บทที่ 116 – คนที่รักท่านมากที่สุด
“ท่านกลัวอะไรกันล่ะ..”
“สิ่งที่ฉันกลัวยิ่งกว่าคือ.. อย่างหลัง!”
ฉันไม่ได้บอกว่าฉันไม่กลัวอย่างแรก แต่ฉันแค่กลัวอย่างหลังก็เท่านั้นเอง และพอฉันตอบคำถามนั้นเธอก็ยิ้มให้ฉัน
ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร และนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้คุยกันจริงๆ ด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับความรักของครอบครัว..
หรืออาจจะเหมือนความรักของคนสองคนก็ได้ ฉันเองก็ไม่รู้และไม่มั่นใจ ในตอนนั้นเธอก็ถามฉันกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วท่านจะนอนไปถึงเมื่อไหร่?”
“นอน…?”
ฉันไม่เข้าใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าสายตาที่มองมาที่ฉันแม้เธอจะเป็นร่างที่เป็นแสง
แต่ก็ยังมีใบหน้า ฉันสัมผัสถึงสายตาที่มองนิ่งมาที่ฉัน… ฉันไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไรในเมื่อฉันตายไปแล้ว
จะเรียกว่านอนได้ยังไงกันล่ะ สายตาของเธอมองมาที่ฉันก่อนที่ทุกอย่างรอบตัวจะเริ่มพร่าเลือน และเธอก็พูดขึ้น
“ท่านจอมมารรู้หรือไม่ว่าโลกชิ้นส่วนเวหาแท้จริงแล้วคืออะไร?”
“ไม่..”
ฉันส่ายหน้าตอบออกไป เธอมองมาที่ฉันและโลกรอบด้านเองก็กลายเป็นความมืดไม่ใช่โลกที่มีทะเลสีขาวกับท้องฟ้าที่เป็นฟ้าเปิดอีกต่อไป
ทุกอย่างในระยะสายตามีเพียงความมืดมิด ฉันมองไปรอบด้านอย่างงุนงง แต่เธอก็พูดต่อว่า
“เมื่ออดีตกาล.. อันที่จริงข้าก็ไม่รู้ว่ามันคือช่วงเวลาไหน เพราะมันนานเกินไปและยังมีจุดเปลี่ยนของสิ่งที่เรียกว่า ‘ชินโนะเกนเท็น’ (ต้นกำเนิดที่แท้จริง) ถึงสองครา”
“ชินโนะเกนเท็น.. แม้ข้าไม่ทราบแน่ชัดว่ามันคืออะไร แต่มองดูแล้วเหมือนจะเป็นระดับชั้นของตัวตนที่ถูกเรียกว่า ‘ต้นกำเนิด’ ..”
“ต้นกำเนิดนั้นคือสิ่งที่เป็นต้นกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง โครงสร้าง ความเป็นจริง แม้แต่ตัวตนของท่านเองก็ไม่ต่างกัน ทุกสรรพสิ่งที่นิยามขึ้นมาล้วนถูกต้นกำเนิดออกแบบสร้างขึ้นมาดังนั้นในกานรับรู้ของพวกเราถึงได้มีสิ่งต่างๆ”
“เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาเป็นต้นกำเนิด!”
ฟังคำพูดของเธอฉันรู้สึกใจเต้น บางทีอาจจะเป็นเพราะได้รับข้อมูลที่น่าตกใจเข้ามา… ว่ากันตามตรงแม้แต่โครงสร้างของมิติที่เป็นปริศนา
หรือแม้แต่จักรวาลสี่มิติ บิ๊กแบงถือกำเนิดจากความว่างเปล่าได้อย่างไร สามารถอธิบายได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘ต้นกำเนิด’ นี้!
ผสมกับคำพูดที่เธอบอกว่า ทุกอย่างที่ถูกนิยามขึ้นคือความจริงที่มีในต้นกำเนิด.. นั่นไม่ใช่หมายความว่า… ฉันไม่อยากคิดต่อ
แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกอยากลองใช้เวทมนตร์แทรกแซงดู! เธอที่ฉันไม่รู้จักแต่กลับคุ้นเคยก็พูดต่อว่า
“ซึ่งชินโนะเกนเท็นยังแบ่งเป็นระดับชั้นอยู่อีก.. ต้นกำเนิดที่ว่าคือหนึ่งในชินโนะเกนเท็นนั่นเอง.. จะพูดง่ายๆ ก็คือ..”
“โลกที่ท่านจอมมารอยู่คือโลกในช่วงก่อนที่ท่านผู้นั้นจะสร้างโลกใบนี้ขึ้นมา.. แถมยังเป็นรอบที่สอง!”
ฉันขมวดคิ้วทันที ข้อมูลนี้น่าตื่นตะลึงเกินไป ถ้าจะให้จำกัดความง่ายๆ ละก็.. โลกนี้คือโลกก่อนจะถูกทำลายแล้วสร้างใหม่ และถูกทำลายอีกครั้งแล้วสร้างใหม่
นั่นคือโลกปัจจุบัน แต่ชิ้นส่วนเวหานี้รอดมาจากยุคสมัยนั้น.. แต่คำถามคือมันรอดมาได้ไงในเมื่อสามารถทำลายทุกอย่างจนมอดม้วยแล้วสร้างใหม่ได้
ฉันยิ่งฟังยิ่งรู้สึกสงสัยและเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเลินเล่อเกินไป ที่เข้ามาในโลกชิ้นส่วนเวหาโดยไม่เตรียมพร้อมมากกว่านี้
เพราะในโลกชิ้นส่วนเวหาสามารถนับได้ว่าเป็นโลกจากยุคโบราณกาลเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเจ้าตัวที่อ้างตัวเองว่าเป็นมังกรแห่งความสิ้นหวังก่อนที่ฉันจะตายนั่น
“ท่านคงสงสัยว่าทำไม นั่นคงเป็นเพราะอาวุธชิ้นหนึ่งได้ปิดผนึกบางอย่างไว้ใต้ทะเล.. จนทำให้เกิดมิติแยกขึ้นมาด้วยตัวตนอันพิเศษของอาวุธชิ้นนั้นเลยทำให้ทุกอย่าง— อั้ก!”
จู่ๆ ร่างนั้นก็พร่าเลือนและส่งเสียงอึกอักในลำคออย่างไม่ทราบสาเหตุ ฉันตกใจ เธอค่อยๆ พูดขึ้น
“กฎเกณฑ์โลกคู่ขนาน…”
“ฟังข้าให้ดี ท่านจอมมาร.. ในโลกนั้นกฎเกณฑ์ทุกอย่างแตกต่างจากโลกด้านนอกโดยสิ้นเชิงรวมถึงเวทมนตร์!”
“วิธีการที่จะใช้เวทมนตร์นั้นง่ายดายอย่างมาก.. ท่านแค่จินตนาการและปลดปล่อยพลังออกมาทั้งหมดเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ..”
“ทุกอย่าง ทุกอณู บนโลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่า พลังเวท ซึ่งเป็นเหมือนสสารชนิดหนึ่งที่มีอยู่ทุกหนแห่ง!”
“สิ่งที่ท่านต้องทำมีเพียงแค่ใช้พลังควบคุมสิ่งเหล่านั้น และประกอบโครงสร้างด้วยความรู้ของท่าน.. ด้วยพลังของท่าน..ท่านต้องไม่เป็นอะไร!!”
เธอยิ่งพูดยิ่งร้อนรน แต่ว่าฉันตายไปแล้วนี่.. ไม่สิ ตอนนั้นเธอบอกว่าฉันนอนหลับ แต่ฉันก็เห็นคาตาว่าตัวเองสาหัสแค่ไหน..
จมในทะเลลึกใช้เวทมนตร์ไม่ได้ สิ่งเดียวที่รออยู่มีแต่ตายกับตายเท่านั้น เรื่องนี้ชัดเจนแต่แรกอยู่ไม่ใช่หรือไง..
นั่นสิ ทุกอย่างจบไปแล้วฉันจะสนใจอะไรอีกล่ะ…
“ไม่.. ท่านไม่เป็นอะไร ท่านนึกให้ออกสิ อย่าปฏิเสธตัวเอง อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี..”
“ท่านเลือกแล้วไม่ใช่เหรอท่านจอมมาร.. ท่านน่ะเลือกอะไร ท่านเลือกไปแล้ว กฎเกณฑ์ในโลกนี้มันไม่มีของแบบนั้นอยู่!”
“ไม่มีพันธสัญญาเทพสักหน่อยนะ!!”
…………….
……….
ร่างของเลทิเซียสั่นสะท้านเพราะคำพูดของเธอ ในตอนนั้นเองจิตใจของเลทิเซียพลันสั่นไหว..
ร่างแสงนั้นทราบดีว่าเลทิเซียน่ะแค่ปฏิเสธ ปฏิเสธทสึรุ.. แม้ว่าสำหรับร่างแสงจะไม่ได้สนใจทสึรุแต่เธอสนใจเลทิเซียทุกรูขุมขน
เธอเข้าใจดีว่าเมื่อเลทิเซียยอมรับทสึรุ.. แต่ภายในเบื้องลึกของจิตใจเธอยังกลัวการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้
ไม่ว่าจะเป็นกลัวการหักหลัง หรือกลัวการสูญเสีย.. ทุกอย่างแม้เธอไม่ได้พูดออกมา แต่มันดังก้องในจิตใจเธอชัดเจน
แม้เธอจะลืม แต่ยังมีชื่อหนึ่งในจิตใจของเธอ.. ทสึรุ.. ผู้หญิงที่หลอมละลายความหวาดกลัวของเลทิเซียไปได้..
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเปลี่ยนเป็นคนอื่น เธอก็ยังเป็นเธอ … หากพี่สาวเธอมาเห็น เธอก็ยังเป็นคนที่ยังไม่ได้โตในสายตาของพี่สาวเอลน่าอยู่ดี
ดังนั้นเธอเลยปฏิเสธทุกอย่าง…. ปฏิเสธแม้แต่ความทรงจำตัวเอง แต่ชื่อนั้นยังดังก้องในจิตใจ แต่ว่า… เพราะแบบนั้นความกลัวจึงยังคงอยู่..
แม้ในสายตาของเลทิเซียทสึรุจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตามที แต่ไม่รู้ว่าในส่วนไหนของจิตใจเธอยังกลัวอยู่ ซึ่งพอคำพูดของร่างโปร่งใสดังขึ้นนั้น
ราวกับเธอมองเห็นส่วนลึกจิตใจของเลทิเซีย เป็นเหตุผลที่ทำให้เลทิเซียยืนสับสนมึนงง…
“เธอ… เป็นใคร…”
เลทิเซียที่อึกอักพูดไม่ออกพอเห็นว่าร่างแสงนั้นกำลังจะหายไป ในที่สุดเธอก็ตะโกนถามออกมา
ความรู้สึกที่เธอคนนั้นมอบให้เลทิเซียไม่ใช่ความระแวง และก็ไม่ใช่ความรักมีเพียงความอบอุ่นและอ่อนโยนซึ่งทำให้จิตใจของเลทิเซียที่เหมือนจะเริ่มจำทุกอย่างได้สับสน
ความรู้สึกแบบนี้เธอเองก็ยากจะเข้าใจ.. แต่ในตอนนั้นเองพายุสีดำก็พัดตะลุยมา ภายในพายุสีดำนั่นคือ… เงาร่างของตัวแทนแห่งความตาย
ราวกับว่าจะมาเอาร่างเลทิเซียจากไป อันที่จริงมันก็ถึงเวลาแล้ว.. ถึงเวลาที่จะชำระกรรมทั้งหมดและดึงทุกอย่างกลับสู่ความตายที่แท้จริง
ถ้าจะให้พูดตรงๆ คือ นี่ต่างหากคือความตายที่กำลังเยื่องกรายเข้ามา เวลาของร่างแสงหมดลงและความตายก็กำลังเชิญชวนคนที่ตายไปแล้วอย่างเลทิเซียไปด้วย
“เมอร์ทูน เจ้าทำอะไรของเจ้า!!”
ทว่าไม่มีเสียงตอบรับให้ร่างแสง ดูเหมือนเธอจะเดือดดาลมาก อย่างไรก็ตามรีบหันไปหาเลทิเซีย เธอไม่มีเวลามากแล้ว..
แต่ว่าเธอก็ยังหันมาพูดกับเลทิเซียด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าขอโทษท่านจอมมาร… ข้าคือ… คนที่รักท่านมากที่สุด!”
สิ้นเสียงของเธอพายุก็โหมกระหน่ำ.. ต่อให้เลทิเซียอยู่ในสภาพวิญญาณก็ตามที ก็ยังไม่น่าจะรอด…
อันที่จริงพายุนี้มีไว้เพื่อกำจัด.. คนที่ตายแล้วแต่ดันไม่เข้าวัฏสงสารของโลกอย่างเลทิเซียโดยเฉพาะ!
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง.. โลกสีดำพลันแตกร้าวขึ้นมาอย่างฉับพลัน และเป็นวินาทีที่วิญญาณของเลทิเซียแหลกสลาย
โลกสีดำก็พังทลาย แต่ทว่าพายุสีดำนั้นก็เปล่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งเพราะแทบจะวินาทีนั้นทุกอย่างพลันกลายเป็นกลางป่าแห่งหนึ่งที่กำลังมีเหตุการณ์พิลึกพิลั่น
แต่เหนือสิ่งอื่นใด.. พายุสีดำมันเห็นกับตาว่า วิญญาณที่สลายหายไปแล้วก็ฟื้นกลับมาในร่างของเลทิเซียที่อยู่ตรงนั้น!
…….