การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 105

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 105 – ศัตรู

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามทั้งสามก็ใช้เวลาสั้นๆ ในการเดินมาถึงก้าวที่ห้าสิบ และสายฟ้าสีส้มก็รุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า

อันที่จริงความแรงของสายฟ้านั้นมันเพิ่มขึ้นทุกฝีก้าวนั่นแหละ แต่มันก็เพิ่มประมาณสองในสิบส่วนเท่านั้น

แต่พอเหยียบลงก้าวที่ห้าสิบเอ็ดเท่านั้นแหละ สายฟ้ามันรุนแรงขึ้นอีกเท่าตัวจนแทบทำให้ผิวหนังทสึรุรู้สึกแปล๊บขึ้นมาบ้างแล้ว

โชคยังดีที่ระดับนี้ไม่พอจะทำอันตรายต่อเธอได้ แน่นอนว่าฝั่งเซเลียกับแอนนี่ก็ไม่สู้ดีนัก ม่านพลังงานของทั้งสองหม่นแสงไปแล้วกว่าสามในสิบส่วน

หากไม่มีแรงผลักบางอย่างที่ผลักสายฟ้าออกไปช่วย ป่านนี้คงพังทลายไปแล้วเป็นแน่แท้

และผลของธาตุมืดหลังจากก้าวที่ห้าสิบเอ็ด มันล้วนต่างจากห้าสิบก้าวที่ผ่านมา เพราะถูกหอย่างรอบตัวมันกลายเป็นสีดำสนิท

ไม่เหมือนแบบแรกที่ทำให้ตายบอด แต่มันคือทำให้ทุกอย่างไม่ว่าจะพื้นดินอากาศ ทุกอย่างอัดแน่นไปด้วยสสารบางอย่างที่มีแรงบีบก็มี แรงดูดก็มี

หนักอึ้งก็ยังมี ทันทีที่เหยียบลง ร่างกายของทสึรุรู้สึกราวกับทุกทิศทางผิวหนังทุกส่วนบนร่างกายถูกบีบรัดด้วยแรงที่มากมหาศาล

ราวกับมันจะบีบให้ทสึรุหายไปจากที่แห่งนี้ ก้าวแต่ละก้าวจึงยากลำบากมาก อันที่จริงแม้จะไม่สามารถผลกระทบต่อทสึรุจนต้องเหนื่อยหอบ

แต่มันก็ทำให้ก้าวแต่ละก้าวของเธอเต็มไปด้วยความยากลำบากอย่างถึงที่สุด ส่วนทางฝั่งของแอนนี่กับเซเลียนั้นสบายกว่า

เพราะสสารสีดำมันทะลุผ่านม่านพลังเข้ามาไม่ได้ แม้จะเดินยากไม่ต่างจากทสึรุ แต่ก็ยังง่ายกว่านัก

ที่เป็นปัญหาจริงๆ คือ ทุกๆ ก้าวสายฟ้าสีส้มมันจะแรงขึ้นทีละเท่า ทีละเท่า มันค่อยๆ ทับจากที่มีอยู่ไปเรื่อยๆ

ต่อให้เป็นทสึรุยังหน้าเปลี่ยนสีความรู้สึกแสบร้อนมันรุนแรงขึ้นทุกฝีก้าว ยังโชคดีที่ห้าสิบกว่าก้าวที่ผ่านมามันทำให้ทสึรุชินกับสายฟ้าอยู่ไม่น้อย

ร่างกายเธอจึงแทบมีความต้านทานสายฟ้าขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ทั้งสามใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมงกว่าตั้งแต่มาถึงก้าวที่ห้าสิบจนไปถึงหกสิบ

ตั้งแต่เข้ามาในนี้ก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมงแล้ว …

เมื่อมาถึงก้าวที่หกสิบเอ็ด สายฟ้าเปลี่ยนสีอีกครั้งคราวนี้กลายเป็นสีแดง! ทันทีที่สายฟ้าสีแดงพุ่งใส่ร่างทสึรุ

ผิวหนังก็ไม่เจ็บแสบ แต่กลายเป็นรู้สึกปวดทรมานราวกับทุกส่วนของร่างกายด้านชาไปจนหมด เลือดไหลออกจากจมูกของเธอทันที

ความแรงมันเพิ่มขึ้นทีเดียวสิบเท่าเลยก็ว่าได้ นี่ยังไม่สิ้นสุด ทันทีที่ร่างกายของทสึรุเหยียบเข้าสู่ก้าวที่หกสิบเอ็ด

แผ่นดินทั้งหมดที่มืดสนิทพลันกลายเป็นมีแสงระยิบระยับ ก่อนที่จะหายใจไม่ออก พื้นดินราวกับกลายเป็นกาลอวกาศ

หายใจไม่ออกเลือดลมหยุดเดิน ผิวหนังซีดลงทันควัน ทสึรุสีหน้าเปลี่ยนสีแทบจะทันที ไม่ต้องพูดถึงแอนนี่กับเซเลีย

ที่ม่านพลังทั้งหมดแม้ยังไม่ทำลาย แต่สภาพย่ำแย่กว่าทสึรุไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท้า ทสึรุตอบสนองด้วยความเร็วสูง เธอเตะใส่ม่านแสงของเซเลียกับแอนนี่

“ปัง!!!”

ม่านแสงถูกเตะด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพของทสึรุ ร่างของเซเลียกับแอนนี่ที่อยู่ในนั้นพุ่งไปข้างหน้าราวกับกระสุนปืนใหญ่

และแทบจะพริบตาเดียวม่านพลังงานแสงก็แตกพังทลาย ไม่รู้ว่าเพราะแรงเตะทสึรุหรือสายฟ้า แต่แม้จะเป็นแค่ชั่วพริบตาเดียว

แต่ความเร็วที่พุ่งไปนั้น ระยะไม่กี่สี่สิบก้าวก็ผ่านไปได้ทันทีทำให้เซเลียกับแอนนี่รอดไปจากสถานการณ์ย่ำแย่อย่างเฉียดฉิว

แต่อันที่จริง เธอก็โดนผลกระทบอยู่บ้าง ในขณะที่ทสึรุเองก็ไม่มีเวลามาก ต่อให้เธอเหนือมนุษย์มนาขนาดไหน

แต่การที่หายใจไม่ออกเธอก็ทนได้ไม่นานเหมือนกัน เธอเลี่ยงที่จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เพราะว่าหากสายฟ้ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

การพุ่งไปทีเดียวอาจจะทำให้สายฟ้าทบกันขึ้นจนทนไม่ไหว ยิ่งเธอรู้ว่าหลังจากนี้สายฟ้าจะแรงขึ้นทุกๆ สิบเท่าละก็..

แต่มันไม่มีทางเลือกแล้ว เธอเหยียบพื้นก่อนจะดีดตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง แม้ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดแต่ก็เร็วมาก

และก็อย่างที่คาดสายฟ้าที่เหมือนมีความเร็วไร้จุดสิ้นสุดนั้นก็พุ่งเข้ามาจากรอบด้านจนผิวหนังทสึรุเกิดรอยปริแตกและเลือดไหลทะลักออกมา

กล้ามเนื้อตึงขึ้นและรู้สึกว่ากำลังโดนแผดเผาในเวลาเดียวกัน ส่วนเซเลียกับแอนนี่ก็เห็นทสึรุท่าจะไม่ดีเธอไม่ไปต่อแต่ยืนรอทสึรุอยู่ที่ปลายทาง

ทสึรุไม่สนอะไรร่างกายเผลอแวบเดียวก็ผ่านเข้าก้าวที่เจ็ดสิบเอ็ด สายฟ้ารุนแรงขึ้นอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้

ไม่ใช่แค่พื้นดินอีกต่อไปที่กลายเป็นเหมือนอวกาศ ตอนนี้ทุกอย่างในสายตากลายเป็นห้วงอวกาศอันมืดมิดที่มีแสงดาว

แม้แต่พื้นดินยังหายไปแล้ว แต่อาศัยแรงพุ่งครั้งแรกทสึรุก็แทบลอยอยู่เหนือพื้นแต่แรกความเร็วของเธอยังคงพุ่งทะลวงผ่านก้าวที่เจ็ดสิบ

เข้าสู่ก้าวที่แปดสิบอย่างรวดเร็ว บัดนี้ดวงดาวหายไป แผ่นดินหายไป สายฟ้ากลายเป็นสีม่วง เบื้องล่างมีแค่แรงดูดลึกลับที่กลืนกินทุกอย่างแม้แต่..แสง!

หลุมดำ! สีหน้าทสึรุเปลี่ยนสีทันทีร่างกายเธอรู้สึกเหมือนถูกยืดออกจากกันเพราะแรงดูดที่รุนแรงอย่างมากมหาศาลนั่น

หลุมดำแบบนี้แม้ทสึรุจะยังไม่ได้เรียนถึง แต่ว่าเธอพอเคยเห็นคุณครูในห้องกล่าวถึง ตอนแรกทุกคนคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องแต่งเท่านั้น เจ้าภัยพิบัติสีดำกลืนดวงดาวนี้

แต่ตอนนี้เธอมาเจอกับตัวแล้ว แรงดูดมันเหมือนกับลบล้างตรรกะแรงทุกอย่างไปจนหมด ราวกับทุกอย่างกลับคืนสู่ความว่างเปล่าทั้งหมด

แม้แต่ระยะและทิศทาง ไม่ต้องพูดถึงสายฟ้าสีม่วงที่แทบจะรุนแรงกว่าสายฟ้าสีแดงไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

อย่างไรก็ตามแม้มันจะแรงมาก แต่มันก็ยังเทียบไม่ได้กับของจริง เพราะสุดท้ายแล้วมันแค่เกิดขึ้นจากพลังธาตุมืดเท่านั้น

ดังนั้นในจังหวะที่เท้าของทสึรุแตะลงพื้น ร่างกายเธอก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เห็นทุกอย่างหยุดนิ่งเสมือนกับเวลาหยุดเดิน

ผิวหนังของทสึรุปริแตกจนเห็นกล้ามเนื้อ เลือดไหลออกจากจมูก หู และดวงตาของทสึรุภาพนี้ดูน่ากลัวไม่น้อย

“ข้า.. ต้อง..พาเลทิเซีย..ออกไป..ให้ได้!”

เธอคำรามและหันกลับไปมองเลทิเซีย มองทะลุทุ่งสายฟ้ากลับไป แม้จะดูประหลาดแต่ทว่าเมื่ออยู่ในเขตไหนๆ จะเห็นสายฟ้าเป็นสีเดียวกับเขตที่ตัวเองอยู่ทั้งหมด แน่นอนว่ารวมถึงธาตุมืดเช่นกัน

ดังนั้นทันทีที่เธอหันกลับไปนอกจากความมืดสีดำสนิท กับสายฟ้าสีม่วงที่น่าหวาดหวั่น เธอมองทะลุออกไปจนเห็นร่างจองเลทิเซีย

แต่ในตอนนั้นเองก็มีกลุ่มคนเดินออกมาจากป่าไม้ เป็นคนนับสิบ นับร้อยคนค่อยๆ เดินออกมา

โดยมีผู้นำเป็นชายวัยกลางคนเดินนำหน้ามา.. ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ด้านหลังเก้าอี้ที่เลทิเซียนั่งอยู่

“ไม่ต้องชักช้า เริ่มเข้าบททดสอบทันทีเลย!”

“เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ!”

นักเรียนทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด และเริ่มเดินเข้าไปในเขตอสนี พร้อมกับใช้อุปกรณ์บางอย่างที่เตรียมมาสายฟ้าและความมืดทั้งหมดไม่มีผลกับพวกเขา

แต่ทุกอย่างทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้อยู่ในสายตาของทสึรุ เธอมองไปยังจุดที่เลทิเซียอยู่ และดูเหมือนว่ารองผู้อำนวยการก็มองเห็นทสึรุอยู่เหมือนกัน

“โอ้.. เหมือนจะมีมดจากโรงเรียนไลเบอร์มาอยู่แถวนี้ได้.. พวกเธอมีสิ่งนั้นอยู่แล้วยังจะโลภมากอีกนะ.. หึๆ”

เขาพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม อันที่จริงเขาเชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายคงใช้อะไรสักอย่างช่วยเพื่อไปอยู่จุดนั้น แต่บททดสอบที่แท้จริงน่ะ.. ยังไงพวกเขาก็ชนะ!

แน่นอนว่าเพราะทสึรุใส่ชุดโรงเรียนไลเบอร์อยู่.. และดูเหมือนว่าเขาจะมองไม่เห็นเซเลียกับแอนนี่

รองผู้อำนวยการหันไปเห็นศพนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ผงะไปเล็กน้อย ก่อนที่จะจับเก้าอี้แล้วก็เตะศพเลทิเซียกระเด็นลงไปกลิ้งบนพื้นโคลนอยู่หลายตลบ

แล้วก็นั่งลงเก้าอี้อย่างมั่นใจ สำหรับเขาแล้วเลทิเซียแค่เด็กที่เขาไม่รู้จัก บางทีอาจจะตายก่อนที่ทสึรุจะมาถึงซะอีก

เพราะเลทิเซียสวมชุดโรงเรียนลิเบอร์อยู่..

“วันนี้ได้เจอทั้งเด็กจากโรงเรียนลิเบอร์กับโรงเรียนไลเบอร์เลยแฮะ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครที่ไหน ก็ไม่มีใครมาหยุดข้าได้..”

แต่ก็นะเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าทันทีที่เท้าเตะออกไปในตอนนั้น จะทำให้ปีศาจ ไม่สิ เจ้าตัวเป็นเผ่าอสูรนี่นะ.. เท้าที่เขาเตะออกไปนั้นทำให้อสูรคนหนึ่งกำลังคลั่งสุดขีด

………..

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน