การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 117

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 117 –ทสึรุกับเลทิเซีย

วินาทีที่ทุกอย่างราวกับหยุดนิ่งนั้น พายุสีดำก็ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาก่อนจะถูกพัดออกจากโลกใบนี้ไป

ในขณะเดียวกันสายตาของทสึรุก็จับจ้องไปที่ร่างของเลทิเซียไม่ขยับ แม้ว่าตอนนี้จะโดนดาบปักหน้าอกเสียบทะลุเลือดไหลนองพื้น

แต่ทุกอย่างเบื้องหน้าเธอคือสิ่งที่จับจ้อง ราวกับโลกทั้งใบมีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น อันที่จริงเธอหลอกตัวเองจนเชื่อสนิทใจว่าเลทิเซียยังไม่ตาย

แต่ก่อนหน้านั้นเธอก็รู้ว่าเลทิเซียตายไปแล้ว หากพูดง่ายๆ อีกไม่นานสุดท้ายเธอก็ต้องตื่นจากฝันนี้และเผชิญหน้ากับความจริง

ว่าเลทิเซียน่ะได้ตายไปแล้ว.. ใช่ สุดท้ายแล้วความจริงก็ยังคือความจริง ไม่ว่าจะหลอกตัวเองจนเชื่อแค่ไหน

แต่ทสึรุก็ยังรู้ว่าปลายทางที่ความเชื่อเบื้องหน้าตัวเองต้องพังทลายลงสุดท้ายแล้วก็คงจะมาถึงในสักวัน เธอคิดแบบนั้น

แต่บัดนี้ วินาทีนี้.. ทุกอย่างกลับพลิกตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ทำไมเบื้องหน้าของเธอถึงพร่าเลือน

ทสึรุไม่ชอบให้คนอื่นมาสงสาร.. อันที่จริงอาจจะมองว่ามันเป็นทิฐิของเธอก็ได้ แต่ว่าสำหรับโลกที่ไร้ซึ่งคนที่รักและเอ็นดูตัวเองอย่างบริสุทธิ์แบบนี้

มันทรมานมาก ราวกับว่าทุกคนที่ได้ทำดีกับตัวเองไป สุดท้ายแล้วก็เพราะสงสารเท่านั้น จะพูดให้ถูกก็คือ.. เธอไม่ได้เป็นคนพิเศษของใครทั้งสิ้น

หากมีใครสักคนอยู่ในสถานการณ์น่าสงสารเหมือนหรือคล้ายกับเธอ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะทำแบบเดียวกัน

ไม่ใช่ว่าทสึรุไม่สำนึกในบุญคุณ แต่เป็นเพราะว่าเธอต้องการที่จะมีคนมากอดตน..รักและเอ็นดูตนอย่างบริสุทธิ์ใจเหมือนครอบครัวอื่นมีให้ลูก

ใช่แล้ว ทุกอย่างมันก็เท่านั้นเอง.. แต่บัดนี้ทิฐิได้โยนทิ้งเพราะเลทิเซีย ไม่สิ.. ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเธอได้เลทิเซียเป็นที่ยึดมั่นจิตใจ

มันก็เหมือนกับที่คนอื่นมองเธอหรือช่วยเธอเพราะสงสาร เธอเองก็มองคนอื่นที่เข้าหาเพราะสงสารเช่นกัน เธอไม่สำคัญกับใคร

และก็ไม่มีใครสำคัญกับเธอเช่นกัน ดังนั้นเธอเลยโดดเดี่ยวทนทุกข์ตลอดมา แต่เลทิเซียก็กลายเป็นคนสำคัญสำหรับเธอไป

แม้เลทิเซียจะไม่ได้มองเธอสำคัญ แต่อย่างน้อยในตอนนี้สำหรับทสึรุ เลทิเซียก็กลายเป็นดวงตะวันในความมืดมิดอันธการ

และการทำเช่นนี้ทสึรุมองว่าตัวเองเห็นแก่ตัว ปากบอกว่ารัก.. สุดท้ายแล้วที่ยึดติดกับเลทิเซียก็เพราะทำให้ตัวเองสบายใจ

แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามแต่ ที่ทำให้เลทิเซียในสายตาทสึรุแตกต่างไปจากคนอื่นก็เพราะว่า ในสายตาเลทิเซียไร้ซึ่งความสงสารเธอเลย..

ดังนั้นในตอนนี้เธอที่ยึดติดเลทิเซียไม่สนสายตาสงสารอีกแล้ว.. แต่เธอกลัวเพียงอย่างเดียวเช่นกัน.. นั่นก็คือสายตาสงสารจากเลทิเซีย

ดังนั้นเธอไม่อยากจะแสดงความอ่อนแอให้เลทิเซียเห็นมากที่สุด ในครั้งแรกเพราะคำพูดเลทิเซียที่จู่โจมมากะทันหันนั้น

คือสิ่งที่ทำให้เธอหวาดกลัวที่สุดว่าสายตาเลทิเซียจะเปลี่ยนไป และเธอไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งแน่ๆ

แต่ว่าบัดนี้ตรงหน้าเธอดวงตาของเลทิเซียที่ลืมขึ้น มันทำให้ดวงตาของทสึรุพร่าเลือนน้ำตาหลั่งไหลออกมา

แต่ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้า เป็นน้ำตาแห่งความสุข! แต่สำหรับทสึรุนั้นคิดว่าการร้องไห้คือการแสดงความอ่อนแอ แถมตอนนี้ตัวเองดีใจแท้ๆ แต่กลับ.. ร้องไห้ออกมา

นี่คือสิ่งที่เธอกลัวว่าเลทิเซียจะมองตัวเองเปลี่ยนไป แต่ทว่าเธอกลับไม่สามารถหยุดรั้งน้ำตาที่เหมือนสายธารนี้ได้.. ปากเปิดออกอย่างยากลำบาก…

“เล..ทิ..เซีย..”

น้ำเสียงของเธออัดอั้นไปด้วยความรู้สึกหลากหลายมากมายที่ประดาเข้ามาในอก จนปากเปิดออกไม่รู้จะพูดอะไร

เลทิเซียที่ยังเบลอๆ อยู่ก็ยังคงงง แต่ว่าวินาทีเดียวกันทสึรุก็กัดฟันถามออกมาในที่สุด..

แม้เธอจะกลัวต่อคำตอบที่จะได้รัล จนรู้สึกไม่อยากถาม แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังเป็นคำถามที่เธออยากถามมากที่สุดอยู่ดี

ราวกับว่าโลกทั้งใบเหลือเพียงสองคน อาการบาดเจ็บที่พรากชีวิตคนได้ทันทีนั้น ถูกคนสองคนมองเมินข้ามไปจนหมด

“เลทิเซีย.. เจ้าจะอภัยให้ข้าไหม..?”

“ข้าน่ะ บอกว่ารักเจ้า เป็นเพื่อนเจ้า ช่วยเจ้า.. แต่สุดท้ายแล้วที่ข้าทำก็เพราะมันทำให้ตัวเองหลุดจากความกลัวในอดีต..”

“เพราะทำแบบนั้นแล้ว ข้าจะได้คิดถึงแค่เจ้า รักแค่เจ้า เป็นคนรัก.. ครอบครัวเพียงคนเดียวของข้า เพื่อตัวเองเท่านั้น!”

“สุดท้ายแล้วข้าก็ใช้ประโยชน์จากนิสัย ความใจดีของเจ้าเป็นข้ออ้าง แล้วทำให้ตัวเองสบายใจ เพื่อที่ตัวเองจะได้เดินต่อไปข้างหน้า”

“ข้าเป็นแบบนี้มาตลอด ไม่ว่าจะข้ออ้างต่างๆ ….”

ไม่รู้พูดไปพูดมาเสียงของเธอเริ่มเบาลงจนสุดท้ายก็หายไป.. ราวกับว่าเธอกำลังรู้สึกว่ายิ่งพูดตัวเองยิ่งหาข้อดีของตัวเองไม่ได้เลย

ปากบอกพร่ำว่าเพื่อเลทิเซีย แต่ทั้งหมดก็เพื่อตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นอันไหนก็ล้วนแล้วแต่เพื่อตัวเอง..

การกระทำที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ ใครอยากจะมาให้อภัยของเธอกันล่ะ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ขนาดเธอยังรู้สึกเกลียดความเห็นแก่ตัวของตนเองเลย

เหมือนกับเธอได้รับคำตอบ แม้ยังไม่ได้พูดจนจบทำให้เสียงของเธอเงียบลงไป จนกลายเป็นพึมพำ..

“ข้า..มันน่ารังเกียจ…”

เธอก้มหน้าลงน้ำตายังคงไหลลงจากดวงตา เลทิเซียเห็นทุกอย่าง หน้าอกของเธอกระเพื่อมไหว

เธอไม่รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าความรักของคนสองคน เธอไม่สามารถบอกได้ว่า การที่คนสองคนรักกันนะ

ก็เพราะทำให้เขาและอีกฝ่ายมีความสุข ว่ากันตามตรงก็คือการทำให้ตัวเองมีความสุขนั่นแหละ ดังนั้นมนุษย์ถึงได้ปรารถนาที่จะสมหวังในความรักเป็นธรรมดา

และการที่ทสึรุรักเลทิเซียและยึดติดก็เป็นเพราะรักเลยยึดติด และปรารถนาที่จะสมหวังในความรัก มันคือเรื่องปกติ

แต่แน่นอนว่าเลทิเซียต่อให้มีชีวิตอยู่ต่ออีกสักยี่สิบปีด้วยสถานะก่อนหน้า เธอก็ไม่สามารถเข้าใจหรือพูดออกมาได้

เพราะเธอไม่รู้จักมันไม่ว่าจะชีวิตนี้หรือชีวิตก่อนหน้าเท่านั้นเอง แต่วินาทีที่เห็นน้ำตาของทสึรุหลั่งไหลความเจ็บปวดแบบเดียวกับตอนอยู่กับพี่น้องก็ถาโถมเข้ามา

หวนนึกวินาทีก่อนที่ตัวเองจะตาย.. มือที่อบอุ่นนั่นกอดมาที่ตัวเองและอ่อนโยน เป็นความรู้สึกเดียวที่เธอไม่เคยสัมผัสมานานสิบกว่าปี..

ความโดดเดี่ยวบนโลกเหมือนสลายหายไป ความเชื่อใจ..แม้จะกลัวในการเปลี่ยนแปลง กลัวว่าจะโดนหักหลัง

แต่สุดท้ายแล้วสำหรับเลทิเซียทสึรุก็คือ ‘คนสำคัญ’ ไปแล้ว.. และตอนที่คำพูดมากมายของทสึรุดังเข้ามาในหัวของเธอ

ราวกับสถานการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต..

“พี่… ฉันน่ะสุดท้ายแล้วก็ทำเพื่อตัวเอง เห็นแก่ตัว ในขณะที่พี่วุ่นวาย.. ทั้งที่รู้ว่าพี่เองก็เจ็บปวดแท้ๆ ..”

“แม้พวกเราจะเหลือ..”

ก่อนที่ภาพความทรงจำจะไหลทวนไปมากกว่านั้น เลทิเซียในยามนี้ก็กอดทสึรุที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้าด้วยความอ่อนโยน

ราวกับไม่ต้องการให้ทสึรุเป็นเพียงแค่ตัวแทนเหมือนคนสำคัญในอดีต แต่เธอก็คือเธอ.. อันที่จริงสำหรับเลวิเนียแล้ว เลทิเซียก็มองเป็นเหมือนตัวแทนเท่านั้น..

ทว่า ทสึรุตรงหน้าน่ะ..คือคนสำคัญคนที่สามในชีวิตของเลทิเซียตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เธอจึงพูดด้วยความอ่อนโยนในขณะกอดทสึรุ

“ใช่ เธอเห็นแก่ตัว..”

“ข้า…”

“แต่ว่า.. เพราะแบบนั้นเจ้าถึงได้กอดข้าอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เหรอ ข้ามีความสุขและเจ้าก็มีความสุข คนที่ทำแบบนี้ได้น่ะมีแค่คนในครอลครัวเท่านั้นใช่ไหมล่ะ.. แล้วพวกเราเป็นถึงครอบครัวเดียวกันไปแล้ว เรื่องขี้ปะติ๋วแบบนั้นจะไปสนทำไม?”

“…”

เลทิเซียพูดออกมาอย่างอ่อนโยน ไม่มีความสงสารเลนแม้แต่น้อย มีเพียงความอบอุ่นอันแสนบริสุทธิ์ที่โอบกอดทสึรุ ทำให้เธอสั่นสะทาน

เลทิเซียมีอะไรต้องสงสารอีกฝ่าย ในเมื่ออีกฝ่ายคือคนสำคัญของเธอเหมือนครอบครัวของเธอไปแล้ว สิ่งที่เธอทำก็มีแค่ปลอบอย่างอ่อนโยน

เหมือนกับตอนที่เธอเคยปลอบครอบครัวตัวเองนั่นแหละ.. ใช่แล้ว มันคือความรักที่บริสุทธิ์ที่ไร้ซึ่งความสงสารจากใครอื่น

มันเป็นสิ่งที่ทสึรุใฝ่หาตลอดนับสิบปี และเธอไม่เคยเจอและสัมผัสถึงแม้แต่น้อย.. เจ็บปวดทรมานมาเพราะความสงสารตลอดเวลา

จนกระทั่งบัดนี้.. คำให้อภัยของการเห็นแก่ตัวของเธอเองที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รับมัน กลับมาอยู่ตรงหน้าไม่พอ..

แต่ยังได้นับคำพูดอันอ่อนโยนบริสุทธิ์จากเลทิเซีย สุดท้ายแล้วเธอก็ร้องไห้ออกมา แสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าเลทิเซีย

ทว่าแขนที่โอบกอดตัวเองนั้น มีเพียงความอบอุ่น..

นิสัยหวาดระแวงของเลทิเซียไม่ได้หายไป แต่ว่าเธอจะระแวงครอบครัวตัวเองทำไม..ที่เธอระแวงในตอนนี้มีเพียงรอบด้านและดาบสีทองก็แตกพังทลายออก

บาดแผลของทสึรุหายตั้งแต่ตอนไหนเจ้าตัวก็ยังไม่ทราบ.. คนที่ทราบเกรงว่ามีแค่เลทิเซียเท่านั้น

…….

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท