การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 291

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 291 – ฉันคือคนที่มาจากต่างโลก

“อันนี้ อร่อยมากเลยล่ะเลทิเซียมันคืออะไรเหรอ?”

เธอหยิบกุ้งเสียบไม้ที่ย่างสดกำลังดีมีน้ำจิ้มสุดอร่อยที่คล้ายซีฟู้ด ใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย เลทิเซียเองก็กล่าว

“เอ๊ะ เจ้านี่มัน….”

เลทิเซียแปลกใจ เธอรู้ว่าในโลกนี้มีกุ้งอยู่ แต่ว่าเพราะโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าโจรสลัดอยู่ พวกชาวประมงจึงออกทะเลไปไกลๆ ไม่ได้

ทำให้พวกเขายังไม่สัมผัสถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ากุ้ง แต่ทำไมถึงมีขายได้ล่ะ เลทิเซียกำลังจะอธิบายว่ามันคืออะไร เจ้าของร้านแผงลอยที่ขายกุ้งเสียบไม้ย่างก็พูดขึ้นก่อน

“เจ้านี่คือสิ่งที่เรียกว่าแมลงสาบทะเลน่ะ”

“แหวะ อะไรนะ เจ้าพูดว่าอะไรนะ เมื่อกี้เจ้าบอกว่าเจ้ากุ้งนี่เหมือนแมลงสาบสีดำๆ ที่น่ากลัวๆ นั่นน่ะเหรอ”

ซิลเวียคายออกมาจากปากพร้อมกับกำลังจะล้วงมือเข้าไปในคอเพื่ออ้วกออกมา เพราะหนึ่งในสิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือแมลงสาบ..

อันที่จริงบนสวรรค์ไม่มีหรอก แต่โลกนี้มีสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับโลกเดิมเลทิเซียดังนั้นจะมีแมลงสาบก็ไม่แปลกเท่าไหร่

หรือจะให้พูดก็คือเมื่อซิลเวียมาอยู่บนโลกนี้ เธอได้สัมผัสถึงสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวสุดหยั่งถึงแม้มันจะไม่ทำอันตรายเธอก็ตาม

“ใจเย็นๆ ก่อนสิ”

เลทิเซียหยุดมือซิลเวียที่กำลังจะล้วงคออ้วก

“เลทิเซีย… เจ้านี่มันอร่อยแท้ๆ .. มันอร่อยแท้ๆ ..”

เลทิเซียยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ใช่.. มันอร่อยมากเลยใช่ไหมล่ะ.. เพราะงั้นถึงจะเป็นแมลงสาบทะเลก็กินได้นะ”

“ไม่เอาาาา ข้าขอตายดีกว่า”

“แล้วก็นะ ซิลเวียสนใจแมลงสาบด้วยไหม.. ฉันได้ยินมาว่าแมลงสาบมีนมที่มีโปรตีนสูงกว่านมวัวอีกนะ”

“ม่ายยยยยยย ข้าเป็นเทพ ข้าไม่กินนมก็ตัวโตได้น่า”

ซิลเวียปฏิเสธหลังชนฝา หลังจากถูกเลทิเซียหยอกล้อในสิ่งที่กลัว แต่พอเธอพูดว่าถึงจะไม่กินนมก็ตัวโต

เลทิเซียก็มองไปที่หน้าอกของซิลเวียพร้อมกับครุ่นคิดสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะยกนิ้วแล้วพูด

“เลวี่ใหญ่กว่านี้นะ”

“เจ้า!!!”

ซิลเวียหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ หลังจากกวนจนพอใจแล้วเลทิเซียก็บอกว่าเจ้านี่น่ะคือสิ่งที่เรียกว่ากุ้งต่างหาก

ก็นะถึงจะคล้ายแมลงสาบที่อยู่ในทะเลเฉยๆ ก็จริง แต่ทัศคติต่อสิ่งนี้ของคนโลกนี้และโลกเดิมมันคือสัตว์ทะเลอย่างหนึ่ง

เลยกินได้ละมั้ง ส่วนเลทิเซียก็กินได้และไม่ได้เกลียด.. ถึงจะชอบหมึกมากกว่าก็เถอะ…

ทั้งสองคนเดินกินไปทั่วทั้งตลาดเลยก็ว่าได้ เพราะเลทิเซียไม่เคยออกมาสู่โลกภายนอกให้คนธรรมดาได้เห็นทำให้เธอไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

แน่นอนว่าคนในอาณาจักรนี้เองก็รู้ดีว่าประเทศนี้มีองค์หญิงแค่สองคน แถมตอนนี้ยังไม่อยู่เพราะไปศึกษาเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ

ผสมกับที่เลทิเซียใส่ชุดพื้นๆ มา ทำให้ไม่ดึงดูดสายตาคนอื่นมาก แต่แน่นอนว่าเพราะผมสีดำสนิทสะดุดตา มีคนเหลียวมองอยู่บ้าง

อันที่จริงถึงเลทิเซียจะไม่เคยเปิดเผยใบหน้าสู่สาธารณะชนมาก่อน แต่ชื่อเสียงของเธอก็ดังไปทั่วประเทศว่าคนพี่มีผมสีดำสนิทหน้าตาน่ารักเหนือสิ่งอื่นใด

ส่วนน้องสาวก็อัจฉริยะน้อยที่เก่งฉกาจดุจเทวาผู้เป็นที่รักจากภูต แต่เพราะทั้งเลทิเซียทั้งเลวี่มีข่าวว่าไปเรียนอยู่ต่างประเทศ

เลทิเซียที่เดินโต้งๆ อยู่ตรงนี้จึงไม่มีคนเดาได้ว่าจะเป็นองค์หญิงของอาณาจักร..

จะอย่างไรก็ตามเมื่อทั้งสองจับมือกันเดินในเมองที่ขวักไขว่ก็มีสายตาไม่มากก็น้อยมองมาที่พวกเธอทั้งสอง

“หืม เจ้านี่มัน…”

เลทิเซียเดินไปถึงแผงลอยเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่มุมสุดของตลาด

“อะไรเหรอ..อ่า กลิ่นอะไรเนี่ย”

ซิลเวียที่เดินตามหลังมาติดๆ ก็กล่าวถามขึ้น เพราะมีกลิ่นบางอย่างที่รุนแรงเตะจมูกซิลเวีย ทำให้ใช้มือปิดจมูก

เลทิเซียหยิบก้อนสีเหลือก้อนหนึ่งขึ้นมาดู ซึ่งเจ้านี่คือต้นเหตุของกลิ่นอันเหม็นฉุนที่ซิลเวียได้สัมผัส

ร้านนี้ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมาเลย เพราะว่ามีกลิ่นแรงมากทำให้คนไม่อยากเข้าใกล้ คนขายของเป็นชายชราคนหนึ่งที่แต่งตัวโทรมๆ

คงมาจากบ้านนอกนั่นแหละ ชายคนนั้นกล่าวขึ้น..

“โอ้ คุณหนูสนใจมันหรือ.. เจ้านี่คือนมแข็งที่ทำจากนมวัวน่ะ”

“นมแข็ง คืออะไรเหรอ?”

ซิลเวียกล่าวด้วยความงุนงง เลทิเซียตอบ

“ชีส… ฉันรู้แล้วว่าจะทำอะไรให้เธอทานเย็นนี้ซิลเวีย..”

“อย่าบอกนะว่า.. แต่ว่ากลิ่นมันใช่อาหารแน่เหรอ…?”

“เชื่อฉันสิ เธอจะแปลกใจกับรสชาติของมันแน่ๆ ”

“ไม่ใช่ว่าเหมือนแมลงสาบทะเลนั่นอีกนะ…”

“ไม่ใช่แน่นอน”

แต่ก็ผสมกับแบคทีเรียอยู่ดีอะนะ เลทิเซียไม่พูดออกมาแต่ก็ซื้อมาก้อนหนึ่งก่อนจะพาซิลเวียจากไป

แต่ก่อนจะไปเธอก็ทำตัวเป็นหน้าม้าให้ด้วยว่า เจ้านี่ถึงจะกลิ่นไม่ดีแต่ก็อร่อยนะ ถ้าหากเป็นคนอื่นพูดคงไม่มีคนสนใจ

แต่ด้วยความที่ทั้งซิลเวียและเลทิเซียก็สวยกันทั้งคู่ คนก็ต่างพากันมาซื้อ โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่เหมือนจะพยายามซื้อใจซิลเวีย

หลังจากพวกเธอจากมา ชายแก่คนนั้นก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยก็ว่าได้.. เลทิเซียใช่เวทมนตร์ลมห่อชีสไว้ไม่ให้กลิ่นมันรอดออกมา

“เอาล่ะ… พวกเราไปหาร้านอาหารที่ไหนทานอาหารเย็นกันเถอะ”

“โอ้!!!”

เลทิเซียกล่าวเสร็จซิลเวียก็พยักหน้า วันนี้เธอเตรียมทองมาเพื่อทานทโดยเฉพาะ แม้วันนี้ทั้งวันเธอจะทานอาหารมาตลอด

ตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงจนตอนนี้ตะวันแทบลาลับขอบฟ้าแล้วก็ตาม ท้องเธอก็ยังรู้สึกว่าตนเองนั้นสามารถกินได้อีก

แต่ในขณะที่เดินๆ อยู่นั้นเองซิลเวียที่เงียบมาตลอดทางก็พลันเรียกชื่อเลทิเซียขึ้นกะทันหัน…

อันที่จริงเธอไม่ค่อยอยากจะถาม.. แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา..

“เลทิเซีย… เธอน่ะ—”

“ทำไมถึงรู้อะไรหลายๆ อย่างที่ไม่ได้มีในบทเรียนงั้นเหรอ”

ก่อนที่ซิลเวียจะได้ถามเลทิเซียก็ชิงพูดมาก่อน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซิลเวียสงสัยแบบนี้.. แต่อาจจะเป็นเพราะครั้งนี้นั้นแตกต่างออกไป..

พวกเธอทั้งสองนั้นอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วก็ได้ ดังนั้นซิลเวียจึงรวบรวมความกล้าถามออกไป…

“อืม… แต่ถ้าเจ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร..”

แน่นอนว่าทุกคนมีความลับของตัวเอง แม้แต่ซิลเวียก็เช่นกัน เพียงแค่ว่าเธอกลับเลือกที่จะไม่ปิดบังเลทิเซียอีกต่อไป

ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นไว้ใจเลทิเซียยิ่งกว่าใครบนโลกใบนี้..

และเรื่องนี้ทำไมเลทิเซียจะไม่รู้ เธอรู้อยู่แล้ว.. ฝีเท้าของเธอหยุดเดินลงพร้อมกับหันหน้ามาหาซิลเวีย

“ฉันคือคนที่มาจากต่างโลก”

เลทิเซียตอบออกไปโดยไม่ปกปิด ความจริงเธอคิดจะบอกคนสำคัญของเธอไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วสำหรับเรื่องนี้

แต่เธอแค่ไม่รู้จะบอกกล่าวยังไง.. อีกทั้งลึกๆ ภายในใจเธอยังกลัวด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น…

แต่เมื่อซิลเวียแสดงความเชื่อใจออกมา เลทิเซียจึงกล้าที่จะบอกกล่าวออกไปตรงๆ เช่นกันเมื่อเธอถาม..

แต่น่าตกใจที่ซิลเวียไม่ได้แปลกใจอะไรขนาดนั้น.. เธอเพียงกล่าวถามสั้นๆ ว่า..

“แต่ตอนที่พวกเราเจอกันเจ้ายังเด็กอยู่เลยนะ.. เจ้าถูกอัญเชิญมา..”

“เปล่า.. ฉันเป็นผู้กำเนิดใหม่น่ะ”

“เอ๊ะ.. แบบนั้นเป็นไปได้ด้วยเหรอ”

“ก็เป็นไปแล้วนี่นะ”

“นั่นสิ”

ทั้งคู่กล่าวถามตอบเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ได้เหนือจินตนาการขนาดนั้น ส่วนหนึ่งเพราะซิลเวียเป็นเทพสามัญของเธอจึงอยู่เหนือโลกแห่งนี้มากนัก

ดังนั้นสำหรับคนปกติที่อาจจะตกใจ แต่เธอก้หาได้ตกใจไม่.. หลังจากที่พวกเธอถามตอบเป็นเรื่องปกติก็มองหน้ากัน…

ก่อนที่จะ..

“ฮ่าๆ ไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้นะ”

“นั่นสิ ข้าเองก็คิดเหมือนกัน”

ทั้งคู่หัวเราะ.. โธ่.. ซิลเวียกลัวว่าเลทิเซียจะปฏิเสธที่จะคอบจึงไม่กล้าถามเพราะกลัวจะทำให้เธอโกรธ

เลทิเซียเองก็กลัวที่จะโดนมองแบบที่ต่างงออกไป.. แต่พอมาพูดกันตรงๆ แล้วมันกลับง่ายดายขนาดนี้ ไม่มีระลอกอะไรทั้งสิ้น..

ทั้งคู่มองหน้ากันเลทิเซียยกมือขึ้นซิลเวียก็วางมือบนมือของเลทิเซีย.. ทั้งคู่มองหน้ากัน… ราวกับโลกทั้งใบหยุดนิ่ง…

แต่ทว่า…. ความสุขนั้นมักผ่านไปไวดุจกะพริบตาลำแสงสีขาวลึกลับพุ่งโจมตีใส่ซิลเวียอย่างรุนแรง แต่ทว่าดวงตาเลทิเซียหรี่ลงเธอฉุดดึงซิลเวียเข้ามาใกล้ตนเอง

และพอซิลเวียรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองลอยอยู่บนฟ้าเสียแล้ว.. แทบจะในพริบตาเดียวกันนั้น.. เสียงของโซ่ก็กระทบกันพลันบังเกิดขึ้นเหนือหัวซิลเวีย

“เคร้ง”

เลทิเซียตอบสนองด้วยความเร็วสูงผลักซิลเวียออกด้านข้าง แต่เงานั้นไม่ได้เล็งที่ซิลเวียมันโจมตีใส่ใบหน้าเลทิเซียอย่างรวดเร็ว

กำปั้นที่รวดเร็วเหนือแสงปะทะเข้ากับใบหน้าเลทิเซียจนร่วงดิ่งลงกับพื้นราวกับอุกกาบาต

“ตู้ม!!!”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท