การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 127

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 127 – ผ่านบททดสอบที่สาม

“ทสึรุ?!”

เลทิเซียถึงกับตกใจอยู่นั้น อีกฝ่ายเองก็กำลังอ้าปากค้าง เธอจึงรีบดีดตัวจากก้นทะเลพุ่งดิ่งขึ้นมากลางท้องฟ้าเพียงพริบตาเดียว

ผมสีดำที่ยาวกว่าเดิมจากเมื่อกี้ปลิวไสว.. ผมของเธอยาวจนถึงขาเข่าเลยทีเดียว ร่างกายของเลทิเซียไม่ได้มีรูปร่างเหมือนเด็กอีกต่อไปแล้ว..

ตอนนี้เธอมีส่วนสูงเกือบๆ 170 เซนติเมตรเลยก็ว่าได้ผมสีดำสนิทยังคงเป็นเอกลักษณ์แต่ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ส่วนสูง ร่างกาย

ทุกอย่างล้วนแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง แถมหน้าอกก็ยังมีเพิ่มขึ้นมาด้วยถึงจะไม่ได้ใหญ่สะเบิ้มเหมือนคนมีลูกก็เถอะ

แต่ก็แค่ไม่ได้แบนราบ หากบรรยายให้ลามกขึ้นอีกหน่อยก็เป็นขนาดไข่ดาวพอดีมือนั่นแหละ

แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีอยู่ดี ต้องไม่ลืมว่าร่างกายของเลทิเซียก่อนหน้านี้คือเด็กอายุสิบสอง แต่ตอนนี้กลายเป็นหญิงสาวอายุเหยียบยี่สิบไปแล้ว!

แต่เหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัวด้วยความตกใจก็เขย่าทสึรุในมือแล้วตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างร้อนรน

“ทสึรุ! ทสึรุ! ตื่นสิ!”

ในขณะที่เลทิเซียกำลังจะผายปอดก็รู้สึกเหมือนว่าทสึรุตัวเล็กลงเธอถึงกับผงะ

“ทสึรุ ทำไมเธอตัวเล็กลงละ?!”

เลทิเซียที่กำลังหวาดผวา แต่อีกฝ่ายหมึกนั่นกลับมองเมินโจมตีต่อ แต่มันก็ตกใจอยู่มากพอสมควร

“ทำไมสิ่งมีชีวิตอย่างเด็กนั่นถูกพลังแห่งกาลเวลาของข้าแล้วมันกลับทำได้แค่เปลี่ยนรูปร่างภายนอกเท่านั้น..?”

ต้องรู้ว่าต่อให้เศษเนื้อนั่นจะไม่มีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งมากนัก แต่มีกาลเวลาที่มากมายมหาศาล ซึ่งหากสิ่งใดสัมผัสมันต่อให้เป็นวัตถุ

ก็ย่อมสลายกลายเป็นเท่าธุลีในพริบตาเลยนะ.. ว่าง่ายๆ หนึ่งพริบตาที่สัมผัสกับพลังกาลเวลาของมัน.. หนึ่งวินาทีก็เทียบราวๆ

ร้อยปีเลยก็ว่าได้.. ซึ่งต่อให้เป็นมนุษย์ ปีศาจ หรือเป็นมังกรก็ยังต้องสูญเสียอายุขัยไปร้อยกว่าปีในชั่วพริบตาต้องรู้สึกว่าพลังชีวิตได้รับผลกระทบมากแน่ๆ

แต่เด็กตรงหน้านี้แล้วเหมือนจะผ่านไปแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น ดูเผินๆ ผ่านไปไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ นี่จะไม่ทำให้มันตกตะลึงได้ยังไงล่ะ

อันที่จริงเรื่องนี้ควรยกความดีความชอบให้เทพธิดาที่ส่งเลทิเซียมาเกิดใหม่ อันที่จริงเธอไม่ได้หยุดการเจริญเติบโตหรอกโดยสิ้นเชิงหรอก

เพราะหากหยุดการเจริญเติบโต มันก็จะเป็นการทำให้ร่างกายไม่เจริญเติบโตไปข้างหน้า หมายความว่าต่อให้เป็นแผลก็ไม่มีทางที่แผลนั่นจะสมานตัวกันเอง

ดังนั้นสิ่งที่เธอทำคือทำให้อายุขัยของเลทิเซียหยุดเดิน ส่งผลให้ร่างกายและอายุขัยไม่เดินต่อไปข้างหน้า.. หรือก็คือมันเป็นการหยุดเวลาของอายุขัยนั่นแหละ

แต่ถ้าจะหยุดเวลาจริงๆ มันก็หมายความว่าอายุของเลทิเซียมันจะไร้ขีดจำกัดไม่มีทางตาย แม้จะถูกฆ่าตายได้แต่อายุขัยที่ไร้ขีดจำกัดนั่นก็สามารถทำอะไรได้หลากหลายอย่างแท้จริง..

ใช่.. สิ่งที่เทพธิดาทำคือการทำให้อายุขัยของเลทิเซียเดินช้าลงแบบช้ามากๆ! คนอื่นอาจจะใช้เวลาเพียงเกือบยี่สิบปีเพื่อเติบโตมาถึงจุดที่เลทิเซียเป็นในตอนนี้

แต่ทว่าสำหรับเลทิเซียต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึงร้อยกว่าปีเพื่อที่จะมีรูปร่างแบบนี้ได้! และอีกอย่างเนื่องจากอายุขัยเดินช้า

การเผาผลาญอายุขัยก็ต้องช้ากว่ามาก นั่นหมายความว่าสมมุติอายุขัยของคนธรรมดาจะมีชีวิตอยู่ไม่เกินร้อยปีแต่เลทิเซียก็อาจจะเป็นห้าร้อยปี!

แถมตัวเลทิเซียยังเจริญเติบโตช้ากว่าคนอื่นประมาณสิบเท่า ก็เอาห้าร้อยมาคูณกับสิบ.. ว่าง่ายๆ คือเลทิเซียสามารถมีอายุถึงหลักหลายพันปี

ถึงจะแก่เฒ่าจนโรยรา.. พันกว่าปีเลยนะ! นั่นสามารถข้ามผ่านช่วงยุคสมัยได้มากมายหลายยุคสมัยเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่านี่เปรียบเทียบกับอายุขัยของคนธรรมดา.. ยังไงซะเลทิเซียก็เป็นจอมมารที่มีอานุขัยมากกว่ามนุษย์ไปไกล…

ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่อธิบายภาพพิลึกพิลั่นตรงหน้านี้ได้ดี เลทิเซียเปลี่ยนไป แต่ทว่าเธอตอนนี้กำลังร้อนรนแต่หมึกยักษ์มันจะร้อนรนเหมือนกัน

พลังแห่งกาลเวลาของมันคือไพ่ตายสุดแกร่งที่ไร้ผู้ใดเทียม มีเพียงสองคนที่มันรู้จักซึ่งไม่รับผลต่อพลังของมันหนึ่งคือคนที่ผนึกมันไว้ อีกคนคือเลทิเซียนี่แหละ!

แถมมันยังเห็นว่าในมือเลทิเซียถือดาบเล่มที่เคยผนึกมันเอาไว้อีกด้วย พอเห็นแบบนั้นมันก็ยิ่งร้อนรน เพราะการถูกผนึกไว้เป็นเวลานาน

ต่อให้เป็นหมึกผู้ควบคุมพลังกาลเวลาได้ก็ยังต้องปวดหัว แม้มันจะควบคุมเวลาได้แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะอยู่เหนือกาลเวลาไปด้วยได้

ดังนั้นพอเห็นภาพนี้มันจึงมองเมินอาการตกใจของศัตรู รีบฉวยโอกาสโจมตีทันที หนวดอีกหกหนวดโผล่พรวดขึ้นมาจากใต้ทะเล

รวมจากของเดิมนับได้แปดหนวด แต่ละหนวดมีพลังกาลเวลาในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่นหนวดที่หนึ่งที่ถูกเลทิเซียเจาะเป็นรู

มีพลังในการหยุดเวลาใส่สิ่งที่สัมผัส หนวดที่สองคือเร่งเวลาสิ่งที่สัมผัส ส่วนหนวดที่สามย้อนเวลาในสิ่งที่สัมผัส!

และหนวดนี้ก็ฟาดใส่เลทิเซียแทบจะพริบตาเดียว เลทิเซียรู้ว่าหลบไม่ทันจึงกอดทสึรุไว้และตวัดดาบในมือออกไปใส่หนวด

อาจจะเป็นเพราะดาบเล่มนี้ผนึกมันไว้นาน จนเรียกได้ว่าดาบเล่มนี้กลายเป็นดาวข่มของหมึกยักษ์ไปแล้ว พอตวัดใส่หนวด ก็เหมือนใช้มีดตัดเนย!

“คมขนาดนี้เลยเหรอ?!”

เลทิเซียตกใจ อันที่จริงส่วนหนึ่งเป็นเพราะตอนสู้กับเงาพร่าเลือนคือการปะทะกับอีกส่วนของดาบเลยกินกันไม่ลงเหมือนดาบไร้คม

แต่พอสู้กับหนวดนี่มันกลับมีผลดีเกินคาดไปไกลโข เสียง “ฉึบ” ดังขึ้นหนวดที่มีขนาดใหญ่จนแทบมองไม่เห็นจนสิ้นสุดด้วยตาเปล่า

ถูกตัดออกอย่างง่ายได้! แต่ทว่าผลของพลังแห่งการย้อนทวนเวลามันก็โดนดาบไปจังๆ แม้จะมีพลังส่วนหนึ่งกระทบมาถึงเลทิเซียด้วย

แต่ดาบรับกรรมไปเต็มๆ ด้วยเหตุนี้ทำให้ร่างกายของเลทิเซียที่เติบโตขึ้นก็กลับลงสู่เด็กเหมือนเดิม แต่เนื่องจากพลังที่ได้รับไม่เท่ากัน

สภาพเลทิเซียตอนนี้เหมือนเด็กอายุสิบสามปีแล้ว แต่ทว่าดาบในมือแรกเริ่มสีดำทมิฬของมันก็น่ากลัวมากอยู่แล้ว

แต่พอโดนไปกลับยิ่งส่งผลให้ดาบมันดูมีพลังมากกว่าเดิม.. และห่างไกลออกไปสุดขอบฟ้านั้นก็มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น

ก่อนที่เลทิเซียจะหันไปเห็นเงาร่างพร่าเลือนที่พร่าเลือนยิ่งกว่าก่อนหน้าเหมือนแทบแหลกสลายไปได้ทุกเมื่อ

แน่นอนเป็นเพราะพลังย้อนทวนเมื่อครู่ทำให้พลังที่เคยแยกออกไปในอดีตก็ค่อยๆ หวนกลับมาในดาบที่เลทิเซียถืออยู่

หรือก็คือพลังเงาร่างพร่าเลือนถูกบั่นทอนลงไปช่วงใหญ่! แต่ทว่าตอนนี้ศัตรูเลทิเซียไม่ได้มีแค่เงาร่างพร่าเลือน

เพราะมีหมึกกาลเวลาอยู่ด้วย! ต่อให้เงาร่างพร่าเลือนจะอ่อนแอลงขนาดไหนก็ตาม แต่ศัตรูก็มีถึงสองเลย แถมทสึรุยังอยู่ในสภาพนี้อีก

“เจ้ามันตัวอันตรายเหมือนยัยเด็กนั่นไม่มีผิด โลกใบนี้ทำไมไอ้เด็กตัวเล็กๆ มันถึงเก่งกันได้ทุกคนเลยวะ แต่ก็มาได้แค่นี้แหละ ตายซะเถอะ!!!”

เสียงคำรามของหมึกยักษ์เองก็ดังขึ้น หนวดที่สี่ที่ห้าและหกก็หวดลงมาไม่รู้ว่ามีพลังเวลาแบบไหนแทรกซ้อนอยู่ในหนวดเหล่านั้น

แต่ว่าเลทิเซียเองก็ไม่มัวชักช้าอีกแล้ว.. เธอเป็นคนที่ชอบระแวดระวังและกลัวทุกอย่าง ว่ากันในบางระดับแล้วเธอก็คือคนที่มองโลกในแง่ร้าย

หรือก็คือเธอคิดไว้แล้วว่าอาจจะมีสถานการณ์ที่ว่าตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไว้ ดังนั้นเมื่อซ้อนแผนและซ้อนแผน และมีแผนสำรองอยู่

แต่ถ้าทั้งหมดยังไม่สามารถรอดได้ เลทิเซียก็เดาไว้แล้วดังนั้นจึงมีแผนสำรองอีกเสมอ ด้ายมากมายที่เลทิเซียหอบมาด้วยก็พลันสลายกลายเป็นแสงโฟตอน

แสงนี้แยกออกจากกันจนกลายเป็นจุดแสงที่เล็กมากๆ..แต่เพราะความแพรวพราวของมันจึงกลายเป็นเหมือนก้อนแสงขนาดเท่ากำมือนับแสนนับล้าน..พุ่งกระจายออกไปทั่ว

มีแสงกลุ่มหนึ่งพุ่งลงใส่ทะเล ทะเลในระยะหลายร้อยเมตรแถวนั้นกลายเป็นทองคำ หรือถึงขั้นกลายเป็นลาวายังมี

นี่คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอนุภาคเวทมนตร์ที่มีอยู่ในทุกสิ่ง เพื่อส่งผลกระทบถึงอะตอมและโครงสร้างของสรรพสิ่งก่อนจะเปลี่ยนแปลงตามความคิด

แต่เพราะจำนวนกลุ่มแสงที่กระจายออกมันมีมากเกินไปเลทิเซียจึงไม่สามารถบังคับควบคุมได้เลยว่า แสงกลุ่มไหนจะเปลี่ยนอะไรเป็นอะไร

แต่ท่านี้ก็นับเป็นท่าไม้ตายก้นหีบ! เงาร่างที่พุ่งมาก็ปะทะเข้ากับกลุ่มแสงก้อนหนึ่งโดยไม่ทันได้ตั้งตัวกลุ่มแสงก้อนนั้นก็แปรเปลี่ยนโครงสร้างของอีกฝ่าย…

ให้กลับคืนสู่ความว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย! แม้จะต่อต้านเพียงไหนแต่ทว่าเพราะร่างกำเนิดมาจากอนุภาคเวทมนตร์อยู่แล้วจึงไร้ทางต้านโดยสิ้นเชิง

และพังทลายลงทันที! เมื่อร่างของอีกฝ่ายกลับคืนสู่ความว่างเปล่าเงาสีดำก็พุ่งพรวดกลับเข้าไปในดาบที่เลทิเซียอยู่ก่อนที่ชั่วพริบตาต่อมา

แสงสีดำจะพวยพุ่งออกมาจากตัวดาบราวกับเงาที่กลายเป็นควันลอยขึ้นเต็มท้องฟ้า.. บัดนี้ต่างหากจะเป็นการได้ครอบครองดาบจูชินเล่มนี้อย่างแท้จริง!

พลังอีกส่วนได้กลับคืนมาแล้ว

เลทิเซียได้ผ่านบททดสอบที่สามแล้ว!

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน