การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 290

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 290 – เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน

หลังจากนั้นเลทิเซียก็ออกมาพบกับซิลเวียตามที่นัดเอาไว้ในตอนแรก แน่นอนว่าเพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่บนโลกนี้

ดังนั้นสำหรับวันนี้เธอจึงเตรียมพร้อมมาก.. ในขณะที่รออยู่นั้นเลทิเซียก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลองทั่วไปไม่เด่นสะดุดตาเดินมาหาเธอ

ที่ที่นัดไว้คือแถวๆ หน้าปราสาท แน่นอนว่าถึงจะไม่ใช่ภายในปราสาท แต่แถวนี้ก็ไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมามากขนาดนั้น

ทำให้รออบๆ จึงมีแค่ซิลเวียยืนอยู่คนเดียว พอเลทิเซียมาถึงก็เห็นซิลเวียในชุดลำลอง

“ขอโทษนะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”

“อืม ข้าพอจะเดาได้อยู่”

ซิลเวียรู้ว่าเลเวียเป็นเทพซึ่งเมื่อกี้เธอสัมผัสถึงเทพอีกคนได้ แถมยังมีการบันดาลโทสะออกมาใส่เลเวีย

ทำให้ซิลเวียรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็อดที่จะสงสารเลเวียไม่ได้ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามารดาคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดจริงๆ

แค่ซิลเวียนึกว่าเมื่อตัวเองกลับไปต้องเจอกับมารดาตัวเองเธอก็อดที่จะไม่อยากกลับ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอไม่อยากกลับสวรรค์

แน่นอนว่าอยุ่ร่วมกับคนอื่นมาถึงจุดนี้ เลทิเซียไม่ได้ใสซื่อขนาดที่จะไม่รู้ว่าเวลานี้ต้องทำอะไรอีกต่อไป

เพราะในอดีตเธอไม่เคยสนิทกับใคร ทำให้เธอขาดสามัญในการอยู่ร่วมกับคนอื่น แต่คราวนี้ไม่ใช่แบบนั้น

ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเลทิเซียคลุกคลีอยู่กับคนอื่นตลอดปี ทำให้เธอแทบจะกลายเป็นคนที่เข้าใจคนอื่นมากที่สุด

ถึงแม้ที่ซิลเวียใส่จะเป็นชุดลำลอง แต่มันก็คือชุดที่เห็นได้ชัดว่าเลือกมาเพราะเป็นวันพิเศษ คงไม่มีใครที่ไหนใส่ชุดสีฝ่ากางเกงสั้นไปเดทหรอก

ซิลเวียเองก็แต่งชุดที่ธรรมดาและสวยเช่นกัน..

“ชุดสบายๆ ก็เหมาะกับเธอมากเลยนะ”

“อะ.. อืม ขอบคุณ เจ้าเองก็เหมือนกัน”

ซิลเวียกล่าวตอบเลทิเซีย

“ขอบคุณนะ”

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าเมืองไป ในเมืองหลวงที่ขวักไขว่ไปด้วยผู้คนแห่งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศนี้คือหนึ่งในประเทศที่รุ่งเรืองที่สุด

ดังนั้นคนในเมืองหลวงจึงอัดแน่นไปด้วยผู้คนยิ่งกว่าในเมืองที่ตั้งอยู่แถวโรงเรียนลิเบอร์อีก

แต่ก็มีขนาดใหญ่กว่าด้วยเช่นกัน นั่นจึงทำให้แม้จะมีคนเยอะกว่า แต่ก็ไม่แออัดเหมือนเมืองนั้น มีทั้งแผงลอยที่แบ่งเป็นเขตเดินกิน เดินชม

มีเขตขายเสื้อผงเสื้อผ้า ตกแต่งหน้า ขายหนังสือ มีทั้งทางที่ขายอาหารสดหรือแม้แต่ร้านอาหารสุดหรูมากมายเต็มไปหมด

ทุกๆ ร้านล้วนเต็มไปด้วยผู้คน ถึงแม้เลทิเซียจะเป็นองค์หญิงแห่งประเทศนี้ เธอก็ไม่เคยออกมาเดินเที่ยวเลย

อันที่จริงออกมาไม่ได้หรอกตอนสมัยอายุยังน้อยๆ เพราะว่าเมืองนี้มีคนมากหน้าหลายตา ไม่มีทางที่ลูเซียโน่กับเลเวียจะปล่อยให้ลุกพวกเขามาเดินเล่นหรอก

ถึงแม้ในเมืองนี้จะมีอาชญากรรมที่น้อยนิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แถมยังมีคนนอกเมืองผ่านมาทุกวันอีก

นั่นหมายความว่าเธอไม่สามารถเป็นไกด์นำทางให้ซิลเวียได้ แน่นอนว่าซิลเวียเองก็ไม่เคยออกมาด้านนอกเช่นกัน

เพราะพวกเครื่องกินเครื่องใช้ทุกอย่างทางปราสาทจะจัดหาให้เธอเอง อันที่จริงถึงแม้ซิลเวียจะเสียความทรงจำในมุมมองของเลเวีย

แต่เลเวียก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินซิลเวีย ถึงเลทิเซียจะไม่สนใจและเคยให้ซักชุดชั้นในให้ก็เถอะ แต่สำหรับเลเวียก็ยังยำเกรงอีกฝ่ายมากอยู่ดี

ดังนั้นทั้งคู่พอก้าวเข้าเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนก็ได้แต่ยืนหันหน้ามองกัน..

“เจ้า.. เคยเข้าเมืองหรือเปล่า”

“ฉันไม่เคยหรอก.. แล้วเธอล่ะ..”

ซิลเวียส่ายหน้าตอบเลทิเซีย ทั้งสองคนยืนมองหน้ากันพร้อมกับเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก ถึงในเมืองแถวโรงเรียนลิเบอร์จะมีคนแออัด

แต่เพราะขนาดเมืองมันไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ มันเลยไม่หลง แต่เมืองนี้มองไปทางไหนก็สุดลูกหูลูกตาทำให้พวกเธออดที่จะกลัวว่าจะหลงไม่ได้

เลทิเซียไม่ได้พูดอะไร เธอยื่นมือไปจับมือของซิลเวียไว้

“อ้ะ..”

“เดี๋ยวหลงน่ะ”

“…..”

ซิลเวียเองก็ไม่ได้ขัดอะไรเธอจับมือเลทิเซียกลับบรรยากาศรอบๆ ตัวดูแปลกไปเล็กน้อย.. ซิลเวียไม่กล้าสบตาเลทิเซีย

เธอไม่รู้ว่าทำไมเลทิเซียถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้.. สำหรับเธอที่เหมือนจะถูกมองเป็นตัวเกะกะมาตลอด.. แน่นอนว่าถึงเธอจะไม่เคยย่อท้อต่อการใกล้ชิดเลทิเซีย

ตลอดหลายปีที่อยู่กับเลทิเซียที่ปฏิเสธตัวเอง จากกตอนแรกที่เธอแค่พยายามจะตีตัวเข้าใกล้เพื่อเลี้ยงดูเลทิเซีย

แต่พอผ่านไปนานเข้า ความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธมันทำให้เธอเหมือนเจอประตูที่ต้องฝ่าฟันเข้าไป.. ใช่ เธอต้องทำให้เลทิเซียไม่คิดว่าตัวเธอเป็นตัวเกะกะ

และรู้สึกว่าเธอเป็นเหมือนคนสำคัญคนหนึ่งให้ได้.. ใช่ ที่มันกลายเป็นแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะความดึงดันไม่ยอมแพ้ของซิลเวียที่มีมาตั้งแต่แรกก็ได้

พอรู้สึกเหมือนแพ้ทำให้เธอยอมรับไม่ได้ จากตอนแรกที่ต้องการดูแลก็กลายเป็นว่าอยากจะให้เลทิเซียยอมรับ

และท้ายที่สุดก็มาลงเอย.. อย่างน้อยก็อยากจะให้เธอพึ่งพาตัวเองบ้าง.. เพราะตลอดช่วงเวลาที่เติบโตมา

เลทิเซียมักจะเป็นผู้โดดเดี่ยวอยู่เสมอ.. นอกจากเลวี่แล้วเธอไม่เคยยอมรับใคร.. ใช่พอเวลาผ่านไปความรู้สึกต่างๆ นานา ของซิลเวียก็เติบโตขึ้น..

จนแค่อยากจะเห็นเด็กคนนี้ยิ้มสักครั้ง อยากให้เธอมีความสุขกับสิ่งที่เรียกว่าเพื่อนบ้างสักครั้ง..

จุดประสงค์ของผู้ทรงปัญญามักแปรเปลี่ยนตามกาลเวลาและสถานการณ์ ใช่ มันเป็นแบบนั้น เธอพยายาม.. แต่ไม่ว่าจะมากขนาดไหนก็ไม่พอ

ไม่พอและไม่พอ.. จนกระทั่งเมื่อห้าปีก่อน.. เริ่มเข้าโรงเรียน สำหรับซิลเวียแล้วเลทิเซียนั้นเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน..

ความรู้สึกที่เหมือนถูกกีดกันมันหายไป.. แต่ว่าในตอนนั้นในตอนที่มองเข้าไปในดวงตาเธอมันเหมือนไม่ใช่เลทิเซีย.. ไม่ใช่เด็กคนนั้นจริงๆ ..

อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดมรสุมไปทั่วโลก.. เด็กคนนี้ก็กลับมาอีกครั้ง เธอกลับมาพร้อมกับการแปรเปลี่ยน ซิลเวียไม่รู้เลยว่าเธอคนนี้ไปเจออะไรมาบ้าง

ถึงทำให้เธอเปลี่ยนยังกับหน้ามือเป็นหลังมือ แต่พอมองเข้าไปดวงตามันทำให้เธอได้รู้ว่า.. ใช่ นี่แหละเลทิเซีย..

ตั้งแต่นั้น เลทิเซียก็ไม่เคยทำตัวเหมือนเธอเป็นตัวเกะกะ.. เหมือนรำคาญเธอ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังอิ่มเอมใจอย่างช้าๆ …

จนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ทุกครั้งพอเด็กคนนี้ทำดีด้วย หัวใจของเธอจะเกิดความกระสับกระส่าย..

“ซิลเวีย เธอดูเหนื่อยๆ นะ”

“ซิลเวีย ฉันได้ยินว่าเธอมีปัญหาเหรอ”

“อย่ามาตลกนะ ซิลเวียเธอคือคนสำคัญของฉันเหมือนกัน”

คำพูดที่เด็กคนนี้พูดออกมา.. มันทำให้หัวใจเธอเต้นระรัว.. ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หัวใจของเธอถูกเติมเต็มจากในตอนแรกที่เป็นเหมือนตัวเกะกะสำหรับเลทิเซีย

แต่ตอนนี้กลายเป็นคนสำคัญ… ความปลื้มปีติมันอัดอั้นอยู่ในอก.. แต่แล้วจดหมายอันหนึ่งก็ลอยมาจากฟากฟ้าถึงมือเธอ…

“รีบกลับขึ้นมาบนสวรรค์”

นั่นคือสิ่งที่ทำให้ความพยายามตลอดสิบกว่าปีเหมอนจะจางหาย… จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของเธอช้าๆ

“ซิลเวีย เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้”

เลทิเซียที่เดินอยู่ข้างๆ ก็กล่าวถามด้วยความสงสัย ซิลเวียก็ได้สติกลับคืนมา เธอเช็ดน้ำตาพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงสะอึก

“ปะ.. เปล่าหรอก แค่ฝุ่นเข้าตานิดหน่อยน่ะ”

“….”

เลทิเซียมองอีกฝ่ายเงียบๆ ..ก่อนที่จะกำฝ่ามือของเธอแน่นขึ้น เลทิเซียจับมือซิลเวียลากไปยังแผงลอยเล็กพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ ขณะเดิน

มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยินราวกับโลกทั้งใบเหลือแค่พวกเขาสองคน เสียงที่แม้จะเบากลับไร้ซึ่งเสียงรบกวนภายนอก..

“อย่าเศร้าไปเลย.. ถึงเธอจะกลับไปที่นั่น.. แต่ถ้าเธอไม่ยอมกลับมาสักที ฉันจะไปลากคอเธอกลับมาอยู่กับฉันเอง เหมือนตอนที่ทำกับชาร์ล็อตไงล่ะ”

ซิลเวียที่ได้ยินแบบนั้นก็อึ้งเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหัวเราะเบาๆ

“มีแค่เรื่องเอาแต่ใจตัวเองนี่แหละ ที่เจ้าไม่เปลี่ยนไปน่ะ”

“แน่นอน.. ถ้าหากเธอหิวตอนกลางคืนขึ้นมาอีกถ้าไม่มีฉัน ก็กลัวว่าเธอจะอดอาหารน่ะสิ”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน