การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 313

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 313 – นิล

ขณะเดียวกันนั้นเองหลังจากที่เลทิเซียจากไป เจ้าหมึกยักษ์ในร่างมนุษย์ที่ตาบอดนั่นก็มาถึงที่เลทิเซียอยู่ก่อนหน้านี้

“คิดว่าจะหนีข้าพ้นในพื้นที่ของข้างั้นเหรอ..”

มันหัวเราะอย่างสมเพช ก่อนที่จะหลับตาลงพลังทั้งหมดแผ่ขยายไปทั่วพื้นที่.. โลกแห่งนี้กว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุดอย่างแท้จริง

นอกเมืองยังมีทะเลที่ทอดยาวไปอย่างไร้สิ้นสุด และนี่คือโลกที่มันสร้างขึ้นแน่นอนว่าทุกอย่างในโลกนี้มันล้วนสามารถรับรู้ได้ทั้งหมดแม้แต่เสียงลม

แต่ทว่าพอมันพยายามจะมองหาเลทิเซียมันก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ก่อนที่ความประหลาดใจนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ

และสุดท้ายก็เต็มไปด้วยความสับสน..

“ทำไม….”

“ทำไม.. ข้าหาพวกมัน..ไม่เจอ?”

ในขณะที่มันสับสนนั้นเองสายตาของมันก็กวาดไปทั่วพื้นที่ก่อนที่ดวงตามันจะหรี่ลง.. ดวงตาที่มากด้วยความสับสนยิ่งว้าวุ่นใจขึ้นไปอีกด้วยเหตุผลบางอย่าง

“นี่มัน…”

มันพยายามควบคุมอารมณ์และกลับมาคิดเรื่องเลทิเซีย มันพยายามหายังไงก็หาพวกสองคนนั้นไม่เจอ

อาจจะเพราะในตอนนี้มีบางสิ่งบางอย่างกวนใจมันอยู่ก็ได้เลยทำให้มันหาพวกเลทิเซียไม่เจอ.. หลังจากครุ่นคิดอยู่นานสิงนานมันก็ควบคุมสติอารมณ์ได้

“เอาเถอะ.. ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะหนีจากกำมือของข้ายังไง..”

มันหัวเราะพร้อมกับฉีกยิ้มความกระวนกระวายในตอนแรกหายไปแล้ว ..

……

หลังจากเลทิเซียจากมา เพราะความเร็วซิลเวียไม่ได้ดั่งใจเลทิเซียจึงจับมือของเธอหลบหนีออกห่างจากจุดที่เจ้าหมึกยักษ์นั้นอยู่ด้วยความเร็วสูงสุด

หลังจากผ่านไปไม่นานเธอก็ข้ามผ่านเมืองแห่งนี้ไปมากกว่าครึ่งแล้ว.. แต่ทว่าเมืองนี้ไม่ได้เล็กแต่อย่างใด

แม้จะเป็นซากปรักหักพังไปแล้วยังแทบมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของเมือง บางทีมันคงใหญ่พอๆ กับประเทศขนาดใหญ่ประเทศหนึ่งได้เลย..

ขณะเดียวกันเลทิเซียก็เกิดความสงสัย

“เมืองใหญ่ขนาดนี้.. ดูแลกันได้ยังไงตอนที่ยังรุ่งเรือง..”

แต่ยังไงซะนี่ก็เป็นแค่โลกที่เจ้าหมึกนั่นสร้าง บางทีมันอาจจะสร้างขึ้นมาแบบไม่คิดอะไรก็ได้..

แต่ก่อนอื่น.. เด็กคนนี้.. เลทิเซียมองลงไปยังเด็กผู้หญิงผมสีดำสนิทไม่ทอแสง ดวงตาสีดำราวกับความว่างเปล่าอันไกลโพ้น

ขณะเดินทางเลทิเซียพยายามถามซิลเวียอยู่หลายรอบแล้ว แต่เหมือนเธอจะมองไม่เห็นจริงๆ

“นี่มันหมายความว่าไง?”

“จู่ๆ ก็มีโลกขึ้นมา จู่ๆ ก็มีเด็กโผล่ออกมา แถมมีแค่ฉันที่มองเห็น”

เลทิเซียเต็มไปด้วยคำถาม แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะอยู่กลางถนนให้อีกฝ่ายมาเจอ เลทิเซียหาซากปรักหักพังสักแห่งที่พอเป็นที่ซ่อนได้พร้อมกับหลบเข้าไป

หลังจากที่ตรวจสอบรอบด้านแล้วว่าไม่มีวี่แววของเจ้าหมึกนั่น เลทิเซียก็เหมือนจะโล่งใจเล็กน้อย..

หลังจากนั่งรออยู่นานสองนานก็ไม่พบว่ามันตามมา.. ทำให้เลทิเซียถอนหายใจอย่างโล่งอก..

ทำให้เธอพูดกับซิลเวียว่า

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่เจอพวกเรานะ.. บางทีมันคงแค่สร้างได้นั่นแหละมั้ง”

เลทิเซียกล่าวแบบนั้น ก็จริงแต่เธอรู้ว่าไม่ใช่แบบนั้น ในความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุดมันยังหาพวกเธอเจอ

แล้วในที่แห่งนี้กลับหาไม่เจอ ทั้งๆ ที่เป็นโลกของมันด้วยซ้ำ.. ดังนั้นเลทิเซียจึงไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่อยากให้ซิลเวียคิดมากจนตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเดี๋ยวจะเหนื่อยเอา ซิลเวียที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจพร้อมกับพูดด้วยความโล่งอก

“งั้นเหรอ.. ฟู่ว”

ในขณะที่เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เพราะก่อนหน้านี้ลำบากกันมาก พอรู้ว่าปลอดภัยความเหนื่อยล้าทั้งหมดจึงถาโถมเข้ามาทีเดียว

“ว่าแต่.. เลทิเซียที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้หมายถึงอะไร?”

“หมายถึงอะไรเหรอ?”

“ก็เด็กไง.. เด็กที่ว่าเจ้ามองเห็นคนเดียวน่ะ”

“อ้อ..”

ซิลเวียกล่าวถามแบบนั้น เลทิเซียก็มองไปข้างๆ เธอเองที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในสายตาของซิลเวีย แต่เลทิเซียก็มองไปที่นั่นแล้วก็พูดขึ้น

“ฉันเองก็ไม่รู้.. แต่ว่า..”

เด็กผู้หญิงที่ซิลเวียมองไม่เห็น มองหน้าเลทิเซียพร้อมกับเอียงคอด้วยความสงสัย ก่อนจะกล่าวถามขึ้น

“พี่สาว.. พี่สาวคุยกับใครงั้นเหรอ?”

เลทิเซียไม่ได้ตอบคำถามทันที เธอจ้องมองเด็กสาวด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ เธอพึ่งจำมาสังเกตว่า.. เหมือนเลทิเซียสัมผัสบางสิ่งบางอย่างจากเธอไม่ได้..

บางสิ่งบางอย่างที่ว่าก็คือ.. ชีวิต.. ราวกับว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่มีชีวิตอยู่ ไม่สิ.. ไม่มีมาตั้งแต่แรก ราวกับเป็นเพียงความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย

แม้จะสามารถพูดคุยหรือสัมผัสได้ แต่เหมือนว่าเธอจะไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนหมึกยักษ์กับซิลเวียเลยแม้แต่น้อย

ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับความรู้สึกที่เธอมองไปยังความว่างเปล่าอนันตกาล. . ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เลทิเซียสับสน

“ช่างเรื่องนั้นก่อน.. เธอเป็นใครงั้นเหรอ แล้วมีชื่อว่าอะไร?”

เลทิเซียก้มลงไปถามเด็กผู้หญิงผมสีดำ เด็กผู้หญิงคนนั้นดูสับสนเล็กน้อยแต่ก็ยอมตอบมาแต่โดยดี

“หนูชื่อว่า.. นิล หนูอยู่ที่นี่มานานแล้วล่ะ.. ว่าแต่พี่สาวเป็นใครงั้นเหรอ มาที่นี่ได้ยังไงน่ะ? แถมเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้มันไม่ดีนะ”

“นิล… ความไม่มีเหรอ..”

เลทิเซียอึ้งเล็กน้อย ความไม่มี.. สีผมสีดำสนิท.. เหมือนไม่มีชีวิตราวกับความว่างเปล่า.. เธอเป็น.. ความว่างเปล่างั้นเหรอ

ไม่สิ ความว่างเปล่าทำไมถึงกลายเป็นเด็กไปได้ล่ะ ในขณะที่เลทิเซียกำลังสับสนนั้นเอง นิลก็ดึงแขนเลทิเซียพร้อมกับถาม

“แล้วก็ๆ … แล้วก็ทำไมพี่สาวไม่ใส่เสื้อล่ะ”

เลทิเซียไม่ได้ใส่เสื้อเพราะว่าก่อนหน้านี้เธอใช้เป็นโล่ป้องกันพลังไปแล้ว.. และเพราะว่าไม่สามารถเปิดช่องว่างมิติทำให้เธอใส่แค่เสื้อยืดบางๆ

เลทิเซียถูกปลุกออกมาจากวังวนของความคิด เธอจ้องมองไปที่นิลก่อนจะตอบ

“ฉันมีชื่อว่า เลทิเซีย.. ส่วนเรื่องมาจากไหนนั้น…”

“อ่า.. พี่สาวต้องมาจากโลกด้านนอกแน่ๆ ใช่ไหม หนูอยู่ที่นี่มานานจนไม่ค่อยได้เจอใครเลยล่ะ”

ก่อนที่เลทิเซียจะได้อธิบาย นิลก็เหมือนพึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอจึงรีบพูดขึ้นมาก่อนโดยไม่รอคำตอบ แถมยังดูเหมือนตื่นเต้นมากๆ ด้วย

“หนูได้ยินมาว่า โลกด้านนอกน่ะมีเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนล่ะ ใช่ไหมพี่สาว”

นิลพูดด้วยความตื่นเต้น

“แต่ว่านะ ก่อนอื่นหนูว่าเราออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ นี่บ้านคนอื่นนะ เข้าบ้านคนอื่นไม่ดีนะ พี่สาว”

“ไม่เป็นไรหรอก แถมข้างนอกอันตรายด้วย”

เลทิเซียรีบพูด เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ค่อยรู้วิธีพูดกับเด็ก ถึงจะมีน้องสาวทั้งในชาติก่อนและชาตินี้ แต่น้องสาวทั้งสองของเธอล้วนแล้วแต่เป็นเด็กฉลาด

ที่เลทิเซียไม่ค่อยได้แสดงความเป็นพี่ให้ห็นด้วยซ้ำ ดังนั้นการรับมือกับเด็กที่ไร้เดียงสานั้นค่อนข้างยากสำหรับเธอ

อย่างไรก็ตามเธอก็พยายามพูดด้วยเสียงที่เป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้

“อันตรายเหรอ.. อ้อ หนูเข้าใจแล้วที่พี่หนีเมื่อกี้สินะ.. มีคนชั่วตามพี่มาด้วยงั้นเหรอ เข้าใจแล้ว แต่ห้ามอยู่ในบ้านคนอื่นนานนะ”

นิลพูดอย่างจริงจัง ถึงแม้บ้านจะกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้วก็ตาม แต่บางทีสำหรับเธอบ้านคนอื่นก็ยังคงเป็นบ้านของคนอื่น

ช่างไร้เดียงสาจริงๆ .. หลังจากที่นิลหมดคำถาม คราวนี้เลทิเซียจึงถามคืน

“ว่าแต่ทำไมเธอ…”

“ไม่ใช่เธอสักหน่อย หนูคือนิลต่างหาก”

“เอ่อ.. นั่นแหละ.. ว่าแต่ทำไมนิลถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวได้ล่ะ”

เลทิเซียที่โดนแย้งกะทันหันจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีเรียก หลังจากเรียกนิลด้วยชื่อแล้วเธอก็ดูมีความสุขมาก

แต่พอได้ยินคำถามของเลทิเซียใบหน้าเปื้อนยิ้มก็หายลง.. เธอก้มหน้าลงพร้อมกับพูด

“เรื่องนั้น…..”

แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรในตอนนั้นเองทางเข้าก็มีเสียงดังขึ้น

“หึๆ คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือไง?”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท