การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 311

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 311 – การตอบโต้

“หมายความว่าไง?”

“ฉันเองก็ไม่รู้…”

ซิลเวียกล่าวถามด้วยความสงสัย แต่เลทิเซียก็ไม่รู้คำตอบได้แต่ส่ายหน้า อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะพยายามใช้ความคิดขนาดไหนก็ไม่อาจคิดหาคำตอบได้

บางทีมันอาจจะเป็นปาฏิหาริย์ ถึงแม้ความว่างเปล่าไม่ควรจะมีมันก็เถอะนะ ขณะที่ทั้งคู่มองหน้ากัน

ในขณะที่ทั้งคู่จ้องมองกันซิลเวียกำลังจะพูดอะไรบางอย่างนั้นเอง เสียงตะโกนคำรามแห่งความโกรธก็ดังขึ้นไปทั่วสารทิศ

ทุกอย่างต่างพากันสั่นไหวราวกับความว่างเปล่ากำลังโกรธแค้น.. หากเข้าใจไม่ผิดเหมือนอีกฝ่ายจะหลอมรวมกับความว่างเปล่าแห่งนี้

แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันอาจจะเป็นเพราะเจ้าปีศาจตนนี้มีอะไรที่ต่างจากปกติ มันเลยกลืนกินความว่างเปล่า

ไม่สิ จะเรียกว่ากลืนกินคงไม่ใช่ คงเรียกว่าหลอมรวมเสียมากกว่าละมั้ง พูดอีกอย่างก็คือ… ความว่างเปล่าแห่งนี้เปรียบเสมือน.. สวนหลังบ้านของมัน

เสียงคำรามที่ไม่เป็นคำนั้นดังออกมาจากทั่วสารทิศ ไม่มีทิศทางที่แน่นอน มันเต็มไปด้วยความโกรธ

นั่นแน่นอนอยู่แล้ว สำหรับมันที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียมทาน ไม่ว่าจะเป็นปีศาจจากไหนก็ไม่อาจจะชนะมันได้

สิ่งเดียวที่อยู่เหนือมันคงมีแต่มังกรระดับสูงๆ ซึ่งแน่นอนว่าพวกมังกรนั้นหากจะสู้กับมันยังต้องคิดแล้วคิดอีก

มันมองทุกคนอยู่ต่ำกว่าตัวเองเสมอ แต่ทว่าครั้งหนึ่งมันได้แพ้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งเข้า.. มันคือความอัปยศของมัน

เป็นแค่สิ่งมีชีวิตเดินสองขาไร้กำลัง ผนึกมันไว้ได้ ทำให้ความหยิ่งยโสโอหังมันนั้นกรีดร้อง

และพอมันถูกปลดผนึกออกมา.. มันกลับพบเจอศัตรูอีกคนที่เก่งกว่า ไม่เพียงเท่านั้นมันยังเกือบถูกฆ่า ไม่สิ

ถูกฆ่าไปแล้ว แต่โชคยังดีที่มันได้หลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่า ดังนั้นความเกลียดชังที่มันมีต่อเลทิเซียจึงมีมาก

ความเจ็บปวด ความอัปยศ ความบ้าคลั่ง… มันต้องไม่เป็นแบบนี้ มันต้องอยู่บนจุดสูงสุด.. ต้องจุดสูงสุดเท่านั้น เพื่อเหตุนั้นมันจึงยอมทำทุกอย่าง

ดังนั้น..ต้องล้างแค้นให้ได้ แต่มีหรือที่มันจะฆ่าแล้วก็จบแค่นั้น ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่.. มันต้องอยู่จุดสูงสุดเหนือผู้อื่น.. ทุกคนต้องเงยหน้ามองมัน.. ดังนั้นมันไม่ยอมให้ตายง่ายๆ แน่นอน

ตลอดชีวิตที่นับแต่ได้พลังอันแข็งแกร่งมา.. มันไร้เทียมทานมาตลอด กลับมาแพ้ให้กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ที่มันเกลียดนักเกลียดหนาเสียนี่.. พอเลทิเซียปรากฏขึ้นต่อหน้ามัน มันจึงดีใจ ไม่คิดวา.. ฟ้าจะประทานศัตรูเก่ามาให้ขนาดนี้

ตัวมันที่แทบจะแข็งแกร่งและไร้เทียมทานที่สุด บางทีแม้แต่ไอ้ผู้หญิงที่ผนึกมันไว้คงจะขอร้องอ้อนวอนให้มันไว้ชีวิตก็ได้

แค่คิดแค่นั้นความโกรธของมันราวกับได้บรรเทาจึงหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจแล้ว

แน่นอนว่าพอมาพบกับศัตรูเก่า สำหรับมันพวกคนเหล่านี้ไม่ต่างจากมดปลวก แม้แต่ซิลเวียที่เป็นเทพมันก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวแม้แต่น้อย

เพราะมันในตอนนี้คือผู้ควบคุมความว่างเปล่า.. ที่จะนำพาต้นกำเนิดไปถึงจุดสิ้นสุด!!

แต่ทว่ามดปลวกที่มันดูถูกนักดูถูกหนากลับทำลายดวงตาของมันเสียยับเยิน ความเกลียดเก่าทับถมกับความเกลียดใหม่

อันที่จริงแม้แต่ตัวมันก็ยังไม่รู้ ความเกลียดชังที่มีต่อเลทิเซียและคนที่ผนึกมันนั้น ไม่ได้มาจากตัวมันเพียงอย่างเดียว

แต่มาจากความว่างเปล่านี้ต่างหาก.. จะพูดให้ถูกคือความว่างเปล่านี้เปรียบเสมือนด้านตรงกันข้ามของต้นกำเนิด

ต้นกำเนิดจะรังสรรค์ทุกอย่างไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด.. ไม่มีจุดจบจะขยายไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด.. นั่นคือความจริง..

แต่ว่าความว่างเปล่านี้นั้นถือกำเนิดมาเพื่อกลืนกินต้นกำเนิด.. ไม่สิ ถ้าจะให้พูดคือมันเพียงแค่ต้องการทำให้ ‘ความมีอยู่’ ทั้งหมดหายไป

แทนที่ด้วย ‘ความว่างเปล่า’ ของมัน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งเลทิเซียและผู้หญิงที่เคยผนึกมันล้วนเป็นการดำรงอยู่รูปแบบหนึ่ง ซึ่งมันขัดต่อความว่างเปล่า

ดังนั้นเจ้าปีศาจหมึกจึงต้องการทำลายเลทิเซีย หรือทำลายทุกอ่างที่มีการดำรงอยู่หรือเป็นความเป็นจริงรูปแบบหนึ่งนั่นแหละ

อีกทั้งตัวมันเองยังเกลียดชังเลทิเซียเข้าไส้ ด้วยปณิธานของความว่างเปล่าและตัวมันเองจึงทำให้ตัวตนของมันบิดเบี้ยวไปมากพอสมควร

ทำให้มันในตอนนี้เต็มไปด้วยความต้องการทำลายล้าง แต่ก็เกลียดชัง แปรเปลี่ยนบิดเบี้ยว.. ตัวมันในตอนนี้.. ต้องการจะทำให้ศัตรูทุกคน.. เจ็บปวดทรมานดั่งที่มันได้เจอ

และตอนนี้ซิลเวีย ก็เป็นหนึ่งในนั้น!!

เสียงคำรามแห่งความบ้าคลั่งสั่นสะเทือนไปทั่วความว่างเปล่าราวกับทุกอย่างต้องการจะทำลายทั้งสอง ต้องการจะลบทั้งสองออกไปจากทุกสรรพสิ่ง

“ข้าจะ.. ไม่ให้พวกเจ้า.. ตายดี!”

สิ้นเสียงคำรามนั้นเงามหึมาพลันปรากฏขึ้นห่างออกไปไม่ใกล้ไม่ไกล ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่จนมองไม่ออก

อาจจะเป็นเพราะที่แห่งนี้นิยามคำว่าขนาดไม่ได้ทำให้ไม่อาจจำแนกได้ว่ามันขนาดเท่าไหร่ แต่มันขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตาไม่ผิดแน่

มันไม่ได้ปรากฏตัวในรูปลักษณ์ของหญิงสาวอีกต่อไป แต่เป็นหมึกยักษ์ที่มีขนาดตัวใหญ่โตจนแทบจะมองไม่เห็นขนาดที่แท้จริงได้

ไม่เพียงแค่นั้นผิวหนังมันยังมีสีดำสนิทราวกับกลืนกินเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่า แต่ก็สามารถจำแนกได้ว่ามันคือรูปร่างยังไง

และที่น่าตกใจคือบนหน้าของหมึกยักษ์กลับมีรอยแผลไหม้อยู่ แน่นอนว่าไฟแห่งการทำลายล้างไม่อาจจะแผดเผาความว่างเปล่าได้

แต่มันไม่ใช่ความว่างเปล่า เพียงแค่กลายเป็นส่วนหนึ่งของความว่างเปล่าเท่านั้น กล่าวคือแม้ความว่างเปล่าจะสามารถนำพาต้นกำเนิดไปสู่จุดจบได้

แต่มันไม่อาจทำ ถึงแม้มันจะเก่งกว่าทุกคนในต้นกำเนิดแต่ไม่ได้แปลว่ามันเหนือกว่าต้นกำเนิดแต่อย่างใด!

ดังนั้นเพลิงแผดเผาที่เผาได้แม้กระทั่งความเป้นจริงนั้นจึงสามารถแผดเผาตัวของมันได้และไม่อาจจะรักษาให้หายได้!!

ดังนั้นความโกรธทั้งหมดของมันในตอนนี้จึงพุ่งดิ่งลงไปที่ซิลเวีย แต่ยังไม่ทันให้เลทิเซียกับซิลเวียได้ตอบสนอง

โลกแห่งความว่างเปล่าพลันแปรเปลี่ยนตามประสงค์ของหมึกยักษ์ แม้จะยังเป็นความว่างเปล่าแต่ราวกับความว่างเปล่าแห่งนี้มรทั้งพื้นและท้องฟ้า

และร่างกายของซิลเวียและเลทิเซียสามารถกลับมาขยับได้ตามปกติ ราวกับมันสร้างทางหนีให้พวกเธอ

“นี่มัน….เกิดอะไรขึ้น”

“ซิลเวีย ระวัง!!”

ซิลเวียที่มัวแต่ตกใจกับสถานกกการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ก้ได้ยินเสียงร้อนรนของเลทิเซียดังขึ้นมา

ก่อนที่ข้างหูเธอจะรู้สึกราวกับโดนแรงกระแทกบางอย่างใส่กลางหลังอย่างรุนแรง ‘ปัง’ เสียงกระแทกที่รุนแรงดีดเอาร่างของเธอปลิวราวกับเศษใบไม้

ร่างของซิลเวียที่กระเด็นเพราะแรงกระแทก ถูกเลทิเซียที่วิ่งมารับเอาไว้แต่เพราะแรงที่มากกเกินไปจนไถลไปกับพื้นทำให้เท้าของเลทิเซียเกิดรอยแผลถลอกปอกเปิดจนน่ากลัว

ยังไม่ทันให้ทั้งสองได้ตั้งตัว เงาร่างที่ใหญ่โตไม่เห็นจุดสิ้นสุดนั้นสลายหายไปจากที่เดิม และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่เงาร่างของสตรีนางหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังพวกเลทิเซีย

เลทิเซียตอบสนองด้วยความเร็วสูง หันไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับกำหมัดต่อยสวนออกไปอย่างรุนแรง

น่าเสียดายที่ร่างกายเลทิเซียไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นหากไม่มีเวทมนตร์ เพราะในจังหวะที่ต่อยออกไป เงาร่างนั้นก็ต่อยสวนกลับมาเช่นกัน

หมัดของเลทิเซียกับหมัดของศัตรูปะทะกันอย่างจัง แต่ก็ตามมาด้วยฉากที่ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่เพราะจังหวะเดียวกัน

มือขวาเลทิเซียก็แตกฉีกเป็นแผลยาวราวกับต่อยเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่ที่พุ่งมาเลยก็ว่าได้ ตามมาด้วยเสียง ‘กรอบ’ มือขวาของเลทิเซียแตกหักอย่างน่ากลัว

แต่มีหรือเลทิเซียจะไม่รู้ขีดจำกัดของตนเอง เพราะในจังหวะต่อมามือซ้ายของเลทิเซียนั้นตวัดไปเบื้องหน้าราวกับจะใช้เล็บตัวเองซ้ำใส่ดวงตาอีกฝ่าย

แต่ทว่ามันเองก็ไม่โง่เช่นกัน มันดูถูกเลทิเซียผ่านสายตาก่อนที่จะโยกหัวหลบ ส่งผลให้มือซ้ายเลทิเซียนั้นคว้าพลาดไม่โดนใบหน้ามัน

ถึงมันจะเคยต่อสู้กับเลทิเซียมาก่อน และรู้ว่านังเด็กนี้มีไม้ตายซ่อนไว้ขนาดไหน ถึงสำหรับมันในตอนนี้พวกไพ่ตายอะไรนั่นจะไม่ต่างอะไรจากละครปาหี่เพราะความต่างของพลังก็ตาม

แต่ทว่ายังมีสิ่งที่มันคาดไม่ถึงคือ.. พริบตาที่เลทิเซียคว้าพลาดมือซ้ายไม่ได้หยุดลงเพราะมันยื่นไปจับแขนขวาที่แตกหักของตัวเอง

ก่อนที่เลทิเซียจะหักแขนตัวเองอย่างโหดร้าย.. ไม่มีอาวุธ ไม่มีศาสตราหรือแม้แต่พลัง.. ของแข็งเพียงอย่างเดียวในร่างกายคือฟันและ…กระดูก!

ในชั่วพริบตาที่เธอหักแขนตัวเองกระดูกที่ถูกหักก็เผยออกมาจากแขนขวาที่แตกหักเธอใช้แขนขวาแทงเข้าไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย

มันเบิกตากว้างเล็กน้อย แต่ในพริบตาต่อมามันก็หัวเราะ

“มีปัญญาดิ้นรนได้แค่นี้สินะ”

แต่เลทิเซียก็จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตามืดมัวและเต็มไปด้วยความเด็ดขาดและดุร้าย..

“ดูเหมือนว่าแก.. จะยังมีร่างกายอยู่สินะ”

ทันทีที่เลทิเซียกล่าวแบบนั้น หมึกยักษ์ในรูปร่างสตรีก็สีหน้าแปรเปลี่ยน ยังไม่ทันได้กล่าวคำอะไรร่างกายของมันก็มีเลือดไหลออกจจากรูขุมขนทุกจุดบนร่างกาย

เลือดสีแดงฉานอาบไปทั่วร่างกายของมันในทันที

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท