การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 228

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 228 – ลำดับความสำคัญ

เลมิสทาเรียที่หลับตารอความตายกลับไม่รู้สึกถึงความตายที่เยื่องเข้ามา เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ แต่กลับไม่พบว่ามีการโจมตีอะไรมาทางตัวเอง

แต่ยังไม่ทันได้ตั้งคำถามร่างของไบรอัสที่อยู่ด้านหลังก็ค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น เลมิสทาเรียก็หันไปตามเสียงและ…

“ท่านพี่!!!!”

เลมิสทาเรียกรีดร้องออกมาอย่างสับสนเธอคลานเข้าไปหาไบรอัสด้วยความตกใจ พลิกร่างไบรอัสขึ้นมาก็เห็นหน้าผากของเขาถูกเจาะเป็นรู

“ท่านพี่!!”

เลมิสทาเรียพยายามจะปลุกแต่ทว่าไบรอัสกลับไร้ซึ่งการตอบสนอง แน่นอนว่าคนตายล้วนมิอาจฟื้นขึ้นมาตอบได้

แขนทั้งสองข้างเลมิสทาเรียสั่นสะท้าน… น้ำตาไหลบ่าลงมาจากดวงตาอาบไปทั่วแก้ม.. เสียงเพรียกหาของเธอที่ดังกึกก้องไปทั่วห้องโถงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เธอพยายามจะปลุกไบรอัสซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับมิอาจยอมรับความจริงตรงหน้าได้..

ตายแล้วงั้นเหรอ.. ทำไม.. ถึงเร็วแบบนี้… เธอยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อพี่ชายเลยไม่ใช่เหรอ…

น้ำตาของเลมิสทาเรียไหลออกมาจากดวงตาหยดลงไปบนใบหน้าซีดขาวของไบรอัสเพราะยังไงซะเขาก็สูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก

เลมิสทาเรียไม่รู้ว่าเอาพลังมาจากไหน เธอพยายามที่จะรักษาไบรอัสจากความตาย..

“ไม่เป็นไร.. ข้าจะต้องรักษาท่านให้ได้.. เวทไร้ตรรกะของข้า…. มันต้องคืนชีพได้แน่.. เพราะแบบนั้นมันจึงเรียกว่าไร้ตรรกะไม่ใช่เหรอ”

เธอพยายามจะใช้เวทมนตร์รักษา แต่ไม่ว่าจะทำยังไงการรักษา ก็ล้วนไม่มีผล แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ ไม่โดยเด็ดขาด

ในตอนนั้นเองแสงสีดำก็พุ่งมาอีกครั้ง ลำแสงแห่งความสิ้นหวังนั่นพุ่งผ่านตรงหน้าและตัดแขนเธอจนหลุดลอย

“อ้ากกกกกก ไม่.. ไม่”

ราวกับภาพนี้เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว.. แต่คนที่โดนกับคนที่ทำนั้นสลับกัน.. เสียงร้องโหยหวนของเลมิสดังกึกก้อง

เพียงแต่ว่าไม่มีเสียงหัวเราะจากปากเลทิเซีย ไม่มีความสุขใจ ไม่มีความดีใจหรืออะไรทั้งสิ้น

อันที่จริงดวงตาของเลทิเซียนั้นมืดมัวไปมากกว่าครึ่งแล้ว แต่ทว่าเธอกลับไม่สลบไปเสียที.. ภายใต้เสียงกรีดร้องของเลมิสทาเรีย

ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเลทิเซียทั้งสิ้น ทั้งความเสียใจที่สูญเสียบางสิ่งบางอย่างที่อีกฝ่ายแสดงออกมาเลทิเซียรู้จักมันดี

ยิ่งเห็นสภาพของเลมิสทาเรีย เลทิเซียได้แต่กัดฟัน.. หากกลัวการสูญเสีย หากรู้จักความเจ็บปวดจากการสูญเสียจะช่วงชิงจากผู้อื่นทำไม

เลทิเซียไม่ได้มีความเห็นใจหรือสงสาร เธอกลับรู้สึกสมเพชและอัดแน่นไปด้วยความโกรธเสียมากกว่า..

ดวงตาของเลมิสทาเรียหันขึ้นมาจ้องเลทิเซียที่อยู่สูงกว่าดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความแค้น..

“เป็นเพราะแก.. ทุกอย่างเป็นเพราะแก.. อาาาาา”

เธอร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งชี้แขนที่ขาดไปทางเลทิเซีย ดวงตาเต็มไปด้วยความแค้น…

ทุกแอย่างมันเป็นไปได้สวยมาตลอด.. เป็นแบบนั้นมาตลอดแท้ๆ แต่ว่าวันนี้ทุกอย่างกลับสลายหายไปแทบจะพริบตา

ไม่มีใครรู้ว่าความสัมพันธ์ที่ดำเนินมากว่าหลายร้อยปีมาสูญสิ้นไปด้วยวิธีเช่นนี้มันเจ็บปวดขนาดไหน

แต่เลมิสทาเรียสัมผัสมันชัดแจ่มแจ้ง.. เธอไม่มีทางยกโทษให้เลทิเซียเด็ดขาดและแน่นอนว่าเลทิเซียก็ไม่คิดจะยกโทษให้เช่นกัน

สายตาของเลมิสทาเรียเต็มไปด้วยความเกลียดชังสบกับดวงตาอันหมองมัวของเลทิเซีย ราวกับว่ามันไปกระตุ้นร่างกายอันอ่อนเพลียของเธอ

ดวงตาที่มืดมัวของเลทิเซียกลับมาสว่างไสวและเต็มไปด้วยความโกรธ เธอกัดฟันดังกรอด…

“ถ้าหากพวกแกรู้จัก..การร้องไห้จากการสูญเสีย.. แล้วพวกแกจะทำให้คนอื่นรู้สึกแบบนั้นทำไม”

เลทิเซียตะโกนออกมาด้วยความเกลียดชัง บางทีนี่คงเป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตของเธอที่เธอพูดในสิ่งที่คิดออกมาตามอารมณ์ของเธอ

“พวกแกจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันไม่สนใจอย่างงั้นเหรอ..?”

“อย่ามาตลกนะเว้ย ในเมื่อพวกแกมีคนที่ร้องไห้ให้ได้ มีคนที่มีความสุขด้วยกัน แล้วคิดว่าจะไม่มีคนอื่นที่เหมือนพวกแกหรือไงวะ”

“อย่ามาพูดดิบดีว่าพวกเราผูกพันธ์กันมานานแสนนาน อย่าเอาบรรทัดลำดับความสำคัญของตัวเองมาวัดค่าความสัมพันธ์ของคนอื่นนะ”

“พวกแกคิดว่านี่มันเป็นกมที่สามารถวัดระดับคุณค่าความสำคัญของสิ่งต่างๆ ตามที่พวกแกคิดหรือยังไงวะ”

“นี่มันชีวิตจริง มีแค่ชีวิตเดียว ตายคือตาย แล้วพอพวกแกสูญเสียกลับมาโกรธแค้นคนอื่น เกลียดชังคนอื่นที่พวกแกเคยช่วงชิงไปเหรอ ไม่เคยคิดว่ามันคือกรรมตามสนองบางอย่างงั้นเหรอ”

เสียงเลทิเซียดังกึกก้อง เสียงนี้มันดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ สำหรับเลทิเซีย

คนนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะโกรธหรือจะเกลียดตัวเอง เพราะว่าพวกมันชิงสเตฟานี่ไปจากเธอก่อน.. แต่แน่นอนว่านั่นมันมุมมองของเลทิเซีย

เลมิสทาเรียกัดฟัน..

“หุบปาก.. อย่างแกจะไปเข้าใจอะไร ข้ากับท่านพี่พวกเราน่ะผูกสายสัมพันธ์กันด้วยความรักไม่พอยังมีโชคชะตาให้พวกเรามีสายเลือดเดียวกัน”

“ทุกอย่างของพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกันตลอด ไม่ได้เปราะบางเหมือนความสัมพันธ์ของพวกแกเลยสักนิด ก็แค่รู้จักกันไม่กี่ปี ไม่กี่เดือน ไม่กี่วัน อย่าคิดเอามาเปรียบเทียบคุณค่ากับพวกเรา พวกแกมันไม่ต่างอะไรไปจากเสแสร้ง”

เลมิสทาเรียตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ดวงตาของเลทิเซียเบิกกว้าง.. เสแสร้งงั้นเหรอ..

ใบหน้าที่อมยิ้มและพูดกับเธอเป็นครั้งสุดท้ายนั้นของสเตฟานี่มันคือการเสแสร้งงั้นเหรอ

คำว่าเพื่อนที่สำคัญมันคือการเสแสร้งไม่ควรเทียบกับสายสัมพันธ์ที่ผูกมัดกันด้วยเลือดเนื้ออย่างงั้นเหรอ.. เธอคิดแบบนั้นจริงๆ อย่างนั้นเหรอ

ไม่.. ในตอนนี้เลทิเซียเข้าใจดี เธอเข้าใจดีกว่าใครทั้งสิ้น.. มันไม่ใช่แบบนั้นอยู่แล้ว ดวงตาของเลทิเซียจกจ้องไปยังเลมิสทาเรีย

“หุบปาก.. แกอย่ามาตัดสินความสัมพันธ์ของคนอื่นจากระยะเวลาหรือสิ่งผูกมัด… อย่ามาเรียงลำดับความสำคัญตามใจชอบ”

บางทีหากเป็นเลทิเซียก่อนหน้านี้เธอคงไม่ได้มีคำตอบเช่นนี้ เธอในตอนนี้น่ะรู้ดี.. คำว่าคนสำคัญน่ะ.. มันไม่มีลำดับหรอก

ถ้าจะบอกว่าให้ช่วยเพื่อนหรือพ่อแม่.. เลือกได้เพียงหนึ่งอย่างแล้วหากเราช่วยพ่อแม่เราอาจจะเป็นลูกที่กตัญญูรู้คุณพ่อแม่

หากเราช่วยเพื่อนก็อาจจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญเพื่อนยิ่งกว่าครอบครัวที่เลี้ยงดูเติบโตมา..

แต่ว่านั่นมันแค่ทางเลือก.. แต่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องหลังจากนั้นเลย.. หลังจากนั้นไม่ว่าจะเลือกอย่างไหนสุดท้ายแล้วก็ต้องเสียใจ

เพราะไม่ว่าจะเพื่อหรือพ่อแม่ต่างก็เป็นคนสำคัญ.. ดังนั้น..

“อย่ามาใช้บรรทัดฐานตัวเองในการตัดสินว่าใครสำคัญกว่า ใคสำคัญน้อยกว่านะ ไม่ว่าจะพวกแกรู้จักกันมานานแค่ไหนหรือฉันรู้จักสเตฟานี่นานเท่าไหร่”

“พวกแกก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินว่า… ความรักที่ฉันมีต่อเพื่อน.. มันจะน้อยกว่าของพวกเธอ”

เลทิเซียตะโกนออกมา.. เลมิสทาเรียได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“ฮ่าๆๆ ตัดสินความสำคัญของความสัมพันธ์ของพวกแก..?”

“อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย.. เพราะยัยเด็กที่ตายไปนั่นมันจะมามีคุณค่าเทียบเท่าท่านพี่ของข้าได้ยังไง.. เด็กที่ไม่มีอะไรเลยกลับผู้กล้าที่มีไม่กี่คนบนโลกน่ะ”

เธอหัวเราะออกมา ดวงตาของเลทิเซียมืดมนลง ก่อนที่จะพูด..

“ฉันพึ่งบอกไปว่าอย่ามาตัดสินคุณค่าของคนอื่น”

เลมิสทาเรียโต้ตอบ

“หุบปาก คนที่ไม่มีคุณค่าตายไปแล้วก็ไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้โลกใบนี้อยู่แล้ว..”

พอเลมิสทาเรียพูดมาถึงคำนี้ยังไม่ทันได้พูดต่อ..มันก็เหมือนไปกระตุ้นต่อมความโกรธของเลทิเซียเข้าให้..

ใช่.. มันไม่วสร้างระลอกคลื่นอะไรบนโลกใบนี้หรอก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรบนโลก.. แต่ว่าสำหรับคนคนหนึ่ง..

คนคนหนึ่งที่มีอยู่ตอนนี้.. ที่เสียใจอยู่ตอนนี้.. สำหรับคนคนนั้นมันไม่ใช่ว่าเหมือนทั้งโลกของเขาได้พังทลายไปแล้วไม่ใช่เหรอ..

ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำตอนสเตฟานี่สูญเสียครอบครัวที่สำคัญ มันไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้โลก แต่โลกทั้งใบสเตฟานี่กลับพังทลายลง

หรือตอนที่สเตฟานี่ตายลงไปเองก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โลกใบนี้ก็ยังมีเวลา 26 ชั่วโมงต่อวันเหมือนเดิม

แต่สำหรับเซเรสโลกทั้งใบของเธอแทบพังทลายลง.. แม้แต่เลทิเซียเองก็เช่นกัน.. หรือจะย้อนกลับไปตอนที่สูญเสียพี่สาว.. มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงให้สงครามโลกหยุดลง

ไม่ได้สร้างระลอกแปลกๆ ให้กับโลกแต่..ชีวิตของเลทิเซียกลับต้องเปลี่ยนไปตลอดการ.. เลทิเซียกัดฟันดวงตาของเธอแดงฉาน

“หุบปาก อย่างพวกแกน่ะ อย่างพวกแกน่ะ อ้ากกกก”

ลำแสงสีดำที่มากมายมหาศาลที่ควรจะหมดไปแล้วปรากฏขึ้นมาจากปลายนิ้วและยิ่งไปใส่เลมิสทาเรีย

“ฮ่าๆ แกยอมรับไม่ได้หรือไงว่าพวกแกน่ะมันไม่สำคัญต่อโลกใบนี้เลย”

เสียงหัวเราะของเธอเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

“หุบปาก หุบปาก หุบปาก”

ลำแสงนั้นเจาะทะลุเข้ากลางหน้าผากของเลมิสทาเรียจนจตายดับไปทั้งแบบนั้น แต่ลำแสงสีดำมากมายก็ยังกระหน่ำยิ่งใส่ร่างของเลมิสทาเรียอย่างโหดร้ายทารุณ

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน