บทที่ 214 – ภาพอันวิปลาส
เลทิเซียมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่สับสน ราวกับร่างกายของเธอแข็งทื่อ.. ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป
และช่างเหมาะเจาะจนน่าตลก.. เพราะภาพตรงหน้าเธอในตอนนี้เป็นภาพของคนสำคัญของเลทิเซียสองคนฆ่ากันอยู่ แถมคนหนึ่งกำลังตายต่อหน้าต่อตาของเธอ
ใช่แล้ว ข้อเสียอย่างใหญ่หลวงของดาบแห่งสัจจะที่อยู่ในมือของสเตฟานี่ก็คือ.. อารมณ์ที่ไม่มั่นคง ไร้ซึ่งความเผด็จการ
จริงอยู่ที่ภายในใจของสเตฟานี่ตลอดมาล้วนมีความลังเล แต่สิ่งหนึ่งที่เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่คือการฆ่าเซเรสเพื่อล้างแค้นให้พ่อกับแม่ตัวเอง
จะเรียกมันว่าความเผด็จการของผู้มีอำนาจก็ว่าได้ และการที่เธอสามารถเรียกใช้ดาบแห่งสัจจะได้นั้นเป็นเพราะว่า..
เธอมีความเผด็จการมากพอจึงกระตุ้นใช้งานดาบแห่งสัจจะได้.. ใช่แล้ว.. เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วเธอได้รับผลกระทบจากความรู้สึกของเลทิเซียนั้น
มันทำให้เธอตั้งคำถามกับตัวเองขึ้นมาว่า ทำไมเธอต้องฆ่าเซเรสด้วย มันจำเป็นขนาดนั้นเหรอในการล้างแค้นให้คนสำคัญด้วยการฆ่าคนสำคัญ
มันไม่มีคำตอบ แต่ก็เป็นความคิดเพียงชั่ววูบและมันหายไปแทบจะทันที แต่มันก็ยังสายเกินแก้ซะแล้ว
เพราะมันเป็นเวลาเดียวกับที่คมดาบของเซเรสพุ่งเข้ามาถึงตัวของสเตฟานี่.. และหัวของเธอก็หลุดออกจากบ่า
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นอย่างมีนัย ราวกับมีใครสักคนบรรจงสร้างเหตุการณ์นี้ขึ้นมา
ไม่ได้หมายถึงว่ามันคือแผนการของใครสักคน แต่หมายถึงว่า หากโลกนี้มีตัวตนที่เรียกว่า “ผู้สร้าง” อยู่จริงๆ
นี่คงเป็นสิ่งที่เขากำหนดบทบาทขึ้นมาเป็นแน่แท้
เลทิเซียที่เห็นภาพตรงหน้า ความรู้สึกมากมายของเธออัดแน่นเต็มอก ดวงตาเบิกกว้างจ้องไปที่เซเรสและหัวของสเตฟานี่
“นี่มัน..เกิดอะไร..ขึ้น…”
เสียงของเธอสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด เซเรสราวกับได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยินที่สุด เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองเลทิเซีย
ดาบที่ถืออยู่ในมือยังคงสั่นไม่หยุด บนคมดาบมีเลือดของสเตฟานี่ไหลผ่านคมดาบหยดลงบนพื้นดิน
ราวกับทุกอย่างเงียบสงบลงไร้ซึ่งเสียง
“เลทิเซีย… ข้า…”
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาเริ่มพร่ามือเต็มไปด้วยน้ำตา.. ก่อนที่จะไหลออกมาจากดวงตาเล็กๆ
ร่างกายเล็กๆ บอบบางของเธอสับสน หวาดกลัว.. เสียใจ.. และดาบในมือของเธอก็หลุดออกจากมือร่วงลงพื้น “เคร้ง”
ตามมาด้วยเสียงร่ำไห้แห่งความสิ้นหวังจากก้นลึกของหัวใจ.. แต่ในตอนนั้นเองเลทิเซียก็เบิกตากว้าง
“ฮ่าๆ เสร็จข้าล่ะ ร่างกายนี่ต้องเป็นของข้า ฮ่าๆ”
เลมิสทาเรียหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ จิตใจของเลทิเซียที่ถูกเปิดออกจากการสูญเสียคนสำคัญ
ราวกับว่าความรู้สึกต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่ผูกมัดดวงวิญญาณเข้ากับร่างกายไว้ พอเธอเจ็บปวดทรมานมันก็จะทำให้ปราการของความรู้สึกต่างๆ ที่เชื่อมร่างกายเข้ากับวิญญาณพังทลายลง
และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเลมิสทาเรียตั้งใจหรือไม่รู้มาก่อน.. เพราะในชั่วพริบตาต่อมา.. ความทรงจำมากมายของสเตฟานี่ก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอ
แน่นอนว่ามันเป็นเพราะสร้อยผลึกชีวิตแน่นอนอยู่แล้ว.. ดวงวิญญาณของพวกเธอได้เชื่อมต่อกัน..
แม้สเตฟานี่จะตายไปแล้ว.. แต่ทว่าดวงวิญญาณของเธอได้ถูกดึงมาอยู่ในร่างของเลทิเซีย!!
ภายในหัวของเลทิเซียในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความโกลาหล ราวกับมีคนสามคนกำลังกรีดร้องอยู่ในหัวของเธอ
สิ่งที่สเตฟานี่ได้พบ สิ่งที่สเตฟานี่ได้เจอ สิ่งที่สเตฟานี่ได้รู้จักมันเชื่อมต่อเข้ากับดวงวิญญาณของเลทิเซียโดยตรงราวกับเธอได้สัมผัสมันโดยตรง
ความเจ็บปวด ความเสียใจ ความโกรธแค้น ความเกลียดชังทั้งหมดของสเตฟานี่ระเบิดพรั่งออกมาภายในหัวของเลทิเซีย
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก”
เลทิเซียใช้มือสองข้างกุมหัวเดินโซเซ ความเจ็บปวดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากภายนอก.. แต่เป็นภายในดวงวิญญาณ!
มันเป็นความเจ็บปวดที่จะสลักลงไปยังดวงวิญญาณไม่มีทางหายไป
“ฮ่าๆ ร่างกายของข้า.. ร่างกายของข้า”
เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความโลภมากของเลมิสทาเรีย
“ฆ่า.. ข้าต้องล้างแค้น.. ต้องล้างแค้น”
เสียงแห่งความเกลียดชังที่ดิ้นรนเอาตัวรอดตามสัญชาตญาณ หวังจะควบคุมร่างกายเลทิเซียเพื่อที่จะไปฆ่าเซเรสของสเตฟานี่
“ไม่..”
คำพูดสั้นจากปากของเลทิเซีย ภายในหัวของเธอแทบกลายเป็นสงครามทางความคิด
เซเรสที่สังเกตเห็นท่าทางที่เหมือนทรมานสุดแสนของเลทิเซียเธอก็ไม่เข้าใจและสับสนขึ้นมาบ้าง
“เล..ทิเซีย…”
เลทิเซียเดินโซเซเข้ามาใกล้เซเรสในขณะที่เซเรสกำลังสับสนในสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ปากของเลทิเซียก็มีเสียงความโกรธแค้นที่ดังออกมาจากปากเธอ
“เซเรส เจ้ามันสมควรตาย.. ตาย…”
คำพูดนั้นสำหรับเซเรสมันไม่ได้ออกมาจากปากของสเตฟานี่.. แต่เป็นจากปากของเลทิเซีย ร่างกายเธอสั่นสะท้านเพราะคำพูดนั้น
“ไม่..”
แม้เลทิเซียจะพยายามที่จะพูดแต่ว่าเพียงแค่คนสองคนมาตบตีในหัวของเธอ เธอก็แทบจะแบกรับไม่ไหวแล้ว อย่าว่าแต่พูดเลย ขนาดรวบรวมความคิดให้เป็นหลักยังแทบทำไม่ได้
แต่ทว่าสำหรับเลทิเซียเธอเข้าใจดี.. เธอเข้าใจความรู้สึกของสเตฟานี่ที่สูญเสียครอบครัวดี
มันไม่ต่างอะไรกับตอนที่เลทิเซียสูญเสียพี่สาวเพียงคนเดียวของตัวเองเลยสักนิดเดียว..
ใช่.. มันคงเป็นเรื่องธรรมดาที่สเตฟานี่ต้องการจะล้างแค้น.. แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เลทิเซียได้เข้าใจมาพร้อมกันนี้คือ…
การสูญเสียเพื่อน.. เลทิเซียรู้ว่าเพื่อนที่พยายามควบคุมร่างตัวเองนี้ได้ตายไปแล้ว.. ต่อให้เธอยังเหลือดวงวิญญาณอยู่
แต่ในความเป็นจริงมันกลับเป็นแค่เศษเสี้ยวดวงวิญญาณ เพราะเมื่อคนตายก็ต้องหวนคืนสู่ปรภพ
นั่นคือความจริง เป็นกฎของโลกไปนี้ที่ต่อให้มีสร้อยคอผลึกชีวิตก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้..
เลทิเซียในตอนนี้รู้สึกเสียใจอย่างแท้จริง..
แต่มือสองข้างของเลทิเซียก็ยกขึ้นคว้าไปจับที่คอของเซเรส.. แม้มันจะยากลำบากราวกับมีคนฉุดดึงเอาไว้
ทว่าเซเรสกลับไม่สามารถที่จะถอยออกหรือหลบหลีกได้ ราวกับว่าคำพูดจากปากของเลทิเซียที่บอกว่า “เจ้ามันสมควรตาย”
คือโทษทัณฑ์ของเธอในยามนี้.. มันคือโทษที่เธอฆ่าสเตฟานี่.. น้ำตาเธอไหลออกมาจากดวงตาไม่หยุด เธอจ้องมองไปที่เลทิเซีย
เลทิเซียจ้องมองมาที่เธอ ถ้าจะพูดให้ถูกคือสเตฟานี่ที่จ้องมาในร่างของเลทิเซียด้วยสายตาที่เกลียดชัง
“ข้าจะฆ่าเจ้า.. เจ้ามันสมควรตาย”
เสียงของเลทิเซียดังขึ้น มือทั้งสองข้างบีบใส่คอของเซเรสและค่อยๆ ยกเธอขึ้นจนร่างกายเธอลอยเหนือพื้น
“ค่อก— ข้า”
เธอพยายามจะพูดอะไรสักอย่างแต่มือของเลทิเซียก็บีบออกไปสุดแรงผลของเวทมนตร์เสริมร่างกายก็ยังคงอยู่มันจึงทำให้คอของเซเรสแทบจะหัก
ขาสองข้างเธอที่ลอยเหนือพื้นพยายามจะดิ้นรนตามสัญชาตญาณ หายใจไม่ออก มือสองของเซเรสขวาจับมือเลทิเซียพยายามดิ้นรน
มุมปากมีน้ำใสไหลออกมาอย่างอนาถจากการขาดอากาศหายใจ
“ฮ่าๆ .. ตายซะ.. ตายซะ..”
เลทิเซียหัวเราราวกับคนบ้า น้ำตายังคงไหลออกมาจากดวงตาของเลทิเซียเช่นเดียวกัน ภาพนี้มันช่างดูวิปลาสอย่างแท้จริง..
และในจังหวะที่เลทิเซียดิ้นรนแย่งชิงร่างกายกับสเตฟานี่ที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นนี้.. เลมิสทาเรียเหมือนกับปลาได้น้ำ
แหวกว่ายเข้าไปในดวงวิญญาณของเลทิเซียและพยายามจะครอบครอง… หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือกลืนกิน…
……..