การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 286

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 286 – สัญญาแล้วนะ

อันที่จริงทสึรุนั้นแอบคิดอยู่ในใจว่าตนเองไม่เหมาะที่จะมายืนอยู่ตรงนี้บ้างล่ะ ไม่เหมาะที่จะได้รับสิทธิ์นี้บ้างล่ะ

นี่ไม่ได้เกิดจากการมีคนมาด่าว่าเธอ ว่าเธอไม่เหมาะกับเลทิเซีย.. แต่มันเกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเอง

ทุกๆ คนเก่งไปหมดเลย มีแค่เธออ่อนแอไร้ประโยชน์อยู่คนเดียว แบบนั้นเธอไม่เอา เธอไม่ต้องการแบบนั้น

เพราะงั้นเธอจะต้องตามให้ทัน.. ตามให้ไว.. พยายามมากขึ้นไปอีก.. เพื่อที่จะได้อยู่ระดับเดียวกับทั้งสามคน..

แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กัน.. ที่เธอต้องนั่งอ่าน นั่งเขียนอยู่เพียงลำพัง กลายเป็นว่าเธอนั่งอยู่คนเดียวในห้องซะแล้ว

แต่นั่นก็ยังไม่พอ ยังไม่พอที่จะเก่งจนพอที่จะอยู่ข้างๆ เลทิเซียได้ เธอต้องพยายามมากขึ้นอีก มากกว่านี้และมากกว่านี้..

ท้ายที่สุดก็เหลือเธออยู่คนเดียว การพยายามของตัวเองเพื่อที่จะได้อยุ่ใกล้เลทิเซียมากขึ้นอีกนิดก็ยังดีกลับกลายเป็นคมดาบที่ทำให้เธอห่างจากเลทิเซียออกไป

ใช่ เธอหมกมุ่นอยู่กับการเรียน จนเกิดความอ้างว้างในหน้าอก อ่า.. ความรู้สึกนี้มันคืออะไรเธอไม่เข้าใจ..

เธออยากจะคุยกับเลทิเซีย.. อยากพูดกับเลวี่.. อยากจะเที่ยวเล่นกับชาร์ล็อต..

เพราะงั้นเมื่อคำพูดเลทิเซียที่ถามออกมาว่าเหงาอย่างงั้นเหรอ มันก็ทำให้เธอต้องรีบปฏิเสธ มันไม่ควรเป็นแบบนั้น..

เธอจะเอาแต่ใจแบบนั้นไม่ได้ ที่เธอพยายามแบบนี้ก็เพื่อที่จะได้อยู่ระดับเดียวกับเลทิเซียไม่ใช่หรือยังไงกัน

แล้วจะมารู้สึกเหงาอะไรเอาตอนนี้กัน แบบนี้มันไม่ใช่.. เธออยากจะปฏิเสธมัน ถ้าหากยอมรับมันก็ไม่ต่างจากคนที่เอาแต่ใจหรอก..

แต่ว่าเมื่อมืออันอ่อนโยนของเลทิเซียสัมผัสบนหัวของเธอก็ราวกับทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว.. คำพูดที่แสนจะใจดีของเลทิเซียนั้นมันทำให้เธอไม่อาจกลั้นน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาได้

“ข้า… ข้าก็แค่ไม่อยาก..ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง.. ดังนั้นข้าจึงต้องพยายาม พยายามให้มากขึ้น มากยิ่งกว่านี้เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างพวกเธอ.. ไม่สิ อยู่เคียงข้างเจ้า เลทิเซีย”

“แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ทุกอย่างมันกลับตาลปัตร กลับกลายเป็นว่าการที่ข้ายิ่งพยายาม ข้ายิ่งห่างไกลจากเจ้ามากยิ่งขึ้นแทน.. พอคิดแบบนั้นข้าก็รู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมา.. เหมือนกับได้ย้อนกลับไปในอดีต.. ที่มีเพียงวิชาทวนเท่านั้นที่จะทำให้ข้าได้เจอกับคนสำคัญอ่างพ่อแม่”

“แต่ยิ่งฝึก ข้ายิ่งห่างไกลจากคนอื่น โดดเดี่ยวข้ารู้สึกอ้างว้าง.. ข้า.. สุกท้ายแล้วข้ามันไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด”

เข่าของเธอทรุดลงบนหากทรายพร้อมกับร้องไห้ออกมาระบายทุกสิ่งอย่างที่อัดแน่นอยู่ภายในอกออกมา..

จะขี้แยก็ช่าง จะเป็นเด็กก็ตาม เธอก็ปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดออกมาให้เลทิเซียได้ฟัง.. เลทิเซียไม่ได้ขัดเธอหรือหยุดเธอ

เลทิเซียเพียงปล่อยให้ทสึรุได้ระบายความอัดอั้นทุกอย่างออกมา.. เสียงสะอึกของเธอนั้นราวกับได้ย้อนไปในวันวาน..แต่คนที่ร้องไห้ในครานั้นไม่ใช่ทสึรุ

แต่เป็นเลทิเซีย คราวนี้มันตรงกันข้าม.. เลทิเซียค่อยๆ ดึงทสึรุเข้ามาในอกของตัวเองพร้อมกับกอดเธอเบาๆ

“ไม่หรอก.. มันเปลี่ยนไปแล้วทสึรุ… มันเปลี่ยนไปเพราะว่าตอนนี้เธอมีฉันอยู่ยังไงล่ะ ขอโทษที่ทำให้เธอต้องโดดเดี่ยวนะ”

“ไม่ ไม่ ไม่ นี่ไม่ใช่ความผิดของเลทิเซีย แต่เป็นความเอาแต่ใจของข้าเอง”

ทสึรุรีบปฏิเสธคำพูดของเลทิเซีย แต่เลทิเซียผละตัวออกจากเธอพร้อมกับยกมือขวาขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้กับเธอ

เลทิเซียส่ายหน้าเบาๆ เธอพูดขึ้น

“แต่ความจริงที่ว่าฉันทำให้เธอร้องไห้มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี”

“นี่เป็นเพราะข้า….”

เลทิเซียยกนิ้วขึ้นไปที่ปากของทสึรุพร้อมกับส่ายหน้า

“เธอชอบฉันหรือเปล่า?”

“แน่นอน”

“ฉันเองก็ชอบเธอเหมือนกัน”

ริมฝีปากของเลทิเซียประกบลงบนริมฝีปากทสึรุ ครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรมาขวางกั้นเอาไว้แต่เป็นเนื้อหนังที่สัมผัสกันโดยตรง

ทสึรุเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่เลทิเซียจะผละตัวออกจากทสึรุพร้อมกับถอยหลังแล้วก็ยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากตัวเอง

ใบหน้าเล็กๆ ของเลทิเซียมีรอยแดงอยู่เล็กน้อย พร้อมกับกล่าวคำหยอกล้อทสึรุ

“นี่แทนคำขอโทษไงล่ะ”

“…..”

ทสึรุเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่เลทิเซียไม่ได้ยินเพราะสายลมจากทะเลสาบพัดมาพอดี จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับถาม

“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”

“ไม่พอหรอก”

พอพูดเสร็จเลทิเซียก็ถูกผลักจนล้มไปด้านหลังพร้อมกับถูกรุกใส่โดยทสึรุ ถึงแม้เลทิเซียจะทำอะไรไม่เป็นนอกจากจูบ

แต่ไม่ใช่กับทสึรุผู้ใฝ่รู้ในเรื่องแบบนี้ ทั้งสองคนนอนกลิ้งลงไปบนหากทรายพร้อมกับเลทิเซียที่โดนทสึรุกระทำเพียงฝ่ายเดียว (?)

ผ่านไปสักพักทสึรุก็ค่อยๆ ลุกขึ้น เธอจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่เล็กน้อยที่เกิดจากการดิ้นรนของเลทิเซีย เธอเช็ดริมฝีปาก

“นี่ก็แทนคำขอโทษจากข้าเหมือนกัน”

“….”

เลทิเซียนอนหอบหายใจบนพื้นพร้อมกับหน้าแดงระเรื่อ.. เธอได้แต่คิดอยู่ในใจว่า “นี่มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน”

แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสี่คนมันไกลเกินคำว่า.. เพื่อน ธรรมดาไปตั้งนานแล้วการจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่นับว่าแปลก

เพียงแค่เลทิเซียไม่เคยชินกับมันก็เท่านั้นเอง…

หลังจากจัดเสื้อผ้าหน้าผมจนเสร็จ จู่ๆ ทสึรุก็พูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า

“เจ้าจะกลับมาเมื่อไหร่”

“ฉันคิดว่าคงไม่เกินสิบวันหรอก”

เลทิเซียตอบหลังจากกระแอมเล็กน้อยแก้เขิน อันที่จริงเวลาสิบกว่าวันนี่ไม่ได้นานมาก แต่พูดถึงว่าหากขาดเรียนถึงสิบวันมันก็พอที่จะเรียนตามไม่ทัน

ดังนั้นมันจึงเป็นเวลาที่ค่อนข้างนานพอสมควร แต่ดูจากการเร่งรีบของเลเวียเลทิเซียคิดว่าอาจจะมีเรื่องเร่งด่วนมากๆ

เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาเลทิเซียก็รู้ว่าเลเวียคิดเรื่องของตัวเองกับเลเวียขนาดไหน เธอไม่มีทางที่จะอยากให้ลูกสาวทั้งสองขาดเรียนโดยเปล่าแน่

ดังนั้นหมายความว่าต้องมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นจริง แต่หากเป็นเรื่องใหญ่โตอย่างถูกบุกรุกจากจักรวรรดิมังกรอะไรนั่น

เลทิเซียคิดว่าเลเวียคงไม่เรียกตัวกลับแบบนี้หรอก เพราะอยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่านั่นแหละ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเธอกลัวเลทิเซียกับเลวี่ถูกลักพาตัวโดยศาสนจักรนั่น

เพราะช่วงนี้มีการทำแบบนั้นเกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตามแต่เลทิเซียไม่คิดจะอยู่ที่นั่นนานเกินไปแน่

เพราะที่นี่มีสิ่งที่ต้องปกป้องมากมาย เธอไม่อยากให้โรงเรียนแห่งนี้พัง ไม่ใช่แค่เรื่องของพวกทสึรุ แต่รวมถึงนักเรียนทุกคน

เลทิเซียแม้จะไม่อยากยอมรับใคร.. แต่ตลอดห้าปีที่ผ่านมาที่นี่คือฐานอำนาจของเธอ.. เธอไม่อยากให้มันเป็นอะไรไป

ดังนั้นต้องปกป้องมันไว้ให้ได้..

พอทสึรุได้ฟังเธอก็เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น

“สิบวันงั้นเหรอ.. เจ้าระวังตัวหน่อยนะ ช่วงนี้ข้าได้ยินข่าวแย่ๆ ที่เกิดในโลกภายนอกเยอะด้วยสิ..”

“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก.. ที่น่าเป็นห่วงน่ะคือโรงเรียนนี้มากกว่า”

เลทิเซียพูดขึ้น แน่นอนว่าสำหรับเธอ เธอมีทางเอาตัวรอดมากมาย แถมการกลับไปครั้งนี้มีเลเวียพาเดินทางด้วย

เธอเป้นถึงเทพที่ไม่ถูกผนึก พูดถึงความแข็งแกร่งจากภายนอกแม้ไม่อาจจะฆ่าหรือควบคุมซิลเวียได้

เพราะซิลเวียมีสถานะที่สูงส่งกว่า แต่หากสู้กันแบบไม่หวังฆ่า เลเวียแม่ของเลวี่ชนะอย่างแน่นอน.. ดังนั้นเลทิเซียจึงไม่คิดว่าจะน่าเป็นห่วงขนาดนั้น

ขณะตอบเลทิเซียก็สัมผัสถึงลมหนาวที่พัดโชยมา เธอก็พูดต่อทันทีว่า

“รีบกลับกันเถอะ.. อยู่นานกว่านี้ขืนได้เป็นหวัดกันพอดี”

พูดเสร็จเลทิเซียก็หันหลังให้ทสึรุ.. ในตอนนั้นเองทสึรุที่มองแผ่นหลังเลทิเซียอยู่ก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

“เลทิเซีย”

พอรู้สึกตัวอีกทีเธอก็เรียกชื่อของเลทิเซียออกไปเสียแล้ว เลทิเซียหยุดเดินพร้อมกับหันมาถาม

“มีอะไรเหรอ?”

“เอ่อ..คือว่า…”

ทสึรุลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะถาม

“เจ้าจะกลับมาที่นี่จริงๆ ใช่ไหม..?”

“แน่นอน.. เพราะงั้น…”

“เพราะงั้น?”

“ก่อนที่ฉันจะกลับมาที่นี่.. เธอช่วยอยู่ปกป้องมันแทนฉันจะได้ไหม”

เลทิเซียยิ้มแล้วกล่าวขึ้นอย่างอบอุ่น ทสึรุดวงตาลุกวาวก่อนที่จะพยักหน้าตอบด้วยความมั่นใจ

“อื้ม เข้าใจแล้ว ไว้ใจได้เลย”

“สัญญาแล้วนะ”

“แน่นอน”

……..

[จริงๆ อยากจะเขียนช่วงห้าปีที่ผ่านมาอยู่นะ แต่คงยาวเกิน ฮา ถ้าเขียนเรื่องนี้จบถ้ามีโอกาสอาจจะได้มานั่งเขียนภาคห้าปีให้คนอ่านอ่านกันอยู่ แต่แค่ ‘อาจจะ’ นะ – ผู้เขียน]

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน