การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 190

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 190 – แกเป็นใคร?

“โอ้ ดูเหมือนว่าทั้งสองจะเริ่มเอาจริงกันแล้วนะคะ”

ลิซเบลรายงานแบบนั้น ยังไม่เสร็จร่างของไคลน์ก็หายไปจากสายตาพุ่งเข้าโจมตีใส่เลทิเซีย แต่แน่นอนว่าหากอีกฝ่ายโจมตีต้องโดนแน่นอน

หมายความว่าแค่เลทิเซียทำให้อีกฝ่ายโจมตีไม่ได้ก็พอ เมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนที่มาเลทิเซียก็กัดฟันพุ่งเข้าใส่

แขนอีกฝ่ายยกขึ้นพร้อมกับกำลังจะฟัน แต่ทว่าเลทิเซียวิ่งพรรวดมาหยุดอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย พร้อมกับยกเท้าขวาขึ้น

ยันศอกอีกฝ่ายไว้ด้วยความสูงที่ต่างกันเลทิเซียมีแต่ต้องใช้เท้ายันไว้เท่านั้น อีกฝ่ายตกตะลึงกับการกระทำของเลทิเซีย

“อะไรกัน ท่านเลทิเซียใช้เท้าหยุดการโจมตีไว้แล้วค่ะ”

ไคลน์พ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับกำลังจะเตะขาเลทิเซียนั้นเอง

“วิชาดาวไร้ลักษณ์ ศาสตร์ไร้อาวุธ”

เลทิเซียใช้การเคลื่อนไหวอีกฝ่ายให้เป้นประโยชน์ แขนศอกอีกฝ่ายหลุดออกจากเท้าเลทิเซียไหลฟันลงมาต่อ

แต่ทว่าก่อนที่ทันจะได้ “โจมตี” ออกไปเลทิเซียก็ใช้ข้อพับขาเข่าหนีบแขนอีกฝ่าย พร้อมกับเหวี่ยงขาอีกข้างโดยใช้ขาขวาที่รัดแขนเป็นจุดศูนย์ถ่วง

เมื่อเป็นเช่นนั้นแขนที่จับดาบของอีกฝ่ายก็ถูกลากดึงให้ตัวเขาต่ำลงมา และใช้โอกาสนี้ใช้ขาซ้ายเตะก้านคอใส่คออีกฝ่าย

“อึก”

คออีกฝ่ายถึกกับส่งเสียงน่ากลัวออกมา แต่เพราะโดนขาขวาหนีบแขนกดลงกับพื้นทำให้ไม่สามารถขยับได้

การโจมตีไม่ได้หยุดลงสายตาของทั้งสองประสานกันก่อนที่นิ้วสองข้างเลทิเซียจะจิ้มเข้าที่ตาอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

“อ้ากกก ขี้โกง”

ไคลน์รู้สึกแสบตาจนเหมือนตาแทบจะบอด แสดงให้เห็นว่าเลทิเซียนั้นจิ้มตาอีกฝ่ายแรงขนาดไหน

เลทิเซียไม่สนคำพูดอีกฝ่าย ตีลังกากลับมาใช้มือสองข้างตบเขาหูอีกฝ่ายสองข้างจนเกิดเสียงวิ้งๆ ในหัวกันเลยทีเดียว

ก่อนจะใช้แรงแขนเหวี่ยงอีกฝ่ายกระเด็นออกไปใส่พื้นดินจนดัง “ตู้ม”

“…..”

เงียบกริบกันทั้งสนาม เลทิเซียเช็ดเหงื่อด้วยความรู้สึกว่า แผนไปด้วยสวย เอาจริงๆ ในที่แห่งนี้ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนสู้โดยใช้วิธีแบบนี้หรอก

ทั้งจิ้มตาและตบหู แน่นอนว่าไม่มีกฎห้ามเช่นกัน หากถามว่าทำไม มันก็เหมือนกับการคุณปิดบ้านเพื่อกันโจรเข้าบ้าน แต่มันก็มีมดมีแมลงเข้าไปได้อยู่ดี

ใช่ เขาตั้งกฎไว้แค่เพื่อควบคุมปัญหาใหญ่ๆ เช่นห้ามใช้อาวุธ ห้ามฆ่ากันอะไรแบบนั้น ไม่มีคนคิดหรอกว่า ในสนามที่สามารถยิงเวทมนตร์บึ้มๆ

หรือแบบปล่อยพลังฟันโดนแน่นอนเหมือนกับสูตรโกงนี้ จะมีคนที่ไหนมาจิ้มตาตบหู และเลทิเซียเองก็คิดว่านี่เป็นแค่วิธีการเอาชนะศัตรูโดยไม่เสียพลังโดยใช่เหตุ

ในสนามคนต่างพากันเงียบอยู่นั้นเอง ไคลน์ก็ฝืนสังขารลุกขึ้นมา เขาหันมามองเลทิเซียด้วยดวงตาที่แดงก่ำจนน่ากลัว

ทำให้เลทิเซียถึงกับผงะ ว่าอีกฝ่ายแค่โดนจิ้มตาเบาๆ เองทำไมถึงตาแดงขนาดนั้น หรือเพราะว่าโกรธเธออยู่

ในขณะที่เลทิเซียกำลังสับสนอีกฝ่ายก็ร้องออกมา

“อ้ากกก เจ้าทำเกินไปแล้ว!!!! เจ้ามันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”

“เดี๋ยวก่อน นี่นายเห็นฉันเป็นผู้ชายหรือไง?”

“เอ่อ ก็ไม่ แต่.. เจ้าก็ไม่ใช่นักรบก็ได้”

“…”

เลทิเซียไม่อยากคุย เธอเป็นนักเรียนนี่น่า ไม่ใช่นักรบสักหน่อย ในขณะที่คิดแบบนั้นอีกฝ่ายก็พูดขึ้น

“วิชาหินผาโอเกอร์ กระบวนท่าที่หนึ่ง อิไอ”

สิ้นเสียงของเขาดาบก็ตัดออกทันที พื้นที่ตรงหน้าราวกับถูกแยกออก ราวกับว่ามันสามารถแยกได้แม้แต่มิติ

เลทิเซียเบิกตากว้าง แต่ทว่าเธอไม่ได้ถอยหนี หากหลบไม่ได้ก็เหลือแต่แค่วิธีนั้นเท่านั้น เลทิเซียพุ่งไปหาอีกฝ่าย

พริบตาเดียวก็ปรากฏตัวต่อหน้าอีกฝ่ายแล้วในขณะนั้นเองอีกฝ่ายก็ตอบสนองและฟันใส่เลทิเซียอีกรอบ แต่เลทิเซียตบฝ่ามือออกไป

ใช่ ไม่ใช่ต่อย หรืออะไรทั้งสิ้น แต่เป็นตบออกไปพร้อมกับมือขวาที่ถูกปัดออกไปก็ปะทะเข้ากับใบดาบของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

ส่งเสียงที่ไม่คาดว่าจะได้ยินจากการปะทะของมือมนุษย์กับโลหะ “เคร้ง” การโจมตีทั้งหมดถูกเลทิเซียหลบได้ไปพร้อมกัน

“อะ..อะไรกันคะเนี่ย!!! ดูเหมือนว่าเธอจะสามารถหลบการโจมตีได้แล้วล่ะค่ะ มันหมายความว่าไงกันเนี่ย”

คนที่อยู่ข้างๆ ที่เป็นเหมือนกับผู้มากประสบการณ์จากแดนไกลเองก็ตอบ

“แบบนี้นี่เอง เพราะความสามารถโซลคือ ‘โดนแน่นอน’ ไม่ใช่ ‘ฟันแน่นอน’ ดังนั้นเด็กคนนั้นถึงได้ตบไปที่ดาบเมื่อกี้ให้ตัวเองรอดพ้นจากการฟัน”

“เอ๊ะ หมายความว่าไงกันคะ”

“สมมุติว่า ‘โดนแน่นอน’ เป็นคำสั่งของโลกไม่มีใครฝืนกฎของโลกได้ เด็กคนนั้นเองก็ไม่ได้เลือกที่จะฝืนกฎแต่กลับใช้ประโยชน์จากมัน ใช่ เธอแตะไปที่ดาบ มันเลยเหมือนกับว่าคำสั่ง ‘โดนแน่นอน’ ของโลก ‘ได้เกิดขึ้นไปแล้ว’ นั่นเอง”

“สุดยอดไปเลย ดูเหมือนเธอจะมองจุดอ่อนนั้นออกตั้งแต่การโจมตีครั้งแรกเลยสินะคะเนี่ย ได้ยินไหมคะ ท่านผู้ชมดูเหมือนว่าม้ามืดของเรานอกจากจะแข็งแกร่งยังฉลาดอีกด้วย”

“เอาจริงๆ คนที่เป็นอัจฉริยะเวทมนตร์ได้ก็ต้องฉลาดอยู่แล้วล่ะ”

ชายมากประสบการณ์พูดแบบนั้น ทำเอาลิซเบลพูดไม่ออก เพราะที่เขาพูดมามันเป็นเรื่องจริง เธอได้แต่หัวเราะแห้งๆ

แต่ภายในสนามดูเหมือนไคลน์จะทนไม่ไหวต่อความไร้ยางอายของเลทิเซีย เขาชี้มือขวาและมือข้างที่สามไปที่เลทิเซีย

“หากข้าแพ้เจ้า ข้าคงไม่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นนักรบได้ออีก คนไร้ยางอายแบบเจ้าข้าจะชนะให้ดูเอง!!”

เลทิเซียได้แต่คิดว่าหมอนี่มันพูดอะไรของมัน แต่ในตอนนั้นเองไคลน์ก็สะบัดแขนหนึ่งรอบ

“อาณาโซลคมไร้ขอบ”

พริบตานั้นเอง แขนข้างที่สามที่ตอนแรกมีแค่ดาบเล่มเดียว ก็พลันมีแขนที่สี่โผล่ขึ้นมากลางอากาศพร้อมกับดาบจูชินเล่มหนึ่ง

ไม่ใช่แค่นั้น แขนข้างที่ห้า ที่หก ที่เจ็ด ก็พลันโผล่พรวดมา ชั่วพริบตานั้นแขนนับสิบก็ลอยเต็มสนาม

และมันลอยล้อมรอบร่างเลทิเซียจนไม่มีพื้นที่ให้ขยับเลยก็ว่าได้ หากขยับดาบก็คงถูกฟันไปในทันทีเป็นแน่

“นี่คือ เขตแดนโซลของข้า เจ้าเคยพูดไว้สินะว่าความสามารถโซลของข้ามีจุดอ่อน ใช่ มันมีและเจ้าก็ได้แสดงให้เห็นไปแล้ว”

“และข้าคงแพ้เจ้าไปแล้วหากข้าไม่ไปถึงระดับเขตแดน! ใช่ เขตแดนนี้จะลบข้อเสียนั้นออก เพราะทุกครั้งที่ฟันโดนไม่ว่าจะโดนในรูปแบบไหน”

“แต่ตราบที่ความสามารถ ‘โดนแน่นอน’ ถูกใช้ออกไป ดาบที่มีจะเพิ่มขึ้นอย่างไร้จุดจบ”

“ตอนแรกข้าไม่คิดจะใช้วิชานี้เพราะมันกินพลังมากเกินไป แต่ดูเหมือนเพราะเป็นองค์หญิงอะไรนั่นเลยทำให้ครอบครัวไม่สั่งสอนล่ะสิ ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้เอง”

ด้วยความโกรธไคลน์เหมือนจะพูดอะไรออกมาไม่คิดอยู่บ้าง ถึงจะมีกฎความเท่าเทียม แต่หากพูดถึงขนาดนี้กับเชื้อพระวงศ์อย่างเลทิเซีย

บางทีหากไม่มีพาลาดินคุมกะลาหัวอยู่เขาคงถูกตัดหัวลงตรงนั้น อย่างไรซะเลทิเซียก็คือองค์หญิงตัวจริงเสียงจริง

คำพูดของเขาทำเอาคนที่ชมอยู่อึ้งค้าง อันที่จริงหากเลวี่อยู่นี่ด้วยเธอคงเป็นคนแรกที่จะกระทืบหมอนี่ กล้ามาว่าพี่สาวสุดที่รักของเธอ

แต่ทว่าสำหรับเลทิเซียนั้น สายตาของเธอจ้องตรงไปที่อีกฝ่าย พร้อมกับเอียงคอด้วยความสงสัยพร้อมกับถามขึ้น

“แกเป็นใคร?”

“ข้าชื่อไคลน์ จำไว้ซะคนที่จะสอนเจ้าให้รู้ซึ้งถึงการเป็นนักรบ”

“แกเป็นใคร”

“ข้าก็บอกว่า—”

“แกเป็นใคร…”

ไคลน์ที่กำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น สายตาเขาก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเลทิเซีย ในตอนนั้นเองสัญชาตญาณหวาดกลัวก็ผุดขึ้นมา

ไม่รู้ว่าเป็นความกลัวจากอะไรแต่ดาบนับสิบเล่มก็พุ่งโจมตีใส่เลทิเซียแทบพร้อมกัน เลทิเซียถามซ้ำ

“แกเป็นใคร..…”

ทันทีที่คำพูดนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง ดาบนับสิบเล่มก็สลายหายไปตรงนั้น จะเป็นความสามารถโจมตีแน่นอนอะไรล้วนกลายเป็นเรื่องไร้สาระ

ราวกับว่าเป็นเศษขยะเมื่ออยู่ต่อหน้าวาจาของเลทิเซีย

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท