การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 180

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 180 – บุกรังศัตรูเพื่อเพื่อน

“นังเด็กนี่…”

ชายคนนั้นเหมือนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า บัดนี้ในสายตาเขาที่จ้องไปยังเลทิเซียเหมือนมองเห็นปีศาจร้าย

แม้ยากที่จะเชื่อแต่ว่าดูเหมือนเพื่อนเขาจะถูกเด็กที่อายุไม่ถึงสิบห้าปีนี้ฆ่าไปแล้ว แต่เขาก็ทำงานในแวดวงนี้มานานเลยมีประสบการณ์มาบ้าง

เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้เขาเลือกจะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก้าวถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมกับพูดขึ้น

“กำจัด!”

พอพูดออกไปแบบนั้น คนอื่นเหมือนจะได้สติขึ้นมา พร้อมกับกำลังจะเคลื่อนไหวนั้นเอง ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร

เพราะในพริบตานั้นไฟในโกดังดับวูบลงก่อนที่จะติดกลับมา นอกจากชายคนนั้นแล้วทุกคนล้วนกลายเป็นเศษเนื้อกองบนพื้นอย่างน่าสยดสยอง

บางที นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เลทิเซียเคยเห็นภาพโศกนาฏกรรมที่รุนแรงแบบนี้ แถมนี่ยังเป็นฝีมือของตัวเธอเองอีกต่างหาก

หากเป็นเธอในตอนปกติ บางทีเธอคงตกใจและอ้วกเพราะความคลื่นไส้เป็นแน่ แต่เธอในตอนนี้มองว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ต่างจากศัตรูที่ต้องกลายเป็นเศษขยะ

หากให้เปรียบเทียบระดับที่เลทิเซียมองว่าเป็นศัตรูคงมีอยู่หลากหลายระดับ แต่ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ คือแบ่งเป็นสามระยะ

ระยะแรกคือไม่มั่นใจว่าเป็นศัตรูหรือไม่ จึงต้องมองว่าเป็นศัตรูไว้ก่อนเผื่อกรณีที่เลวร้ายที่สุดจะได้ไม่ต้องลำบาก และไหลตามน้ำตามกระแสไป

ระยะที่สองคือเป็นศัตรูอย่างแท้จริง แต่ศัตรูไม่จำเป็นต้องกำจัดทิ้งแต่ระวังตัวไว้มากและไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ ตัวเองให้อีกฝ่ายรู้

ระยะนี้นั้นเลทิเซียเคยแสดงให้เห็นแค่ครั้งเดียวนั่นคือตอนสู้กับหมึกยักษ์ หากปล่อยไว้มันจะอันตรายต่อคนรอบข้างจึงต้องกำจัด.. เหล่านี้ล้วนเป็นระยะสอง

ระยะสาม.. ระยะสุดท้าย ศัตรูที่เลทิเซียตัดสินใจว่าต้องฆ่า ถ้าไม่ฆ่าก็เราเองที่จะไม่รอด.. และเป็นศัตรูที่เป็นภัยต่อเลทิเซีย

ไม่ใช่ทางกายภาพ แต่เป็นจิตใจ ใช่.. ตอนนี้เพื่อนเธอถูกลักพาตัว ไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอโกรธไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว

ดังนั้น สำหรับเธอคนทุกคนที่ขัดขวางและมายืนอยู่ตรงหน้าคือศัตรูที่สมควรถูกกำจัด.. ฆ่าเท่านั้น

ในอดีตชาติเธอคงไม่ใช่แบบนี้.. แต่หากน้องสาวเธอในชาติก่อนโดนลักพาตัว บางทีหากมีตัวเลือกให้ฆ่าเพื่อช่วย เธอเองก็คงหยิบมีดขึ้นมาอย่างไม่ลังเล

“นี่…มัน…อะไร..”

ชายคนนั้นถอยหลังไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว เขาอาจจะมีประสบการณ์มากก็จริงแต่ทว่าภาพตรงหน้าที่ทั้งแขน ขา นิ้ว อวัยวะภายใน

ถูกแยกเป็นชิ้นๆ ด้วยด้าย แม้แต่ลูกตาของใครสักคนก็ยังหลุดและกลิ้งมาอยู่ที่ใต้เท้าเขา มันเป็นภาพที่เกินความเข้าใจเขา

ความรู้สึกคลื่นไส้ตีขึ้นมาจากในท้องก่อนจะทรุดลงกับพื้นและอ้วกออกมาอย่างน่าเวทนา เลทิเซียเดินไปจับผมอีกฝ่าย

“ขอโทษ.. ข้า..ขอโทษ.. อย่าฆ่าข้า.. เลย”

เขาพูดขึ้น เลทิเซียเพียงแค่พูดขึ้นว่า..

“หุบปาก!”

เธอจับผมของมันลากไปกับพื้นเดินลงไปชั้นใต้ดิน ผ่านซากศพของคนอื่นๆ ที่ถูกตัด ยิ่งทำให้มันรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน

เลทิเซียที่พยายามสงบสติอารมณ์เธอคิดว่าหากใต้ดินนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ หากมีคนรู้จักทางจะช่วยได้เยอะ อย่างน้อยในพื้นที่ที่ไม่เปิดกว้างแบบนี้

การใช้เวทมนตร์รับรู้พื้นที่ผ่านคลื่นความถี่ ก็ไม่มีประโยชน์เท่า แน่นอนว่าใต้ดินก็มีพื้นที่ขรุขระ โขดหิน ตลอดทาง

พอชายคนนั้นถูกลากตามทางก็ไถมาโดนพื้นโดนหินจนเป็นแผลทั่วทั้งร่าง ถลอกปอกเปิกไปจนน่าเกลียดน่ากลัว

เขาพยายามดิ้นหลบหนี กลับพบว่าแขนเล็กๆ ของเด็กคนนี้กลับแข็งแรงยิ่งกว่าอะไรที่เขาเจอมา ความเจ็บปวดที่เหมือนจะตายก็ไม่ตายนี้

มันทำให้เขาหวนนึกถึงคนที่ตายอยู่ในโกดัง ตายยังไม่รู้สึกเจ็บหรือส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ.. พอเดินมาถึงทางแยกเลทิเซียโยนชายคนนั้นไปข้างหน้า

“รังพวกแกไปทางไหน!”

“…ซ้าย…”

มันยกนิ้วชี้ไปด้านซ้ายอย่างสุดความสามารถ เลทิเซียไม่ตอบก่อนจะเดินไปจับนิ้วอีกฝ่ายและหักกลับไปด้านขวา

“กร็อบ”

“อ๊ากกกกกกก”

“ด้านขวาสินะ ก็ซ้ายมันทางตันนี่”

ถึงเลทิเซียไม่รู้ว่าต้องเดินไปอีกกี่โค้ง เลี้ยวทางไหนแต่เธอก็รู้ว่าทางไหนมันทางตันผ่านคลื่นความถี่สูงของเธอ

รู้แล้วจะมาถามทำไม! นั่นคือสิ่งที่ชายคนนั้นคิดในตอนนั้นนิ้วเขาหักไม่เป็นรูปร่าง ความเจ็บปวดที่ทำเอาน้ำตาเล็ดนี้ยังไม่จบ

เลทิเซียดึงผมชายคนนั้นลากไปทางขวาตามทางเดิน ซักพักเจอทางแยกและทางแยกทั้งสองทางไม่ใช่ทางตัน ดังนั้นเลทิเซียถึงถามออกไปอีกรอบ

ชายคนนั้นไม่กล้าโกหกอีกรอบ กลัวนิ้วตัวเองจะหักจนไม่เหลือสักนิ้ว แน่นอนว่าเลทิเซียไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามคำพูดของชายคนนี้

เดินสักพักเลทิเซียก็มองเห็นประตูหินขนาดไม่ใหญ่มากตั้งอยู่ปลายทาง มีตนสองคนยืนเฝ้าประตูอยู่

“นั่นแหละ.. ปล่อยข้าได้แล้ว ที่นั่นแหละคือที่ที่เด็กพวกนั้นถูกส่งมา”

เลทิเซียมองไปก่อนจะปล่อยมือจากอีกฝ่ายลงกับพื้นพร้อมกับทำให้ทางเดินตรงนี้ถูกปิด และฝังร่างชายคนนั้นไปพร้อมกับปิดทาง

แม้จะยังเหลือหัวไว้หายใจ แต่ความอึดอัดขยับไม่ได้ก็ทำให้เขาทรมานไม่ต่างกัน

เลทิเซียก้าวเดินไป ยามสองคนนั้นพอมองเห็นเลทิเซียพวกเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวหัวก็หลุดออกจากบ่าไปซะแล้ว

“สเตฟานี่.. เซเรส..”

เลทิเซียพึมพำแล้วก็รีบวิ่งไปเตะประตูจนปลิวเหมือนกับเตะกระดาษ ด้านในนั้นมีเป็นห้องใต้ดินขนาดใหญ่ ด้านซ้ายและขวามืดมีกรงอยู่

ภายในนั้นมีทั้งคน ทั้งปีศาจ ทั้งกึ่งมนุษย์ เด็ก ผู้ใหญ่.. คนแก่ก็ไม่เว้นทุกคนอยู่ในสภาพปางตายกันหมด และตามทางเดินก็มีผู้เฝ้าคุกอยู่

ปลายทางตรงข้ามเลทิเซียห่างไปราวๆ ห้าสิบกว่าเมตรมีเตาหลอมขนาดใหญ่อยู่ เลทิเซียแค่มองครั้งเดียวก็รู้ว่ามันคือเตาปฏิกรณ์เวทมนตร์ขนาดใหญ่

และการมาถึงของเลทิเซียไม่ได้เงียบอะไรพอประตูถูกเตะทุกคนก็หันเหมาสนใจ.. ตามมาด้วยเสียง

“มีหนูลอบเข้ามา ฆ่าเลยอย่าให้รอดออกไปได้!”

“ฆ่ามัน!”

ทุกคนในนี้มีอาวุธติดไม้ติดมือเคลื่อนไหวเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่เลทิเซียไม่มีอารมณ์มาสนใจเพราะเธอกำลังรีบร้อน

“อย่ามาขวางฉัน!!”

เธอตะโกนออกมา อารมณ์ต่างๆ ระเบิดออกมา เลทิเซียวิ่งไปพร้อมกับจังหวะเดียวกันเวทมนตร์ลึกลับถูกร่ายออกมา

อากาศบิดเบี้ยวราวกับเหมือนเป็นมือโปร่งใสก่อนที่จะบดขยี้ผู้คุมทุกคนจนตัวแตกกลางอากาศ ไม่ต่างอะไรจากมดปลวก

เลทิเซียรีบวิ่งไปถึงใต้เตาปฏิกรณ์และใต้เตาปฏิกรณ์ที่เหมือนกำลังเร่งการทำงานนั้นมีเด็กผู้หญิงสองคนนอนอยู่

เลทิเซียไม่ใช่จอมเวทมือใหม่อะไร เธอมองแวบเดียวก็รู้ว่านอกจากพลังเวทที่ทั้งสองถูกดูดออกไปยังมีเวทมนตร์ต่างๆ ที่เคยเรียนรู้มาด้วย

ว่าง่ายๆ คือสูตรเวทมนตร์นั่นแหละ

“สเตฟานี่! เซเรส!!”

เลทิเซียพุ่งไปหาอย่างรวดเร็ว พอไปถึงก็รีบแตะหน้าทั้งสอคนด้วยความสับสน ร่างกายเริ่มซูบลงและร้อนขึ้นนอกจากนี้สูตรเวทก็ถูกช่วงชิง

“ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง… ไม่งั้นทั้งสองคนเป็นซากศพมีชีวิตแน่”

เลทิเซียกัดฟัน ทั้งคู่ยังสลบไม่ได้สติ เหงื่อทั้งคู่ไหลท่วมตัว เลทิเซียเองก็ยิ่งกังวลขึ้นมากกว่าเดิม

“แต่จะทำยังไงล่ะ… ถ้าทำลายเจ้าเครื่องนี่…”

“ไม่สิถ้าทำแบบนั้นพลังงานทั้งหมดอาจจะกระจัดกระจายหายไปจนหมด…”

“แต่ ฉันยังไม่รู้เลยว่าเครื่องนี้มีไว้ทำอะไร หากมันระเบิดขึ้นมาละก็….”

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงปรบมือก็ดังมาจากด้านหลังเธอพร้อมกับเสียงพูดที่เต็มไปด้วยประสบการณ์

“ยอดเยี่ยมจริงๆ ให้ข้าเดา.. เจ้าคงเป็นพวก ‘ผู้ย้ายร่าง’ สินะ ถึงได้มีความแข็งแกร่งผิดปกติและเด็ดขาดถึงขนาดนี้”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน