันไปมองด้วยความสงสัย และตามมาด้วยเงาร่างพร่าเลือนที่พุ่งเข้ามา เซเลียตอบสนองไม่ทัน แต่แอนนี่ไม่ใช่!

เธอคือนักรบคนหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายพุ่งมาด้วยความเร็วสูงหมายจะโจมตี แอนนี่สัมผัสถึงและผลักเซเลียออก

ก่อนที่อาร์ติแฟ็คจะถูกดึงออกมา อาร์ติแฟ็คนี้คือดาบที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาร์ติแฟ็คที่แข็งแกร่งในอันดับต้นๆ ที่ตระกูลพวกนางมี

แต่ทันทีที่ปะทะมันกลับทำลายท่อนไม้ท่อนหนึ่งไม่ได้ ทำให้แอนนี่ถึงกับสำลักลมหายใจ ดวงตาของเธอมีประกายแปลกประหลาด

แต่เพราะการปะทะทำให้แอนนี่ถอยร่นออกจากจุดปะทะทันที แน่นอนว่าคนที่มาคือทสึรุ.. ดวงตาเธอจ้องไปที่อีกฝ่ายนิ่ง

เสียงการปะทะกันเมื่อครู่นี้ไม่นับเป็นกระไรเพราะมีเสียงพายุฝนฟ้าคะนองระห่ำอยู่ในเกาะ แต่ตอนนี้สายตาของทสึรุจับจ้องไปที่คนอาจจะเป็นศัตรูตรงหน้าไม่ขยับ

เห็นชัดว่าเธอไม่โจมตีต่อ และไม่คิดจะขยับออกหน้าประตู เซเลียที่เห็นก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะปกป้องสิ่งที่อยู่บ้านไม้

สมองของเธอวิ่งแล่นก่อนที่เธอจะพูดขึ้น

“ใจเย็นๆ ก่อน พวกข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเรื่อง เพียงแต่ว่าคิดจะมาหลบฝนเท่านั้น.. เพราะพวกข้าพึ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน”

เห็นได้ชัดว่าเซเลียเมื่ออยู่ในสถานการณ์นี้เธอกลับรอบคอบยิ่งกว่าแอนนี่ที่ เตรียมท่าจะโจมตีต่อ

“….”

ทสึรุไม่ได้ตอบแต่ทำท่าทางเหมือนกับจะบอกว่า หากขยับเข้ามาอีกจะโจมตีแน่ อะไรแบบนั้น อันที่จริงเธอในสภาพนี้ไม่ต่างจากแม่เสือที่ปกป้องลูกเสืออยู่เลย

“เจ้าคงเป็นคนจากโรงเรียนลิเบอร์สินะ ข้าเป็นคนของโรงเรียนไลเบอร์ และได้เข้ามาที่นี่เพราะอุบัติเหตุอะไรนั่นเหมือนกับเจ้านั่นแหละ! ข้าอยากจะขอพักที่นี่หน่อยเพราะพักพายุฝนแบบนี้เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอาน่ะ”

ทสึรุกำลังจะถามว่ารู้ได้ไง แต่ก็นึกขึ้นได้คงเป็นเพราะเมื่อกี้เห็นชุดของเลทิเซียที่นอนอยู่ในบ้านไม้เธอเลยทำหน้าเหมือนเข้าใจ

แต่เธอยังมองอีกฝ่ายอย่างคลางแคลงใจไม่น้อย พอเห็นสายตาที่เหมือนใช้สัญชาตญาณของทสึรุ

เซเลียก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อย เธอบ่นอยู่ในใจว่า “ขนาดองค์ชายยังไม่เคยมองข้าเหมือนสิ่งของอันตรายที่ต้องดมก่อนแบบนั้นเลยนะ”

เธอต้องเบ๊ปากออกมา แต่ทสึรุก็มองเห็นชุดอีกฝ่าย แม้จะไม่เคยเจอคนจากโรงเรียนไลเบอร์มาก่อน แต่ชุดประจำโรงเรียนของทั้งห้าโรงเรียนมีอยู่ในการสอน

เพราะชุดแต่ละโรงเรียนจะมีจุดอ่อน จะแข็งแตกต่างซึ่งมีประโยชน์สำหรับการต่อสู้ที่จะจัดขึ้นในอนาคตข้างหน้า จึงไม่แปลกที่ทสึรุจะเคยเห็น

“อืม… ก็ได้ แต่ถ้าหากจะทำอะไรกับเลทิเซีย ข้าไม่ยกโทษให้แน่”

ทสึรุพูดออกมา ถ้าเป็นคนของโลกนี้เธอก็จะไล่หนีทันที เพราะคนในโลกชิ้นส่วนนี้มันเชื่อถือไม่ค่อยได้ แต่พอเป็นคนจากโรงเรียนที่รู้จักทสึรุก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

อีกอย่างตอนนี้พายุเข้าด้วย ถ้าไม่พายุเข้าเธอก็คงไล่หนีเหมือนกัน เพราะยังไงซะคนสองคนนี้ก็ลำบากอยู่ ทสึรุไม่ใช่คนใจจืดใจดำขนาดนั้น

แค่ไม่เป็นอันตรายต่อเลทิเซียเธอก็ไม่นับว่าเป็นศัตรู.. ต้องรู้ว่าทสึรุคือคนที่สติสมประกอบ ไม่เหมือนเลทิเซียที่ดูจะกลัวจนบ๊องๆ ไปหน่อย…

……….

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน