บทที่ 216 – น่าเสียดายจัง..
ในตอนนั้นอาจจะเป็นความรู้สึกแรงกล้าของเลทิเซีย หรือเป็นเพราะเธอหายสับสนมันทำให้จิตสำนึกสเตฟานี่ที่แทรกแซงเข้ามาอ่อนแอลง
จริงอยู่ที่หากอยู่ในนี้ต่อไปสเตฟานี่อาจจะมีชีวิตรอดจากการตาย.. แต่นั่นเป็นไปไม่ได้เพราะว่า…
เลทิเซียน่ะเป็นผู้เกิดใหม่ที่มีความทรงจำจากชาติก่อน.. เลทิเซียมีประสบการณ์ชีวิตที่มากกว่าสเตฟานี่
เจอความเจ็บปวดมาไม่น้อยเช่นกัน.. ดังนั้นแม้เธอจะแทรกแซงการควบคุมได้ในระยะสั้นๆ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องหายไปอยู่ดี
นั่นแหละคือสิ่งที่ว่าสร้อยผลึกชีวิต!
แน่นอนว่าเลทิเซียไม่ทราบ เพราะเธอที่จิตใจมั่นคงขึ้นมาแล้วเธอก็พยายามจะเก็บรักษาจิตสำนึกของสเตฟานี่ไว้เช่นกัน
แต่พอเธอควบคุมร่างกายได้และปล่อยมือออกจากคอของเซเรสไว้ แต่เหมือนเซเรสจะไม่ได้สติไปแล้ว
แต่ยังดีที่เธอหายใจอยู่ เธอยังไม่ตาย ในขณะที่เลทิเซียยังไม่ทันได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เสียงกรีดร้องของสเตฟานี่ก็ดังขึ้นในหัวของเธอ
“สเตฟานี่!”
เลทิเซียที่ตกใจ ภายในหัวของเลทิเซียราวกับมีดวงวิญญาณของสเตฟานี่ล่องลอยอยู่แม้มันจะไม่สมบูรณ์
แต่พอเธอหลุดออกจากการควบคุมร่างกายเลทิเซีย และจิตใจเลทิเซียกลับมามั่นคง แม้ว่าอาจจะยังเจ็บปวด.. แต่เธอร้องไห้จนพอแล้ว!
และด้วยความมั่นคงความทรงจำตลอดสองชีวิตที่ผ่านมาราวกับกลายเป็นคมดาบที่พุ่งใส่ร่างจิตวิญญาณของสเตฟานี่
แม้เธอเองก็เหมือนจะมีความทรงจำของตัวเองออกมาป้องกัน แต่จำนวนความทรงจำของเลทิเซียก็ยังเยอะกว่าอยู่ดี
หากให้เปรียบเทียบก็เหมือนใช้ปืนกลกับปืนพกนั่นแหละ.. ดังนั้นเสียงกรีดร้องของสเตฟานี่จึงดูเจ็บปวดมากราวกับมันจะลบเธอออกไป
“ไม่!”
สำหรับเลทิเซียพอได้สติ เธอก็คิดขึ้นได้ว่าหากรักษาสิ่งที่ควบคุมตัวเองเมื่อกี้ได้ไม่ใช่ว่าจะสามารถช่วยสเตฟานี่ได้หรอกเหรอ
แน่นอนว่าหลักการก็เป็นได้แค่หลักการ แม้เลทิเซียจะปฏิเสธแค่ไหน สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะควบคุมได้
เพราะที่กล่าวออกไปมันทำแค่ให้เห็นภาพ ในความเป็นจริงทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในหัวทั้งสิ้น
ทุกครั้งที่ความทรงจำปะทะกันภาพความทรงจำของกันและกันต่างเด่นชัดราวกับว่าสเตฟานี่เองก็เห็นความทรงจำเลทิเซีย
เลทิเซียก็เห็นความทรงจำสเตฟานี่ ทุกครั้งที่ปะทะกันภายในหัวเลทิเซียเหมือนมีสายฟ้าวิ่งอยู่ภายในทำให้เธอกุมหัวอย่างเจ็บปวด
“อ้าก”
เธอกรีดร้องออกมา แต่ความทรงจำที่เธอเคยเห็นมาก่อนจากตอนที่สเตฟานี่ตายฉายซ้ำ คราวนี้มันชัดเจนกว่าเดิม จิตวิญญาณสเตฟานี่เองก็พบเจอประสบการณ์ที่ไม่เคยเห็น
ในโลกเดิมของเลทิเซีย มีรถยนต์ มีเครื่องบิน มีระเบิดรุนแรงทำลายภูมิประเทศราวกับเวทมนตร์ระดับสูง
ทุกอย่างมันไหลบ่าเข้าไปในหัวของสเตฟานี่ และทำให้เธอเจ็บปวดเจียนตาย.. เธอย้อนกลับไปในความทรงจำเลทิเซีย
เลทิเซียเคยเป็นผู้ชายที่มีชื่อว่าเรน.. เธอมีพี่สาวกับน้องสาวอยู่ และคนที่เป็นศูนย์กลางของครอบครัวเหมือนจะเป็นพี่สาวเอลน่า
แต่ความจริงมองในมุมของสเตฟานี่เธอกลับเห็นว่าคนที่ดึงรั้งความสัมพันธ์ครอบครัวที่ดีเยี่ยมไว้ได้คือเลทิเซีย
เธอย้อนกลับไปเห็นเลทิเซียที่ยืนมองเอลน่าตายจากไปไม่สามารถทำอะไรได้ ความรู้สึกในตอนนั้นของเลทิเซียถูกส่งเข้าสู่หน้าอกของสเตฟานี่
“พี่เอลน่า…”
ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องแบบไหน อาจจะเพราะความรู้สึกต่อความทรงจำตรงนี้ของเลทิเซียมีมากเกินไป มันจึงส่งผลต่ออารมณ์ของสเตฟานี่
จนเธอโพลงคำนี้ออกมาด้วยความเสียใจ ทันทีที่คำพูดนั้นดังขึ้นราวกบว่าทุกอย่างเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นความทรงจำที่โจมตีสเตฟานี่ราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาตก็หยุดลง
สเตฟานี่ที่ยืนงงอยู่ตรงนั้นเหมือนจะได้สติขึ้นมา..
“เอ้ะ ..”
เธอส่งเสียงแปลกใจออกมา
“เลทิเซีย? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
สเตฟานี่พูดออกมาด้วยความตกในภายในหัวเลทิเซีย เลทิเซียเองก็แปลกใจเช่นกัน เลทิเซียเองก็สับสน
อาจจะเป็นเพราะว่าวิญญาณของสเตฟานี่ได้สัมผัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดของความทรงจำ มันเลยคิดว่าสเตฟานี่เป็นส่วนหนึ่งของมันแล้วเลยไม่โจมตี
เพราะความทรงจำสเตฟานี่ก็เป็นของเลทิเซีย ความทรงจำของเลทิเซียก็เป็นของสเตฟานี่ พูดอีกนัยหนึ่ง เหมือนพวกเธอเป็นหนึ่งเดียวกันไปแล้ว
แน่นอนว่าที่กล่าวไปแค่การคาดเดาของเลทิเซีย แต่ก็เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นสุดแล้ว
ในขณะที่สเตฟานี่งงอยู่สักพัก เธอก็ก้มมองลงมือสองข้างตัวเองก่อนที่จะเข้าใจบางอย่างขึ้นมา
“เธอ.. สเตฟานี่เหรอ..”
เลทิเซียถามออกมาอย่างสับสน
“แน่นอน”
เธอพยักหน้าตอบ.. น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเลทิเซีย เธอพยายามจะเข้าใกล้สเตฟานี่ด้วยความเป็นห่วง
หากเป็นไปตามที่ตัวเองคาดเดาละก็.. สเตฟานี่จะไม่ตาย.. เธอจะมีชีวิตอยู่ในหัวของเธอตลอดไป..
ถ้าเป็นแบบนั้นละก็…
แต่ทว่าพอมองไปที่สเตฟานี่ ร่างกายของเธอกลับค่อยๆ แตกสลายหายไปอย่างช้าๆ เริ่มจากเท้าสองข้า
“อ้ะ.. ทำไม..”
ราวกับสเตฟานี่เข้าใจสิ่งที่เลทิเซียคิดทุกอย่าง มันทำให้เธอยิ้มแล้วก็ถอยหลังออกห่าง
“เลทิเซีย.. ข้าน่ะตายไปแล้วนะ.. ถามว่าทำไมถึงหายไปกับคนตายนี่มันแปลกๆ นะ”
“แต่ว่า..!”
“มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก.. นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของวิญญาณข้า.. สุดท้ายแล้ววิญญาณก็ต้องกลับไปหลอมรวมกับวิญญาณที่หายไปจากโลก รู้สึกว่านี่จะเป็นกฎของโลกนะ”
เธอส่ายหน้าพูด เลทิเซียเองก็ได้แต่ตั้งคำถาม
“พูดอะไรของเธอน่ะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
“เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ..”
เธอพูดขึ้นแบบนั้นทำให้เลทิเซียนิ่งเงียบไปบรรยากาศก็เงียบลงทั้งคู่ได้แต่ยืนจ้องหน้ากันอยู่ตรงนั้น
ท้ายที่สุดสเตฟานี่ถึงได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เลทิเซีย.. ขอบคุณนะ..”
“ขอบคุณ..?”
เลทิเซียหัวเราะออกมา ขอบคุณงั้นเหรอ ทั้งสเตฟานี่ทั้งเซเรสจะมาขอบคุณเธอเรื่องอะไรกัน
ทั้งที่สองคนมีปัญหาระดับนี้กันอยู่ ตัวเธอเองกลับไปโกรธในเรื่องไร้สาระ ไปกลัวในเรื่องไร้สาระอยู่อีกฟากหนึ่งของแผ่นดิน
เธอไม่ได้ช่วยอะไรเลยต่างหาก แม้แต่ในตอนนี้ทั้งที่ยืนคุยกันอยู่ตรงนี้ เธอกลับไร้ความสามารถ.. ไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยสเตฟานี่
แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรจะมารับคำขอบคุณล่ะ?
สเตฟานี่ส่ายหน้า เธอรู้สิ่งที่เลทิเซียคิดทุกอย่าง ดังนั้นเธอจึงตอบคำถามที่อยู่ในหัวของเลทิเซียได้โดยที่เธอไม่ต้องพูด
“ขอบคุณที่ช่วยหยุดข้า.. ครั้งแรกหากไม่ใช่เพราะเลทิเซีย.. ข้าคงเป็นคนที่ฆ่าเพื่อนแทน ครั้งที่สองคือตอนนี้ข้าพยายามจะฆ่าเซเรสอีกครั้ง นั่นไม่เพียงพอต่อการที่ข้าจะขอบคุณเจ้าหรือไง”
“แต่ว่าเพราะแบบนั้น เจ้าถึงต้องตายไปทั้งแบบนี้—”
“ข้าน่ะตายไปตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว”
ก่อนที่เลทิเซียจะได้พูดสเตฟานี่ก็พูดขึ้น… ก่อนที่เธอจะพูดต่อ
“หรืออาจจะก่อนหน้านั้นอีก.. ตั้งแต่ที่ท่านพ่อกับท่านแม่ตาย..ข้าน่ะได้ตายไปแล้ว.. แค่ยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น”
เธอไม่ได้พูดว่าเพราะว่าพ่อแม่ตายไปแล้วเธอจึงไม่เหลือเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ก็จริง แต่แน่นอนว่าเธออ่านใจเลทิเซียได้
เลทิเซียก็อ่านใจเธอได้ เลทิเซียตะโกนออกมา
“อย่ามาพูดบ้าๆ นะ เธอเองก็ยังมีเซเรสไม่ใช่หรือไง ยังมีฉันไม่ใช่หรือไง พวกเราน่ะเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือไงกัน”
“….”
“มาไม่มีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่อะไรกัน ทั้งฉันและเซเรสมันไม่เพียงพอต่อการเป็นเหตุผลที่เธอมีชีวิตอยู่หรือไง”
“……”
“และต่อให้ในตอนนี้ฉันมีค่าไม่พอ แต่ในอนาคตข้างหน้าพวกเราแค่มาสร้างอนาคตด้วยกัน ลืมอดีตที่แสนเจ็บปวดก็ได้ไม่ใช่เหรอ มองมาที่ฉันสิ”
ดวงตาของสเตฟานี่เบิกกว้างจ้องมาที่เลทิเซีย ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและรู้สึกผิด
“ฉันทำให้เพื่อนผิดหวังซะแล้วสิ.. ขอโทษนะ”
เธอหลับจาข้างหนึ่งให้เลทิเซียนี่ไม่ใช่ท่าทางของคนบนโลกนี้ และคำแทนตัวเองของโลกนี้.. ใช่.. มันมาจากความทรงจำของเลทิเซีย
“แล้วก็ขอโทษอีกรอบนะ.. ดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้วล่ะ”
ร่างของเธอสลายไปจนถึงหน้าอกแล้ว ดวงตาของเลทิเซียปริ่มไปด้วยน้ำตา
“สเตฟานี่”
เธอพยายามพุ่งเข้าไปกอดสเตฟานี่ แต่กลับพุ่งผ่านราวกับเธอไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป สเตฟานี่หันมาหาเลทิเซีย
ก่อนที่เธอจะยกแขนขวาขึ้นมาพยายามที่จะเช็ดน้ำตาเลทิเซีย แต่ทว่าสัมผัสร่างกายเลทิเซียไม่ได้ และเธอก็พูดขึ้นเบาๆ
“เมื่อกี้.. นายดูเท่มากเลยล่ะ.. อ่า.. ถ้าหากฉันโตขึ้นแล้ว.. อยากแต่งงานกับนายสุดๆ เลยล่ะ.. น่าเสียดายจัง แฮะๆ”
สิ้นเสียงร่างของเธอก็สลายมลายไปจากสายตาของเลทิเซีย
“………”
…..
[แล้วก็เช่นเคย.. พูดอะไรสักหน่อย.. ก่อนอื่นผมจะขอบอกก่อนว่าสำหรับเลทิเซียนั้นเธอเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมรับใคร ใช่ครับ และแน่นอนว่าในเมื่อเธอไม่ยอมรับใครก็ไม่มีใครอยากยอมรับเธอ.. ดังนั้นเธอจึงเป็นคนไร้เพื่อนในโลกเดิมนั่นเอง.. แต่ตัวสเตฟานี่ได้เห็นทุกสิ่งที่เลทิเซียเคยคิด เคยเจอ.. แต่เธอยังยอมรับมันและบอกว่าอยากแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้.. เรียกได้ว่าถ้าได้แต่งงานกันในโลกเดิม สเตฟานี่คงจะเป็นคนแรกที่ได้แต่งงานกับเลทิเซียอย่างแน่นอน…
แน่นอนว่าสเตฟานี่เห็นความทรงจำทุกอย่างนั่นหมายความว่าเธอรู้เช่นกันว่าเลทิเซียทำอะไรกับเซเรสจนเป็นแบบนี้.. แต่ว่าเธอก็ยังยอมรับได้เพราะในตอนนี้.. คนที่ช่วยเซเรสไว้คือเลทิเซีย
แน่นอนว่าเธอไม่ได้บอกว่าเซเรสจำเป็นต้องยกโทษให้เลทิเซีย เพราะคนที่ตัดสินใจคือเซเรสต่างหาก ดังนั้นเธอจึงไม่กล่าวถึงและยอมรับเลทิเซีย
บอกตามตรงสเตฟานี่เป็นคนที่มีคุณสมบัติการเป็นคนรู้ใจของเลทิเซียมากที่สุดเลย เพราะเธอเห็นทุกอย่างและ… เธอไม่ได้มองเลทิเซียเป็นผู้หญิงอีกต่อไปแต่มองเลทิเซียเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เป็นเหตุผลที่ว่าในตอนท้ายเธอจึงเรียกเลทิเซียว่า ‘นาย’
ในนิยามนวนิยายฮาเร็มของทุกคนเป็นยังไงเหรอครับ ?
สำหรับผมนิยามคำว่าฮาเร็มคือไม่ใช่แค่คำว่าผู้หญิงคนนั้นชอบตัวเอกเพียงเท่านั้น
แต่เป็นพวกเขามีความผูกพันกันในรูปแบบไหนและแตกต่างจากสายสัมพันธ์ของตัวละครอื่นๆ ยังไงด้วย…..
เลวี่เติบโตมาพร้อมกับพี่สาว วิ่งตามพี่มา ไม่มีระยะห่างซึ่งกันและกัน
ทสึรุไร้เพื่อนฝูง แต่สถานการณ์มากมายนำพาไปสู่สถานการณ์เอาตัวรอดพึ่งพาซึ่งกันและกัน
เซเรสปฏิเสธ ต่อต้านแต่ท้ายที่สุดโชคชะตาก็นำมาเล่นตลกให้สนิทกันยังไม่รู้จุดหมายปลายทาง
สเตฟานี่.. พวกเราสองคนมีความลับซึ่งกันและกัน.. ฉันรู้ใจเธอ เธอรู้ใจฉัน.. แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจไปต่อได้ เรียกได้ว่าสำหรับสเตฟานี่และเลทิเซีย..
คู่นี้.. คงอาจจะไม่ใช่ความรักในมุมมองของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้หญิง แต่เป็นความรักของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงซะมากกว่า – ผู้เขียน]