การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 107

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 107 – นิทานของคนอ่อนแอ (1)

ข้าตื่นขึ้นมาในโลกสีเทา.. ทุกอย่างในสายตาเป็นสีเทาทั้งหมด และสิ่งแรกที่ข้ามองเห็นคือผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมองข้าด้วยสายตาสงสาร

ทำไมกันล่ะ ทำไมถึงต้องมองข้าด้วยสายตาแบบนั้น ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว.. แล้วเสียงของเธอก็ดังขึ้น

“เธอมีชื่อว่าอะไร..?”

นั่นคือเสียงของเธอที่พูดขึ้นกับข้า แต่ทุกอย่างตั้งแต่ต้นก็เต็มไปด้วยความสงสาร ข้าไม่ชอบสายตาแบบนั้น

แต่ว่าข้าเป็นใครล่ะ ทำไมข้าจำอะไรไม่ได้ ข้ารู้จักเพียงแค่ชื่อตัวเอง.. ใช่.. ข้าเงยหน้าขึ้นตอบ

“โอโฮวริ ทสึรุ..”

นั่นคือชื่อของข้า.. และหลังจากนั้นเธอคนนั้นก็พาข้าไปด้วย แต่สุดท้ายแล้วเธอก็แค่สงสารข้า

ข้ารู้สึกว่ามันก็แค่ความช่วยเหลือที่ว่างเปล่าเท่านั้น ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงคิดแบบนี้ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการช่วยเหลือแบบนี้คือเรื่องน่าดีใจ หรือเสียใจ

แต่จากนั้นข้าก็ได้เรียนรู้.. สิ่งมีชีวิตทุกอย่างล้วนมีบิดาและมารดาเพื่อที่จะให้กำเนิดตัวลูกออกมา

วัฏจักรนี้นับรวมทั้งหมดไม่ว่าจะสิงสาราสัตว์ และเผ่าที่แตกต่างและอสูรคงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก

ข้าได้อ่านหนังสือเรื่องหนึ่ง.. มันถูกเรียกว่านิทานของคนอ่อนแอ มันสอนให้ข้ารู้ว่าทำไมข้าถึงไม่ชอบสายตาสงสารที่คนอื่นมองมาที่ข้า

และความอบอุ่นของคำว่าพ่อและแม่ อันที่จริงไม่ควรเรียกมันว่านิทานเพราะมันมีความโหดร้ายแฝงไว้อยู่

สุนัขจิ้งจอก.. ตื่นขึ้นมากลางป่าและไร้ความทรงจำ มันจำอะไรไม่ได้นอกจากตัวมันเอง ไม่รู้จักแม้กระทั่งวิธีการล่า

มันไล่ตามหาอดีตของตัวเองที่สูญเสียไป เริ่มที่จะเรียนรู้วิถีชีวิตจากม้า มันกินหญ้าตามม้า แต่มันกลับไม่อยู่ท้องเลย

มันไปทำตามเสือ มันกลับไม่ได้มีแรงมากเหมือนเสือพอที่จะขย้ำเหยื่อจนตาย มันอดอยากไปเรื่อย และในที่สุดมันก็เจอจิ้งจอก

จิ้งจอกตัวนั้นแข็งแกร่ง ล่าเหยื่อได้อย่างรวดเร็วและว่องไว เมื่อเทียบกับมันที่อ่อนแอกว่าจิ้งจอกมาตรฐานทั่วไป

แต่มันก็เข้าใจแล้วว่า จิ้งจอกแบบมันต้องล่าเหยื่อด้วยความเร็วและฉับไว และมันคิดว่าวิธีนี้อาจจะนำพามันไปพบเจอกับความจริง

มันเริ่มฝึกฝน มันอ่อนแอ มันไร้พลัง แต่การฝึกฝนไม่เคยให้ตำตอบที่แย่กับผู้ฝึก จนสุดท้ายมันกลายเป็นจ่าฝูง เส้นทางของมันเต็มไปด้วยความลำบาก

เส้นทางแห่งการเข่นฆ่า จากผู้อ่อนแอในวันนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นมาได้ในที่สุด จากความพยายามที่เลือดตากระเด็น

แม้ทุกครั้งที่เพื่อนฝูงมองมาที่มันด้วยความสงสาร เป็นสายตาที่เหมือนกับคนที่ไร้หนทาง ซึ่งด้วยในฐานะที่เป็นจิ้งจอกของมัน มันย่อมไม่ชอบ

มันจึงไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้คนมาสงสารมันแม้มันจะอ่อนแอจริงๆ แต่ไม่ว่าจะเจอปัญหา มันก็ไม่ให้ใครมาช่วยมันแม้มันจะไม่รู้วิธี

สิ่งที่มันทำเพียงแค่ทำด้วยตัวเองทดลองในแบบของตัวเอง จนสายตาที่ทุกคนมองมาล้วนเป็นความเคารพยำเกรง

แต่ว่าสุดท้ายแล้ว ภายใต้ความกลัวก็ยังมีความสงสาร.. เพราะไม่มีพ่อแม่บ้างล่ะ เพราะชีวิตย่ำแย่บ้างล่ะ เพราะเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ ทำให้แข็งแกร่งขึ้นมา

“ช่างเป็นคนที่น่าเคารพและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน”

จนในที่สุดแล้ว มันได้ตามหาพ่อแม่ของตัวเองจนเจอ เส้นทางที่เต็มไปด้วยความอันตรายและหวาดกลัว

มันเจอพ่อแม่มัน.. สายตาของพ่อแม่ที่มองมาที่มันนั้นไม่มีความสงสารเหมือนที่คนอื่นมอง มีเพียงสายตาที่ภาคภูมิใจในการเป็นผู้นำจ่าฝูงของมัน

และนอกจากนี้ในสายตาของพ่อแม่มันนั้น ไม่มีเหตุผลที่อยากจะเลี้ยงดูหรือให้มันนอนในอ้อมตัว

ที่ทำไปเพราะเป็น.. ครอบครัว.. หรือเพราะรักในสายสัมพันธ์ของครอบครัว หาใช่ความสงสารแต่อย่างใด

….ข้าไม่ชอบเลย ขาไม่คิดจะแสดงความอ่อนแอออกมา ข้าไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร และภายในตัวข้ามีสิ่งที่ข้าต้องฝึกให้ได้

นั่นคือฝึกยิงธนูและการใช้หอก.. ข้าฝึกเหมือนเจ้าจิ้งจอก ฝึกต่อไปจนกว่าจะแข็งแกร่ง จนกว่าจะยืนหนึ่งในทั้งสองวิชานี้

และวันนั้นข้าอาจจะใช้ความสามารถนี้หาพ่อแม่ตัวเองจนเจอ สายตาที่อบอุ่นและภาคภูมิใจนั่นคงจะมองมาที่ข้า…

พวกเขาคงจะรักข้าโดยไม่รู้สึกสงสาร .. ข้าคิดแบบนั้น ดังนั้นข้าจึงไม่บอกใคร แต่ว่าสุดท้ายแล้วข่าวลือก็ยังแพร่กระจายออกไป

สายตาที่มองมาที่ข้าเต็มไปด้วยความสงสาร ทำไม.. ทำไมต้องสงสารข้า.. ทำไมต้องเข้ามาคุยกับข้าด้วยสายตาสงสาร

ทำไม! ทำไม!! ทำไม!!! ข้าเองก็แข็งแกร่ง ข้าเองไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร ข้าสามารถสู้กับสิงโตได้

แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังมองข้าด้วยสายตาสงสารและชื่นชม.. ข้าไม่สามารถแบกรับมันไหว ข้าไม่สามารถทนรับได้

จนสุดท้ายข้าก็ไม่อยากคุยกับใคร ปิดกั้นตัวเองลงในกรอบสีดำ ตีตัวเองว่าไร้เพื่อนไร้คนสนิท ตัวคนเดียวมาเสมอ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป.. ความกลัวของข้าก็เริ่มลดลง จนมีความกล้าที่จะสมัครเข้าเรียน.. แต่ทว่าทันทีที่ข้าเหยียบออกมาอีกครั้ง

สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารนั่น.. ก็ยังคงมีอยู่สายตามาด้วยความสงสาร ข้าที่คิดว่าแบกรับไหวก็พังทลายลง

ความกลัว… ข้ากลัวมันมากเหลือเกิน.. แต่ว่าในตอนนั้นเอง เธอคนนั้นได้มองมาที่ข้า เธอมองมาที่ข้าด้วยสายตาที่ข้าไม่เคยถูกรับมาก่อน

ไม่ใช่ความอิจฉา ไม่ใช่ความเกลียด ไม่ใช่ความชอบหรือแม้แต่ความสงสารก็ยังไม่มี ในสายตานั้นมีเพียงความใสซื่อและตรงไปตรงมา..

นั่นคือความหวาดระแวง.. ข้ามองไปที่เธอ เธอมองมาที่ข้า ราวกับเวลาหยุดเดิน.. เธอคนนั้นคือ เลทิเซีย

ข้าดีใจ ทุกครั้งที่ข้าเจอเธอความรู้สึกย่ำแย่จากสายตาสงสารก็หายไปสายตาของเธอมีแต่ความระแวดระวังเท่านั้น

ข้าเข้าใจแล้ว.. จิ้งจอกคงรู้สึกแบบนี้สินะในตอนที่แข็งแกร่งขึ้นมาน่ะ แต่ว่าข้าสามารถพนันได้เลยว่าจิ้งจอกนั้นไม่เคยเจอสายตาที่ระแวงแบบนี้แน่ๆ

ระแวงโดยไม่มีความสงสารน่ะ.. ข้าคิดว่ามันไม่มีแน่ๆ ข้าชอบที่จะมองเธอคนนั้นอยู่ตลอดมา

แต่เธอเป็นถึงองค์หญิง สถานะสูงส่งข้าไม่มีทางได้พูดคุยกับเธอ แต่ไม่เป็นไร เพียงแค่เธอไม่พูด ไม่สนิทกับข้าเพราะความสงสารข้าก็ดีใจแล้ว

ขอแค่มองเธออยู่ห่างๆ ก็พอแล้ว…

จนกระทั่งวันที่ข้าเผลอตัวโจมตีเธอเพราะท่าทางระแวงที่เตรียมรบของเธอ เธอก็สารภาพรักข้า ในตอนนั้นข้ามองไม่ออกเลยว่าเธอระแวงข้าหรือเปล่า

แต่ข้าสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าเสียงนั่น ไม่มีความรู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย หัวใจข้าเต้นแรง.. ความรู้สึกแบบนี้มันคงเหมือนกับเจ้าจิ้งจอกตอนเจอพ่อแม่หรือเปล่านะ

ข้าที่พยายามมาตลอดสิบกว่าปี.. ตอนนี้ข้าได้เจอคนที่มองข้าด้วยสายตาแบบนั้นแล้วเหรอ..

ในตอนที่ข้าปักใจเชื่อแบบนั้น.. กลับพบว่าทุกอย่างเป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้น เป็นครั้งแรกที่ข้าน้ำตาไหลออกมาต่อหน้าคนอื่น

นี่ข้าร้องไห้.. ข้ากำลังร้องไห้งั้นเหรอ? ทำไมกันล่ะ.. ทำไมข้าถึงแสดงความอ่อนแอออกมาอีกล่ะ

ข้าไม่เข้าใจเลย แต่เรี่ยวแรงของข้าหายไปหมด.. ทว่าตอนที่ข้ามองไปที่แผ่นหลังของเธอที่วิ่งจากไปนั้น.. ข้ามองเห็นถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยวและ..หวาดกลัวของเธอ

ทำไมกันนะ ทำไมข้าถึงมองไม่ออก..เธอคนนั้นไม่ได้ระแวงเท่านั้น เธอแค่กำลังกลัวข้า กลัวทุกคน กลัว..อย่างมากและสับสนอย่างมาก

ข้าน่าจะเข้าใจให้เร็วกว่านี้ว่า.. การที่มีความรู้สึกบางอย่างในจิตใจมันเจ็บปวดขนาดไหน อย่างเช่นช้าที่กลัวสายตาสงสาร..

แต่เธอคนนั้นกลัวทุกอย่าง..กลัวสิ่งมีชีวิตกลัวทุกคำพูดที่ใครสักคนได้เปล่งออกมาต่อหน้าเธอ.. ในตอนนั้นที่ข้าคิดว่า

อ่า… ทุกอย่าง ความสงสาร ความเกลียดชัง ความอิจฉาหรืออะไรก็ช่างข้าทิ้งมันไปให้หมด ข้าไม่สนใจแล้ว

ข้าเจอแล้ว..คนที่น่าสงสารจริงๆ เกียรติยศ? การดูถูก.. หรืออะไรก็ช่างหัวมัน ไม่ว่าจะมองข้ายังไงก็แล้วแต่มัน

ในตอนนี้ข้าเจอแล้วไม่ใช่เหรอ.. คนคนนั้นของตัวเอง ขอแค่มีเธออยู่ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ ทิ้งทุกอย่างไปให้หมด

เพื่อเธอเท่านั้น เพื่อคนที่ข้าเคยตามหาและถามหามานาน ต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่สนแล้ว.. ข้ารักเธอคนนี้

แต่ว่าในตอนที่เธอยอมรับข้า.. เธอยกแขนขึ้นมากอดข้าแน่น… และนั่นก็เป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตเธอ

ทำไมกันล่ะ.. ทำไมต้องเป็นแบบนั้น ทำไมคนที่ตายไปถึงไม่เป็นข้า บาดแผลทำไมมันถึงฟื้นฟูเอง จิตใจอันน่ารังเกียจนี้ทำไมมันถึงไม่หายๆ ไปสักที?

………..

[นางเอกป่ะ นางเอกแหละ ขนาดนี้แล้วนางเอกแน่ๆ ไม่นางเอกเป็นไปไม่ได้ – ใครสักคน]

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน