บทที่ 110 – บททดสอบที่หนึ่ง
เมื่อทสึรุก้าวผ่านเข้ามาในม่านแสงภาพทุกอย่างก็หายไป เหลือเพียงพื้นสีดำสนิท มองกลับไปไม่เห็นอะไรนอกจากพื้นสีดำ
มองไปจนสุดสายตาก็เห็นเพียงสีฟ้าครามของท้องฟ้า และสีดำของแผ่นดิน เสียงหนึ่งดังก้องกังวานขึ้นในหัวของทสึรุ
“ผู้ที่สามารถพิสูจน์ว่าตนอยู่เหนือตนเองได้ ต้องพิชิตตนเอง.. นั่นคือบททดสอบที่หนึ่ง เอาชนะตัวของตัวเอง!”
เสียงนั้นหายไปก็มีเงาสีดำโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินก่อนจะปรากฏเป็นรูปร่างที่คล้ายคลึงกับมนุษย์
และในชั่วพริบตาต่อมา ผมสีเทาซีดก็ปรากฏขึ้นมา ใบหน้าทุกอย่างเหมือนทสึรุเพียงแต่สีผมกับสีของนัยน์ตากลายเป็นสีเทาซีด
แม้แต่ผิวก็ยังซีดไร้สีเลือด ม่านตาสีดำทำให้คนมองดูรู้สึกเหมือนกับเจอตัวเองที่ต้องคำสาป
ในมือถือหอกเล่มหนึ่งสีดำสนิท ดวงตาของมันเผยประกายที่เหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ เป็นตัวทสึรุอีกตัวอย่างแท้จริง
“อืมมมม เจ้านี่มันงี่เง่าจริงๆ นะ”
ในตอนเสียงของทสึรุสีเทาก็ดังขึ้นอย่างน่าตกใจ ทสึรุเองก็แปลกใจทว่าดวงตาของทสึรุสีเทาก็เต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม
“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่า คำตอบที่เจ้าต้องการจะโผล่มาหา เจ้ากับท่านเลทิเซียอยู่ห่างกันจนเกินไป เจ้ามันเหมือนกับกบที่อยู่ในกะลา ส่วนท่านเลทิเซียน่ะเป็นท้องฟ้าที่ปกคลุมทุกอย่าง เจ้าคิดว่าแค่กบในกะลาเช่นเจ้าจะคู่ควรที่จะยืนอยู่กับท่านผู้นั้นงั้นเหรอ?”
เมื่อทสึรุสีเทากล่าวจบ ทสึรุตัวจริงก็ดวงตาหดเล็กลง ใช่แล้ว.. ไม่เพียงแต่ต้องเอาชนะทางกายภาพ แต่ต้องเอาชนะเรื่องภายในใจด้วย!
แบบนั้นถึงจะเรียกว่าพิชิตตัวเองอย่างแท้จริง กล่าวคือทุกความทรงจำทุกความสามารถที่ทสึรุตัวจริงมี
ทสึรุสีเทาก็มีเช่นกัน ทสึรุตัวจริงไม่ได้เถียงกับทสึรุสีเทา เธอเพียงก้มหน้าลงแล้วก็ตอบกลับไป
“ใช่แล้วล่ะ.. ข้าน่ะไม่คู่ควร..”
“ในเมื่อเจ้าไม่คู่ควร ก็ปล่อยหน้าที่นั้นให้เป็นหน้าที่ของข้าสิ..”
ทสึรุสีเทายกมือขึ้นไปทางทสึรุตัวจริง แต่ทว่าในตอนนั้นเองทสึรุตัวจริงก็เงยหน้าขึ้นตอนนี้ เธอรู้สึกเหมือนเข้าใจตัวเองมากขึ้น
อาจจะเป็นเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้คือตัวเธอเอง เป็นด้านมืดในจิตใจที่รู้จักตัวเธอดียิ่งกว่าเธอในตอนนี้เองซะอีก
แต่เพราะแบบนั้นเธอเลยรู้สึกเหมือนกับพบว่าอะไรกันแน่ที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง ผสมกับคำพูดแดกดันของตัวเธอสีเทาตรงหน้าทำให้ความยึดมั่นบางอย่างกลับมา
เหมือนกับย้อนกลับไปตอนที่เธอล้มลุกคลุกคลานในป่าเมื่อครานั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะเธอมองเห็นปัญหาตัวเองชัดแจ่มแจ้งจากทสึรุสีเทา!
แม้ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอไม่สนใจจะถามเลทิเซีย อันที่จริงมันยังอัดแน่นอยู่ในหน้าอกของเธอ แต่ความยึดมั่นที่แสดงออกมาจากสายตานี้ ราวกับว่าเธอต้องการจะข้ามผ่านตัวเองและไปฟังคำตอบจากเลทิเซีย …
เพราะตามที่เซเลียบอก คนที่ตัดสินใจในเรื่องนี้ไม่ใช่ใครทั้งสิ้น แม้แต่ตัวเธอเองก็เช่นกัน คนที่ตอบได้มีแค่เลทิเซียเท่านั้น
เสียงของเธอดังออกจากปากด้วยความมาดมั่น
“แต่คนที่มอบคำตอบให้ข้า.. ไม่ใช่เจ้า แต่เป็นเลทิเซียเท่านั้น”
เสียงของทสึรุดังก้องไปทั่วทิศทาง ดวงตาของเธอเผยถึงความแน่วแน่และมั่นใจ แม้ปมในใจของเธอจะยังสับสนและต้องการคำตอบอยู่
แต่ตอนนี้เพื่อกลับไปยืนอยู่ข้างๆ เลทิเซีย เธอรู้สึกเหมือนกับว่าปมในใจทุกอย่างสามารถถูกระงับและถูกฝังไว้ในส่วนลึกของจิตใจได้
ถ้าจะให้พูดก็คือ นี่คือการเตรียมใจของทสึรุ! เตรียมใจที่จะทำตามคำพูดเมื่อกี้ให้ได้ ดวงตาของเธอตอนนี้แตกต่างไปจากอดีตที่ผ่านมา
ความแตกต่างนี้ทสึรุสีเทามันไม่มีทางมี เพราะมันพึ่งปรากฏขึ้นมา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจมาดมั่น
ราวกับว่าเธอในตอนนี้ได้กลายเป็นจิ้งจอกที่ได้เจอกับพ่อแม่ของมันแล้ว และกลับคืนสู่การล่า เต็มไปด้วยความมั่นใจและไม่สนสายตาอื่นใด
เป้าหมายมีเพียงแค่ฝ่าอุปสรรคตรงหน้า… แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีใครทราบว่าภายในทสึรุตัวจริงนั้นขนาดไหนแม้แต่เจ้าตัว
“อย่ามาทำเป็นอวดเก่งไปหน่อยเลย เจ้ามันก็เป็นแค่คนขี้แพ้!”
ทสึรุสีเทาคำรามด้วยความเดือดดาล และพุ่งเข้าใส่ทสึรุตัวจริงด้วยความเร็วสูง หอกสีดำเล่มหนึ่งที่เหมือนกับทสึรุสีเทาก็ปรากฏขึ้น
ทสึรุตัวจริงจับหอกนั้นก็พุ่งเข้าใส่ ทสึรุทั้งสองฟาดหอกเข้าใส่กันและกันจนเกิดเสียงกัมปนาท
“ตู้มมม!!”
พละกำลัง ทักษะ ทุกอย่างล้วนเหมือนกันหมดทำให้กินกันไม่ลง ร่างทั้งสองปลิวกระเด็นกันคนละทิศ
และราวกับเหมือนอ่านใจกันได้ ทสึรุทั้งสองตีลังกากลางอากาศ ธนูกับลูกธนูสีดำสนิทลอยออกมาจากพื้นและสายก็ถูกน้าวและยิงออกไป
ลูกธนูนั้นพุ่งทะลวงผ่านความว่างเปล่าตรงหน้าปะทะเข้าใส่กัน กลายธนูถูกกันพอดิบพอดี จนลูกธนูแตกกระจาย
“วิชาทวนผันฟ้า ศาสตราแห่งเท็นจิ กระบวนท่า.. แสงตัดฟ้า!”
เสียงคำรามของทั้งสองดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน หอกในมือก็หมุนควงและถูกปาออกไปข้างหน้า และราวกับว่าหอกนั้นกลายเป็นแสง
พุ่งตัดแยกพื้นดินและท้องฟ้าออกจากกัน บวกกับการใช้พร้อมกันจึงมองเห็นเหมือนรอยแยกของท้องฟ้าและแผ่นดินกำลังพุ่งเข้าหากัน
“ตู้มมมม!!”
กล้ามเนื้อของทสึรุที่ฉีกขาดอยู่แล้วยิ่งฉีกขาดกว่าเดิม เลือดไหลทะลักออกจากผิวหนัง ทางฝั่งทสึรุสีเทาดีกว่าหน่อย
เพราะสภาพเธอตอนแรกเต็มร้อย ไม่เหมือนทสึรุตัวจริงที่แม้จะรักษามาแล้วแต่ก็ยังไม่หมดนั่นเอง อันที่จริงเท้ายังมีแผลเหวอะหวะน่ากลัวอยู่เลย
ทสึรุตัวจริงทรุดลงกับพื้นกระอักเลือดออกมาอีกคำ ส่วนทสึรุสีเทาแม้ไม่ทรุดแต่ร่างกายก็มีเลือดอาบไปทั่วร่าง
ดวงตาของทสึรุตัวจริงเปล่งแสง เธอไม่มีเวลามากนักไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบาดแผลทั่วร่าง หรือเรื่องของเลทิเซียที่อยู่ด้านนอก
และในตอนนั้นเองธนูก็ปรากฏขึ้น ธนูนี้มีคันที่ยาวมาก เป็นธนูระยะไกลแต่การยิงก็ยากกว่าหลายเท่าเช่นกัน
ลูกธนูสีดำปรากฏขึ้นเธอค่อยๆ น้าวสายธนูอย่างช้าๆ ภาพนี้ทำเอาทสึรุสีเทาหน้าเปลี่ยนสี แม้จะเป็นร่างกายที่สร้างมาโดยอ้างอิงจากทสึรุทุกระเบียบนิ้ว
แต่เจ้าตัวไม่ได้มีจิตใจที่แข็งแกร่งเช่นทสึรุ ว่าง่ายๆ คือเจ้าตัวเคยสู้รบไม่กี่ครั้งเท่านั้น หากทสึรุมีจิตใจที่แปลกประหลาดละก็
เธอคงไม่เด็ดขาดแบบนี้เหมือนกัน นี่คือความแตกต่างในการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย.. นั่นคือ ความกล้า!
“วิชาธนูอนันตกาล ศาสตราแห่งเท็นจู กระบวนท่า.. กระสุนไร้จุดจบ!”
เมื่อกล่าวเสร็จสายธนูก็ถูกปล่อยออกจากคันธนูและลูกธนูก็หายไปจากคันเสียแล้ว นี่ไม่ใช่ความเร็ว!
ไม่ต้องใช้ระยะหรือเวลาในการเคลื่อนที่ เพราะทันทีที่ปล่อยลูกธนูก็จะถูกเป้าหมายอย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
ไม่มีทางหลบเลี่ยง หรือหลีกหนี! สามารถพูดได้ว่าต่อให้อยู่สุดขอบจักรวาลเมื่อสายธนูถูกปล่อย ถ้่าเป็นเป้าหมายก็โดนแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์!
หนึ่งในท่าที่อันตรายที่สุดที่ทสึรุได้คิดค้นขึ้นมา แต่ค่าตอบแทนนั้นมากเกินกว่าที่ใครจะทนรับไหว!
ทสึรุสีเทายังไม่ทันได้ตั้งตัวธนูก็พุ่งใส่ร่าง.. และทันทีที่พุ่งทะลวงผ่านไป ร่างนั้นก็สูญสลายไปในทันที..!
ร่างของทสึรุก็สั่นสะท้านและทุก ย่างในสายตาพลันมืดบอดดับวูบลงไปในทันที… เห็นได้ชัดว่าผลตอบแทนของท่านี้นั้น
มันรุนแรงสุดพรรณนา ไม่เพียงแต่สูบเอาพลังด้านกายภาพ แต่เหมือนสูบกลืนจิตวิญญาณหรือแม้แต่จิตใจ!!
ในขณะที่เซเลียกับแอนนี่เองก็ต่อสู้กับตัวของตัวเอง
ในช่วงเวลาที่ทสึรุหมดสติไป พวกนักเรียนจากโรงเรียนเอเรียสก็บุกฝ่าทะลวงจนมาถึงปลายทางของหนทางอสนีกันจนหมด
ส่วนเซเลียเองก็ใช้อาร์ติแฟ็คช่วยในการผ่าน เพราะเจ้าตัวใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ส่วนร่างเลียนแบบก็ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แถมไม่มีอาร์ติแฟ็ค
ทำให้แพ้เซเลียไปในที่สุด ส่วนแอนนี่ก็มีการต่อสู้ที่โหดหิน แม้ไม่ดุเดือดและรวดเร็วเหมือนทสึรุ แต่เจ้าตัวก็สู้เลือดตาแทบกระเด็น
แต่ในท้ายที่สุดก็ผ่านมาได้
ทางด้านรองผู้อำนวยการโรงเรียนเอเรียสตอนนี้นั้น อยู่นอกหนทางอสนีก็ยิ่งร้อนรนขึ้นมา จากการวิเคราะห์หากแพ้และได้รับบทลงโทษก็น่าจะถูกส่งออกมา
แต่ว่ายังไม่มีใครถูกส่งออกมาสักที หมายถึงทสึรุน่ะ แสดงให้เห็นว่ามันยังไม่แพ้ แถมเวลาที่ผ่านไปเป็นไปได้ว่ามันผ่านเข้ารอบสองไปแล้ว
ดวงตาเขาจึงฉายแววเด็ดเดี่ยวไม่มีทางเลือกอื่น และด้วยวิธีการโกงบางอย่างซึ่งเขาได้แอบเก็บข้อมูลมาจากผู้อำนวยการอย่างลับๆ
สามารถโกงบททดสอบได้…