การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 161

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 161 – อันน่า

นับตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ชาร์ล็อตถูกกลั่นแกล้งรังแก ทุบตี ทรมานจนเกือบตายอยู่หลายครั้ง….

เธอโกรธเธอเกลียด และต้องการจะเอาคืน เธอเองมีความรู้สึกตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอยิ่งโดนรังแกมามากเท่าไหร่ความก้าวร้าวก็ยิ่งตามมา

จนท้ายที่สุดพอมันระเบิดออกมาความอัดอั้น ความเกลียดชังเข้าครอบงำเธอจึงฆ่าและหัวเราะออกมา

หัวใจเต้นระรัวไม่หยุด…แต่พอเธอนึกถึงเธอคนนั้นกับซิลฟี่ เธอก็จะสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ ความโกรธเกลียดก็ค่อยๆ บรรเทาลง

และท้ายที่สุดเธอก็กลับกลายเป็นเด็กที่บริสุทธิ์ดังเช่นเดิม แต่ว่าอดีตมันยังคงตามหลอกหลอนเธอ ความตายของซิลฟี่

ความเจ็บปวดจากการถูกรังแก และความเห็นแก่ตัวของตัวเองมันทำเธอจนแทบเป็นบ้า เธอโกรธจนทำลายข้าวของระเนระนาด

แต่พอจี้สีแดงนั้นร่วงลงกับพื้นความโกรธของเธอก็มลายหายไป.. วันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า

เธอกลายเป็นเหมือนคนบ้าที่สติไม่ดี เดี๋ยวก็ทำลายข้าวของ เดี๋ยวก็นั่งร้องไห้ ตัวเธอในตอนนี้จึงแทบเหมือนอสูรจริงๆ

เธอไม่รู้ว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้วตั้งแต่ถูกคนคนรั้นทิ้งไป และเธอไม่คิดจะจำด้วย

แต่เนื่องจากความโกรธที่ไม่อาจบรรเทา ตัวของเธอจึงเริ่มพาลไปทั่วไม่มีใครปลอบเธอ ความโกรธของเธอพาลไปหาคนรัก.. คนสำคัญของเธอ

“พวกคนเห็นแก่ตัว ชิงตายไปก่อนอย่างเห็นแก่ตัว ทิ้งข้าไว้พร้อมกับทำให้ข้าถูกคนชั่วมารังแก พวกเจ้าทุกคนมันสมควรตาย!!”

เธอร้องออกมาด้วยความโกรธในบ้านหลังใหญ่ที่ชาร์ล็อตเคยอยู่กับคนคนนั้น เธอไม่เคยจากไปเลย

แต่ความโกรธของเธอก็พาลใส่บ้านหลังนี้ ห้องของคนคนรั้นถูกชาร์ล็อตทุบเตียงพังเก้าอี้จนเละเทะไปหมด

“พวกแก.. ทุกคนมันเห็นแก่ตัว ทุกคน!!”

เธอร้องออกมาพร้อมกับกัดฟันจะต่อยไปใสโต๊ะตรงหน้า แต่เพราะจี้สีแดงวางอยู่ ภาพอันหอมหวานในอดีตจึงลอยกลับมาอีกครั้ง

เธอที่คอยสอนอะไรต่างๆ ให้ คอยเตือน คอยห่วงใย.. ภาพเหล่านั้นมันกระหน่ำเข้ามาในหัวจนน้ำตาชาร์ล็อตไหลออกมา

“อ๊าาาาาาา”

ภาพในอดีตที่หอมหวานนังคงลอยเข้ามาไม่หยุด ตราบใดที่เธอยิ่งคิดถึงมันเธอก็จะยิ่งสัมผัสว่าตัวเธอเองนั้นไม่สามารถสัมผัสความสุขสมในช่วงเวลานั้นได้อีกแล้ว

ยิ่งจดจำ ยิ่งเจ็บปวด ความทรงจำอันหอมหวานจึงกลายเป็นเหมือนกรงขังที่ทำให้เธอไม่สามารถหลุดออกจากบ่วงแห่งความทรมานนี้ได้

มือสองข้างกุมที่หัวพร้อมกับส่ายหัวไปมาเหมือนคนบ้า ปากตะโกนด่ากราดบอกว่า “ออกไป ออกไป!!!”

เธอคว้าจี้สีแดงขึ้นมาพร้อมกับปาใส่ผนังห้องอย่างรุนแรง แต่พอร่วงลงพื้นภาพจี้สีแดงถูกวางบนมือก็ลอยเข้ามา

“อย่ามอบมันให้ใคร!”

“อ๊า.. ไม่.. ไม่..!”

เธอร้องออกมาแล้วก็วิ่งไปหยิบจี้สีแดงขึ้นมากอดไว้ในอกตัวเองพร้อมกับร้องไห้ออกมา… แต่ว่าความโกรธก็ปะทุอยู่ภายในนั้น

ทำลาย!! ทำลายมัน! ทุกคนมันต้องตายไปให้หมด! พวกเห็นแก่ตัว!

ไม่! ไม่! ไม่!

เสียงทะเลาะกันดังขึ้นในบ้าน.. แต่ที่น่าตกใจคือมันเป็นเสียงของตัวชาร์ล็อตคนเดียว เธอทั้งโกรธ ทั้งปฏิเสธ

เธอกำลังทะเลาะกับตัวเองปากที่เปิดแล้วพูดว่า ต้องฆ่า ต้องทำลาย ต้องแก้แค้น แต่ปาก็เปิดขึ้นอีกครั้งว่าไม่เอา

มันไม่ถูกต้อง! เราไม่จำเป็นต้องไปตอบแทนพวกที่นิสัยแย่ด้วยการทำเหมือนพวกมัน หรือแม้แต่ซิลฟี่หรือคนคนนั้นเองก็ไม่ได้ผิด!

คนที่ผิดน่ะมันคือตัวเธอเองไม่ใช่เหรอ ตัวเธอน่ะ!!

“ไม่! ไม่! คนอื่นที่รังแกเธอน่ะพวกมันคือคนชั่ว คนชั่วไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อ ต้องไปฆ่าพวกมันให้หมด ไม่ว่าจะซิลฟี่หรือคนคนนั้น คนพวกนั้นก็ผิด!”

“ไม่ ข้าไม่ปฏิเสธว่าทำเรื่องไม่ดีควรได้รับโทษ แต่ว่าเราก็ไม่ควรฆ่าคนตามใจชอบ คนคนนั้นกับซิลฟี่เองก็เหมือนกันทุกอย่างเป็นเพราะเธอ!”

ชาร์ล็อตเริ่มด่าและเถียงกับตัวเองไม่หยุด ราวกับว่าเธอในตอนนี้ได้กลายเป็นสองคน.. ชาร์ล็อตตอนโกรธและตอนไม่โกรธกำลังทะเลาะกันอยู่

สาเหตุอาจจะเป็นเพราะความทรงจำมันตีกันอารมณ์แปรปรวนและความโกรธรู้สึกผิดมันระเบิดออกมาในเวลาเดียวกัน

เธอด่ากราดให้ตัวเองอย่างเสียสติ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ด่ากราดให้ผู้อื่นอย่างบ้าคลั่ง

การทะเลาะกันของตัวเองยังดำเนินไปราวกับคนบ้าเวลาผ่านไปจนชาร์ล็อตเริ่มรู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

เธอเกลียดตัวเธอเองที่โทษความผิดให้คนคนนั้น.. โยนทุกอย่างให้คนอื่น ทำไมเธอถึงแบบนั้น แบบนั้นมันยิ่งเห็นแก่ตัวไม่ใช่หรือไง

มันเจ็บปวดเกินไปแล้ว.. ไม่เอาแล้ว เธอไม่อยากคิดแบบนั้นได้โปรดหยุดเถอะ.. ได้โปรด.. แน่นอนว่าความโกรธไม่ใช่จะควบคุมได้ง่าย

พอคนเราโกรธขึ้นมาความสะเพร่าจะบังเกิด คิดเรื่องแย่ๆ ของตอนที่ตัวเองไม่โกรธทำไม่ได้ ได้อย่างง่ายดาย

