การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 307

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 307 – ความแข็งแกร่งของศัตรู

“เจ้ารู้อะไรไหม?”

ร่างเลทิเซียที่อยู่ในสภาพไม่สู้ดีเท่าไหร่นักล้มพับลงกับพื้นพร้อมกับอยู่ในสภาพที่ปางตายโดยสิ้นเชิง

“ตั้งแต่ที่ข้าได้หลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่าแห่งนี้ทำให้ข้าได้รับรู้บางสิ่งบางอย่างเข้า”

“ข้าได้รู้ว่าโลกที่เราเห็นอยู่นี้ไม่ได้มีแค่สี่มิติเพียงเท่านั้น แต่ยังมีแกนมิติที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอีกตั้งหาก”

“อืม บางทีเจ้าคงรู้นะ เพราะโลกนี้ไม่เหมือนกับโลกที่ข้าคอยอยู่เพราะว่าโลกของพวกเจ้าไม่มีการแบ่งแยกที่ชัดเจน”

“แต่ในโลกของข้านั้น หากข้าเป็นคนธรรมดาข้าไม่มีทางรับรู้ว่ามิติที่สูงกว่าเป็นยังไงอย่างแน่นอน แต่โลกนี้บรรทัดฐานนั้นเหมือนจะหายไป”

“ใครๆ ก็สามารถรู้จักและพูดคุยกับตัวตนที่เหนือกว่าตนเองได้ เช่นเจ้ากับผู้หญิงคนนั้น”

อีกฝ่ายกอดอกกล่าวพลางหันไปมองซิลเวียที่นอนมอบอยู่กับพื้นก่อนที่จะกล่าวบรรยายต่อ

“แต่เพราะการลงมายังโลกเบื้องล่างถูกกำหนดไว้โดยกฎของโลกเทพบังคับเอาไว้ บางทีนั่นคงเป็นสิ่งที่ต้นกำเนิดต้องการ”

“จะพูดให้ถูกก็คือ พวกเทพที่เจ้ารู้จักกันน่ะหากอยู่ในแดนเทพพวกมันสามารถทำอะไรกับเจ้าก็ได้ เพียงแค่อยู่ในฐานะผู้สังเกตและผู้เฝ้ามองเท่านั้น”

“ไอ้แนวคิดที่เรียกว่าการแข็งแกร่งถึงระดับเทพที่พวกเจ้าพูดถึงมันแค่เป็นการเปรียบเทียบพลังของพวกเทพในมุมมองของพวกเจ้า อันที่จริงพลังมากมายไร้ขีดจำกัดของพวกเจ้านั้นไม่ต่างอะไรจากมดปลวกในสายตาพวกมันเลย”

“เจ้าอาจจะตั้งคำถามขึ้นมาว่า แล้วถ้าเทพมันแข็งแกร่งขนาดนั้นยังมีอะไรมาจำกัดกรอบมันได้?”

“นั่นเป็นเพราะยังมีสิ่งที่เหนือพวกมันอีกยังไงละ”

พอมันกล่าวเสร็จก็ก้มมองเลทิเซีย แน่นอนว่าที่มันกล่าวเช่นนี้เป็นการยืนยันว่าคำพูดของซิลเวียที่เคยเล่าไปก่อนหน้านี้ถูกอยู่

และคำพูดของมมันหลังจากนั้นก็แทบจะเหมือนคำพูดของซิลเวียทุกอย่างเลยก็ว่าได้ ไม่ว่ากาลเวลาที่เหนือขึ้นไปอีกของมิติที่สูงกว่า

หรือความไร้ขอบเขตของแกนมิติ ซึ่งมันไม่ได้กล่าวถึงต้นกำเนิดที่สูงขึ้นไปอีก ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ามันจะไม่รู้จัก

หรือไม่ก็ต้นกำเนิดที่สูงขึ้นไปอีกไม่มีมาตั้งแต่แรกนั่นเอง

“และความว่างเปล่าแห่งนี้…ไม่ได้เกิดมาจากต้นกำเนิดแต่อย่างใด มันเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่แรกแล้ว ครอบคลุมต้นกำเนิดแห่งนี้เป็นนความว่างเปล่าไร้ขอบเขตอย่างแท้จริง”

“หากพระเจ้าผู้รังสรรค์ต้นกำเนิดมาอีกที บางทีความว่างเปล่าแห่งนี้ก็จะกลืนกินโลกแห่งความเป็นจริงในสักวันเหมือนกับเป็นระบบทำลายตัวเอง”

มันกล่าวแบบนั้นแล้วก็ยิ้ม… เรื่องนี้ขัดกับที่ซิลเวียบอกเลย แต่ก็อาจจะฟังดูสมเหตุสมผลกว่าเพราะว่าการสร้างทำไม่ได้ในที่แห่งนี้

แต่ถ้าหากยังเป็นต้นกำเนิดอยู่แล้วมีกฎเกณฑ์ของต้นกำเนิดเข้ามาที่นี่ได้แบบนั้นจะเรียกว่าเป็นความว่างเปล่าได้ยังไงละ

พอคิดแบบนั้นมันก็ทำให้สามารถเข้าใจได้ว่าทำไม.. อีกอย่างถ้าหากเจ้านี่พูดเป็นจริงละก็ หมายความว่าที่นี่ไม่เกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดที่สูงขึ้นไป

ซึ่งทำให้เลทิเซียมั่นใจว่าตัวตนเช่นนั้นไม่ได้มาอยู่ในที่แบบนั้น… แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าที่แบบนั้นจะไม่มีมาแต่แรกเช่นกัน

แต่แน่นอนเลทิเซียไม่คิดจะตัดความเป็นไปได้ดังกล่าวทิ้งอย่างแน่นอน ก่อนที่มันจะกล่าวขึ้นต่ออีกว่า

“พูดอีกอย่างก็คือ.. ข้าในตอนนี้มีพลังที่เหนือกว่าต้นกำเนิดทั้งหมดแล้วยังไงละ และเจ้าก็ไม่มีทางต่อกรกับข้าได้อย่างแน่นอน”

ที่มันอธิบายซะยืดยาวเพราะมันจะแสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นของมันและเลทิเซียว่า ตัวเลทิเซียที่เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ต่ำที่สุด

จะมาริอาจมาสู้กับมันที่หลอมรวมเข้ากับระบบที่มีมาไว้เพื่อทำลายล้างต้นกำเนิดได้อย่างไร

เพียงแต่เลทิเซียรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว ถึงจะไม่รู้เรื่องความว่างเปล่าที่เข้าใจผิดตอนแรก แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายขนาดนั้น

ดังนั้นเลทิเซียจึงไม่ได้เปลี่ยนสีหน้า..ก่อนที่ในเวลาต่อมาเลทิเซียจะเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ

“……”

เลทิเซียไม่ได้พูดอะไรแม้สภาพเธอจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ต้องขอบคุณโลกแห่งนี้ที่ทำให้เธอไม่ตาย

ถึงแม้จะเจ็บเจียนตายก็ตามที พอมันเห็นแบบนี้มันก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เลทิเซียไม่กลัวจนตัวสั่น

สิ่งที่มันอยากจะทำกับเลทิเซียคือการล้างแค้น และล้างแค้นไอ้คนที่ผนึกมันไว้.. มันตัดสินใจแล้วว่าต้องทำให้พวกคนที่ทำให้มันมาเจออะไรแบบนี้ต้องทรมานแบบเดียวกับมัน

ก่อนที่มันจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนที่จะหันไปมองซิลเวียพลางครุ่นคิดเลทิเซียที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจ

แต่ยังไม่ได้แสดงสีหน้ามาก ทว่าพริบตาต่อมานั้นเองหมึกยักษ์ในร่างมนุษย์ก็โบกมือหนึ่งครั้งร่างของซิลเวียที่ถูกกดติดกับความว่างเปล่าจนขยับไม่ได้ก็ถูกฉุดกระชากอย่างรุนแรง

จนลอยมาหามันด้วยความเร็วสูง และคอของซิลเวียก็ถูกคว้าจับด้วยมือข้างซ้ายของมันก่อนจะหันมาทางเลทิเซีย

“ดูสิ ข้าเห็นว่าเจ้าค่อนข้างที่จะห่วงไอ้เทพคนนี้น่าดูเลยนะ?”

“…..”

เลทิเซียมองไปที่อีกฝ่ายโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ซิลเวียพยายามจะดิ้นรน แต่ก็ราวกับเป็นเด็กน้อยดิ้นในมือผู้ใหญ่

เทพที่แข็งแกร่งผู้มากด้วยพรสวรรค์อย่างเธอคงจะเป็นการยากที่จะมาเจออะไรแบบนี้เป็นแน่

หากใครมาเห็นคงได้แต่ตกตะลึง แต่มันเกิดขึ้นแล้ว เพราะอีกฝ่ายนั้นอยู่เหนือกว่าทุกผู้ทุกคนที่พวกเลทิเซียและซิลเวียได้เจอมา

มันจ้องที่รอยแผลที่ท้องซิลเวียก่อนที่จะใช้มือขวาแทงเข้าไปในรอยแผลนั้นอย่างรุนแรงจนซิลเวียตาเบิกกว้าง

ถึงเวลาเธอต่อสู้จะไม่ได้บ้าคลั่งหรือรุนแรงเหมือนเลทิเซีย แต่เธอก็มีประสบการณ์จากสงครามจริง เธอกัดฟันจนดังกรอด

“เก่งแค่ในถิ่นตัวเอง ทั้งๆ ที่เคยแพ้ไปแล้วครั้งหนึ่ง”

ซิลเวียที่ฟังการคุยกันของอีกฝ่ายก็พอจะเดาได้ว่าเมื่อห้าปีก่อนเกิดอะไรขึ้น อันที่จริงเธอก็เห็นหมึกยักษ์ปกคลุมท้องนภาตอนนั้น

และมีปีศาจตนหนึ่งที่ลบมันออกจากโลก และฟังจากที่เลทิเซียกับหมึกยักษ์รูปร่างมนุษย์คุยกันเธอก็พอจะเดาได้

ซิลเวียจึงกล่าวถมถุยอีกฝ่าย.. แน่นอนว่าหากเป็นทสึรุหรือเลวี่มาอยู่ที่นี่ เธอก็จะทำแบบเดียวกันกับซิลเวีย..

ทุกอาการบาดเจ็บของเลทิเซียเกิดขึ้นในสายตาเธอ เธอโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้.. ทั้งที่อายุเยอะกว่า ทั้งที่สัญญาไว้ว่าจะดูแล..

ทั้งที่เป็นแบบนั้น เธอโกรธตัวเองที่ไร้พลังเหนือสิ่งอื่นใดโกรธไอ้สัตว์ประหลาดตรงหน้านี้ยิ่งกว่า.. ซิลเวียถุยน้ำลายใส่หน้ามัน

แต่น้ำลายนั้นลอยไปไม่ถึงมัน ก่อนที่วินาทีต่อมาหนอนสีดำแบบเดียวกับของเลทิเซียจะปรากฏขึ้นในช่องท้องซิลเวีย

ความเจ็บแสบที่จะบรรยายแผ่นซ่าน ราวกับมีแมลงตัวเล็กๆ มากัดบาดแผลที่อยู่ตรงท้องเสียงกรีดร้องอันทรมานดังขึ้น

“อ้ากกกกก”

ต่อให้เป็นซิลเวียที่มากประสบการณ์ก็ตามเมื่อพบเจอกับสถานการณนี้เธอก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“แก!!!!”

เลทิเซียที่มองทุกอย่าง.. ภาพในอดีตลอยขึ้นมาอีกครั้ง.. เสียงร่ำไห้ของสเตฟานี่ เสียงความเสียใจของเซเรส..ความตายที่สุดแสนจะโหดร้ายของโคลเอ้

ไม่ เธอต้องปกป้อง.. เธอไม่อาจใจเย็นต่อสถานการณ์นี้อีกต่อไป เลทิเซียตะโกนด้วยความโกรธพยายามจะฝืนลุกขึ้นมา

“ฮ่าๆ เยี่ยมๆ ”

ราวกับได้พบเจอกับสิ่งที่ตนโหยหายมันหัวเราะอย่างชั่วร้าย ก่อนที่จะใช้มือบีบคอซิลเวียเอาไว้จนเธอไม่สามารถเปล่งเสียงได้

แม้ที่แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องหายใจ แต่ทว่าบางครั้งการกรีดร้องก็สามารถระบายความเจ็บปวดบางอย่างได้

แต่ทว่ามันกลับบีบคอซิลเวียให้เสียงกรีดร้องของเธอไม่สามารถเปล่ง ตาของซิลเวียแทบถลนออกจากเบ้า

เธอพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดทรมานภายใต้เงื้อมมือของอีกฝ่าย แต่มันกลับยังหัวเราะอย่างสะใจ

เพราะเลทิเซียในตอนนี้ก็ตะโกนเสียงออกมาจากลำคอด้วยความโกรธ.. และความบ้าคลั่ง…เดือดดาลอย่างงถึงที่สุด

เธอไม่อยากเห็นอีกแล้ว..น้ำตาของคนสำคัญ.. น้ำตาของเพื่อนคนสำคัญ

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน