บทที่ 199 – ห้องแห่งหนึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้นสเตฟานี่ก็เอาของขวัญที่ไม่ได้ให้เมื่อวานให้เลโอน่า เป็นของที่เธอได้รับมาจากทางโรงเรียนน่ะนะ
“ว่าแต่ลูกจะอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไหร่ล่ะ”
“ข้าคิดว่าจะอยู่อีกสักสองสามวันน่ะ เดี๋ยววันนี้ท่านแม่คอยดูแลท่านพ่อนะ ข้าจะไปทำงานแทนท่านแม่เอง”
“เอ๊ะ แต่ว่า…”
พอสเตฟานี่พูดออกมาแบบนั้น เลโอน่าก็ลังเล จะโยนงานตัวเองให้ลูกทำแทนแบบนั้นมันก็ดูไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย
เลโอน่าที่กำลังจะปฏิเสธสเตฟานี่และแนะนำให้เธอไปเที่ยวเล่นในหมู่บ้าน แต่ว่าสเตฟานี่ก็รีบพูดขึ้นมาก่อนว่า
“ยังไงก็ให้ข้าได้ช่วยเถอะ..”
พอเห็นท่าทางของลูกสาวของตัวเอง เลโอน่าก็พอเดาได้แล้วว่าสเตฟานี่อยากจะแบกรับภาระของครอบครัวด้วย
ซึ่งเธอไม่ต้องการแบบนั้น เธอไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองต้องมาเสียอนาคตจมปลักอยู่กับตระกูลที่ไม่เหลืออะไรนี่
แต่เหมือนสเตฟานี่จะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ทำให้เลโอน่าได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง เธอดูแก่ลงไปอีกหลายส่วน
ไม่มีพ่อแม่คนไหนทที่เห็นลูกตัวเองต้องลำบากตรากตรำจนอาจจะเสียอนาคต มีความสุขหรอก เธอพยักหน้าเบาๆ
“ก็ได้ แต่ว่าลูกไม่ต้องทำงานเต็มเวลานะ ถ้าเหนื่อยก็ให้รีบกลับมาทันทีเลย นี่ฟังอยู่หรือเปล่า”
“ข้าไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกแล้วนะ”
สเตฟานี่พูดแบบนั้นออกไป เพราะเลโอน่าทำตัวเหมือนกับเธอเป็นเด็กพูดไม่รู้จักฟัง เลโอน่ายังคงทำหน้าขึงขัง
“เข้าใจที่แม่พูดใช่ไหม”
“ข้าเข้าใจแล้วน่า กลับมาก่อนค่ำก็พอเข้าใจไหม”
ว่าแล้วสเตฟานี่ก็ไม่ฟังคำตอบของผู้เป็นแม่เธอรีบวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว เลโอน่าได้แต่ยิ้มเจื่อน
“เฮ้อ เด็กคนนี้เนี่ยน้า เหมือนปู่ของเธอไม่มีผิดเลย ไอ้การตัดสินใจแล้วจะรีบลงมือทำทันทีโดยไม่มีคนห้ามได้น่ะ”
เลโอน่าพูดแบบนั้น แน่นอนว่าสเตฟานี่ไม่ได้ยิน และเลทิเซียเองก็ไม่ได้ยินเช่นกัน พอสเตฟานี่วิ่งออกมาบ้านมา
เธอหันไปมองดด้านหลังพลางหัวเราะพอใจ
“ว่าไปนั่น ตอนข้าไปโรงเรียน ข้าก็แอบไปช่วยรุ่นพี่ทำงานจิปาถะ ก็ได้เงินมาไม่น้อยเลย ถึงจะเทียบกับเงินค่าขนมเลทิเซียไม่ได้สักเหรียญก็เถอะนะ”
เธอพูดแบบนั้นออกมา พลางหยิบถุงเงินถุงหนึ่งออกมา ภายในถุงมีเหรียญเงินหลายสิบเหรียญ แค่นี้ก็ถือว่าเยอะสำหรับชาวบ้านทั่วไปแล้ว
แต่เอาเข้าจริงโรงเรียนที่สเตฟานี่อยู่คือโรงเรียนที่มีหนึ่งในห้าแห่งทั่วทวีปเลยนะ เงินแค่นี้ที่ได้จากการช่วยงานครูหรือรุ่นพี่มันไม่ได้มากขนาดนั้น
จริงๆ มันมีอีกถุงที่มีเงินราวๆ ห้าร้อยเหรียญเงินถูกยัดไว้ใต้หมอนในห้องนอนของเลโอน่า ซึ่งสเตฟานี่ได้คิดจะเก็บไว้เซอร์ไพรสแม่เธอตอนเธอกลับไปที่โรงเรียน
เพราะเธอรู้ว่าหากให้เงินไปตรงๆ ท่านแม่คงไม่เอาแน่ๆ พอเลทิเซียได้ยินสิ่งที่สเตฟานี่คิดเธอก็ได้แต่สับสนว่า แล้วทำไมเงินที่เธอให้สเตฟานี่ถึงไม่คิดใช้ล่ะ
“ส่วนเงินนี้ เย็นนี้ข้าจะซื้ออาหารจนทำให้ท่านแม่ตกใจเลยล่ะคอยดูสิ ฮิๆ”
เธอหัวเราะแบบนั้นก็เข้าไปในเมือง เธอไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน เพราะในหมู่บ้านไม่มีเค้กขายหรอก ที่เธอต้องการน่ะคือเค้กต่างหาก
ในหมู่บ้านนี้ไม่มีเค้กขายหรอก แต่เมืองใหญ่น่ะค่อนข้างไกลจากที่นี่หลายกิโลเลยล่ะ ดังนั้นเธอเลยคำนวณไว้ว่า
บางทีกว่าเธอจะกลับมาก็ถึงเย็น ดังนั้นเธอเลยแกล้งบอกว่าจะไปทำงานแทน ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้ทำ
พอเธอนึกถึงภาพที่ท่านแม่ดีใจที่เธอมีของขวัญให้สเตฟานี่ก็ยิ่งตื่นเต้น ความรู้สึกเหล่านี้มันไหลเข้าสู่หัวใจเลทิเซียเช่นกัน
เลทิเซียเองถึงได้สัมผัสว่า…
“มันเหมือนกับความรู้สึกที่ฉันอยากจะเซอร์ไพรสบางอย่างให้พี่ไม่ก็น้องสาวฉันเลย…”
เลทิเซียไม่เคยสัมผัสกับความรักของครอบครัว ไม่สิ เธอเคยตลอดช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เธอเติบโตมาด้วยความรักของพ่อแม่
แม้มันจะไม่ใช่พ่อแม่จริงๆ แต่เธอในตอนนี้ได้สัมผัสถึงสายตาอันอ่อนโยน เสียงอันใจดี ความรู้สึกที่บอกได้ว่า ‘นี่แหละคือบ้าน’ ก็ไหลเข้ามาในหัว
เลทิเซียนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่เธอจะหวนนึกถึงสีหน้าท่าทางของเลเวียกับลูเซียโน่ พร้อมทั้งมีคำพูดพวกเขาไหลเข้ามาในหัว
“เลเวีย ดูนี่สินี่คือเลทิเซียตัวน้อยแหละ”
“ข้าเห็นแล้วน่า มาให้ข้าอุ้มด้วยสิ”
ภาพตอนเลทิเซียนั้นยังแบเบาะเป็นทารก ภาพก็ตัดไปอีกที
“เดี๋ยวเถอะ เลทิเซีย ถึงเราจะเป็นองค์หญิง แต่เราก็ไม่ควรเลือกกินของนะ โถ่ มานี่แม่จะป้อนเอง”
เลทิเซียใช้มือตัวเองปัดช้อนนั้นทิ้งด้วยสัญชาตญาณ เธอกลัวว่านั่นจะมีพิษอยู่หรือเปล่า คิ้วของเลเวียย่นลง
“ให้ตายสิ ลูกคนนี้นี่นะ”
เลทิเซียที่เคยมองว่านั่นคือการที่เธอรำคาญใจ แต่พอมานึกดูตอนนี้นั่นอาจจะเป็นแค่รู้สึกเป็นห่วงเธอ
“เดี๋ยวสิ เลทิเซียนี่มันสายมากแล้วนะ รีบไปทานอาหารได้แล้ว มัวแต่มาหมกตัวอยู่ในห้องสมุดอีกแล้วเนี่ย”
เลทิเซียโดนลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งหนีเลเวีย เพราะกลัวจะโดนตีเป็นบทลงโทษ แต่พอมองย้อนกลับไป
เธอก็เห็นเลเวียกำลังยิ้ม เธอไม่ได้เรียกคนรับใช้มา แต่เธอเดินเข้าไปในห้องสมุดและเก็บหนังสือที่เลทิเซียหยิบออกมาอ่านอย่างเร่งรีบ
“…..ฉัน….”
เธอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หากเธอมองว่าเลเวียเหมือนพี่สาว ไม่สิ.. ไม่ใช่พี่สาว แต่เป็นพ่อแม่ที่มีความรักต่อลูกสาว
“แต่ว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวจริงๆ ของพวกเธอสักหน่อย.. สุดท้ายแล้วทุกอย่างมันก็ของปลอมนั่นแหละ…”
เลทิเซียยังคงไม่เชื่อ ใช่ เธอเชื่อไม่ได้หรอก หากเธอเชื่อว่าพวกเขารักเธอจริงๆ แบบนั้นมันก็ไม่ใช่ว่าเธอเห็นแก่ตัวอยู่คนเดียวเหรอ
แต่ไม่ว่าจะปฏิเสธยังไง เธอก็รู้ดีกว่าใครทั้งสิ้นว่า…
“แต่ว่านะเลเวีย เธอจะรับเด็กคนนี้มาเลี้ยงจริงๆ เหรอ แม่ของเธอยิ่งไม่ชอบมนุษย์อยู่ด้วยนี่น่า… เพราะเธอไม่ใช่ลูกพวกเราจริงๆ … แม่เธอก็ต้อง…”
เลเวียส่ายหน้าเบาๆ แล้วก็จ้องหน้าเลทิเซียที่หลับอยู่ตรงหน้า
“ถึงแบบนั้น เธอก็จะเป็นลูกของเรา.. ไม่สิ.. เพราะเธอเป็นลูกของเราต่างหาก… ข้าไม่ยอมให้ใครมาบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกของเราหรอก”
“นั่นสินะ….”
เลทิเซียไม่ได้หลับหรอก เธอฟังทุกอย่าง แต่ตัวเธอในตอนนั้นกลับเลือกที่จะลืมและมองข้ามมันไป… น้ำตาใสสะอาดไหลออกมาจากตาเธอเงียบๆ
และเสียงของสเตฟานี่ก็ทำเลทิเซียกลับมามีสติอีกครั้ง
“อ๊ะ ทำไมจู่ๆ น้ำตาข้าก็ไหลออกมาล่ะเนี่ย?”
เธอสีตาด้วยความรู้สึกแสบตา เลทิเซียเข้าใจว่าเพราะฝุ่นเข้าตาสเตฟานี่นั่นแหละ.. สเตฟานี่ใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งวันไปถึงเมือง
และใช้เวลาในการซื้อองอยู่ในเมือง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ประจำวัน หรือถุงมือที่ไว้ใช้ในการทำงานในฟาร์มปศุสัตว์ และชุดเซตเข็มที่ไว้เย็บผ้า
“อืม.. ครบแล้วมั้ง”
เงินหลายสิบเหรียญนั้นสามารถทำอะไรได้หลายอย่างกว่าที่เลทิเซียคิดไว้ซะอีก ตะวันเองก็เริ่มตกดินจนอาบท้องฟ้าเป็นสีเหลืองไปแล้วด้วย
“ถึงเวลากลับแล้วสิ”
พอนึกถึงใบหน้าแม่ตัวเองที่ตกใจจาการเซอร์ไพรส ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา สเตฟานี่รีบเดินทางกลับบ้านโดยไม่รีรอ
“จะว่าไปแล้ว ข้าอยากให้เซเรสกับเลทิเซียเห็นฝีมือทำเสื้อผ้าของท่านแม่จัง ดีล่ะ เอาชุดกลับไปฝากทั้งสองคนนั้นด้วยดีกว่า”
เธอคิดแบบนั้นก็รีบกลับบ้าน ขากลับด้วยความรีบของเธอ เธอใช้เวลาไม่นานเท่าตอนเดินทางไป แต่พอกลับมาถึงฟ้าก็มืดไปแล้ว
พอเธอมาถึงบ้าน ประตูหน้าบ้านเปิดทิ้งไว้สเตฟานี่ก็เอียงคอด้วยความสงสัย
“ท่านแม่เนี่ย ลืมปิดประตูบ้าน ถ้ามีโจรขโม—”
ก่อนที่เธอจะได้พูดเสร็จจู่ๆ ก็มีเสียงคนดังขึ้นมาจากในบ้าน เสียงคนแรกดูคุ้นหูอยู่แต่คนที่สองไม่คุ้นหูเลย
“ท่านพ่อๆๆ ข้าทำได้ดีแล้วหรือเปล่า”
“หุบปากแล้วรีบจัดการให้เสร็จและกลับได้แล้ว”
สเตฟานี่คิดว่ามีแขกมาที่นี่เหรอ ในขณะที่คิดแบบนั้นจู่ๆ จมูกเธอก็ได้กลิ่นเหม็นคาวมาจากห้องของรุยอัส กลิ่นแบบนี้…
กลิ่นแบบนี้.. กลิ่นแบบนี้….
สเตฟานี่หัวใจเต้นระรัว
“ท่านพ่อ!!!”
สเตฟานี่ตะโกนขึ้นเสียงดังรีบเปิดประตูห้องรุยอัส และภาพตรงหน้าก็ทำเธอแทบอาเจียนออกมา ทุกอย่างในสายตาของเธอมีเพียงสีแดง
แขน..ขา..ของรุยอัสถูกหั่นแยกเป็นส่วนๆ แต่แขนที่กระจายอยู่ทั่วห้องรุยอัสไม่ได้มีแค่แขนเขา แต่มีแขนกับขาผู้หญิงอีกคู่
“สเตฟานี่ รีบหนีไ—”
ภายในกองเลือดยังมีคนคนหนึ่งที่นอนอยู่ตรงนั้น แขนขาด ขาขาดใบหน้าของผู้เป็นแม่ที่เจ็บปวดเจียนตายมีทั้งนำหูน้ำตาไหลออกมา
“ท่านแม่—”
ทว่าในวินาทีนั้นคอของเลโอน่าก็หลุดลงไปกับพื้น
เจ้าของผู้ลงดาบเพชฌฆาตที่ได้ยินคำพูดของเลโอน่าก็ชะงัก พร้อมกับหันมาทางสเตฟานี่ และเธอเองก็หันไปทางนั้นพอดี..
“สเตฟานี่?”
“…..ทำไม… ทำไมล่ะ…. เซเรส…?”