ความโกรธนั้นสามารถบดบังสายตา ใช่! ตอนนี้ชาร์ล็อตก็ถูกความโกรธบดบังสายตา แต่ในขณะเดียวกันเธอก็คิดถึงความดีที่คนคนนั้นทำเพื่อตัวเอง

แม้มันจะเจ็บปวดจนแทบพังทุกอย่าง แต่ในขณะเดียวกันเธอก็อบอุ่น ทั้งโกรธและอบอุ่นในเวลาเดียวกันเธอจึงเกลียดตัวเองที่โกรธคนคนนั้น

เธอไม่เอาแล้ว.. ไม่อยากโกรธให้คนคนนั้นแล้ว มันเจ็บปวดมันทรมาน มันเห็นแก่ตัวเกินไป

เธออยากจะลืมความสุขนั้น อยากจะลืมและลบมันออกจากหัว ทั้งซิลฟี่ ทั้งวันคืนที่อยู่กับคนคนนั้นทั้งการถูกรังแกเธออยากลืม

เกลียดตัวเอง… เกลียด เกลียด!!!

“ไม่เอาแล้ว!!!”

ชาร์ล็อตตะโกนออกมาแล้วก็นอนกอดเข่าบนพื้น ปิดหู ปิดทุกอย่าง ไม่อยากจะจำอะไรทั้งสิ้น ไม่จำแล้ว ..

ชาร์ล็อตอยากจะหลับ.. หลับไปทั้งแบบนั้น..

แต่แล้วเธอก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งจากเสียงเสียงหนึ่ง..

“ตื่นได้แล้ว.. นี่เจ้าจะนอนไปถึงเมื่อไหร่กัน..?”

สิ่งแรกที่ชาร์ล็อตคิดก็คือคนคนนั้นกลับมาแล้ว.. แต่ความคิดนั้นก็หายไปพอเธอลืมตาตื่นขึ้นมา

เธอไม่พบใครเลย แต่เสียงที่ดังอยู่ในหัวของเธอยังคงดังขึ้นมาอีกครั้งว่า

“ตื่นได้สักที จะทำตัวเป็นเด็กไปถึงเมื่อไหร่? ต้องใช้ชีวิตในส่วนของซิลฟี่ด้วยนะ เจ้าน่ะ..”

“ห้ะ.. นี่เจ้าเป็น แล้วใครคือซิลฟี่..?”

ชาร์ล็อตสับสนและถามออกไป เสียงนั้นเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า

“ข้าคือเจ้า.. เจ้าคือข้า… อืม ชื่อข้าเอาเป็น มารี อันน่าแล้วกันนะ”

“เอ๋.. เอ่อ.. คือยังไงอะ?”

“ก็คือว่า พวกเราคือหนึ่งเดียวกันยังไงล่ะ! ไม่เป็นไรนับแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะปกป้องเจ้าจากพวกมนุษย์เองที่มารังแกเจ้าเอง!”

“เอ๋ มนุษย์นี่.. คืออะไร ว่าแต่ทำไมต้องรังแกข้าด้วย แต่เดี๋ยวสิทำไมเจ้าถึงมาอยู่ในหัวข้าได้เนี่ย ข้าสับสนไปหมดแล้ว!”

ใช่แล้ว คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นในตอนนั้นและหัวเราะไปกับการฆ่าคนอื่นไม่ใช่อันน่า แต่เป็นชาร์ล็อต ไม่สิ.. ถ้าจะให้พูดบางทีนี่แหละอาจจะเป็นอันน่า

เพราะอันน่าน่ะ.. พึ่งจะ ‘ถือกำเนิดขึ้นมา’ ตอนนี้เท่านั้นเอง

อันน่าพอได้ยินชาร์ล็อตตอบแบบนั้นเธอก็เงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะส่งเสียงหึออกมาทีหนึ่ง มุมปากของชาร์ล็อตและอันน่ายกขึ้น

“ทุกอย่างที่เธอปฏิเสธมาอยู่ที่ข้า และเจ้าจมปลักอยู่กับความสะอาดสะอ้าน ให้ข้ากลายเป็นความเกลียดชัง…งั้นเหรอ.. ก็ดี.. ชาร์ล็อตข้าจะเป็นด้านมืดในจิตใจที่มีตัวตนให้เจ้าเอง”

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง แต่ข้าหิวแล้วสิ”

ชาร์ล็อตที่งุนงงก็บ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้.. และแล้ว อันน่าก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา เธอไม่ใช่ทั้งพี่น้องฝาแฝดในร่างเดียวกัน

เธอไม่ใช่คนสองคนในหนึ่งร่างกาย.. เพราะเธอนั้นก็เป็นคนคนเดียวมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วนั่นเอง

ที่ชาร์ล็อตบอกเลทิเซียไปนั่นแน่นอนว่าโกหก เพราะชาร์ล็อตเองก็รู้อยู่แล้วว่าอันน่าคือตัวเธอเอง แน่นอนว่าอันน่าไม่ได้บอกเรื่องบางเรื่อง

แต่เธอก็ต้องรู้ว่าตัวเธอกับอันน่าคือคนคนเดียวกันแน่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกเดิม ฝาแฝดก็ต้องหมายถึงมีลูกสองคนในหนึ่งครรภ์

ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เลทิเซียรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็คงมองออกตั้งแต่บอกว่าเป็นลูกแฝดแล้วนั่นแหละว่าชาร์ล็อตโกหก ก็เพราะเธอโกหกไม่เก่งนี่น่า

แน่นอนว่าเลทิเซียเองก็คิดว่าแฝดในโลกนี้มันจะพิเศษออกไปเช่นกัน ไม่สิ บางทีเธออาจจะสังเกตเห็นตั้งนานแล้ว

ตั้งแต่ตอนแรกเลยล่ะ เพียงแค่เธออาจจะนิ่งเงียบนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เลทิเซียถึงมองว่า ชาร์ล็อตคือด้านดี ส่วนอันน่าคือด้านลบนั่นเอง

แต่ไม่ว่าจะยังก็ตามแต่ เรื่องที่ว่าชาร์ล็อตกับอันน่าในตอนนี้คือคนละคนกันนั้นมันก็คือเรื่องจริง เพราะมีความทรงจำที่แยกกัน!

ใช่ นี่คือ.. ชาร์ล็อตกับอันน่า!

………

[ใช่แล้ว… แรกเริ่มเดิมทีนั้นมันไม่ได้พิเศษอะไรเลย มันเป็นเพียงแค่การพังทลายของเด็กสาวไร้เดียงสาผู้ซึ่งเจอทางตันและหาทางรอด.. จนท้ายที่สุดถึงมีอันน่าอยู่ตรงนี้ บางที.. บางทีตั้งแต่แรกแล้วเธอคงคล้ายคลึงกับเลทิเซียมากยิ่งกว่าใคร.. มันแตกต่างเพียงอย่างเดียวนั่นคือ เธอปฏิเสธที่จะเกลียดคนที่รักและก็เกลียดคนที่รักในเวลาเดียวกัน ตรงกันข้ามกับเลทิเซียที่… รักคนที่ตัวเองรัก อย่างไม่ ‘สงสัย’ ใดๆ นี่คือความต่างของคนทั้งสอง ที่ทั้งเหมือนและไม่เหมือนในเวลาเดียวกัน โชคชะตาของทั้งสองจะสามารถบรรจบและสิ้นสุดลงได้หรือไม่ หรือยังไงกันแน่นั้น ในตอนนี้คนที่ทราบ…ก็คงมีแค่ผมเท่านั้นแหละ แต่ไม่บอกหรอก (?) อิอิ เพราะเดี๋ยวก็ได้รู้กัน ไม่ช้าก็เร็วแหละ! – ผู้เขียน]

[แต่ว่านะ คือเนี่ย เห็นไหม ผมทำทุกอย่างไปเพื่อกำเนิดอันน่า! อย่ามาว่าผมเสพติดการยำตัวละครสิเฟ้ยย!! – ผู้เขียน]

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท