บทที่ 323 – รอยแยกมิติ
เลทิเซียพยายามจะดันร่างกายอันหนักอึ้งตัวเองขึ้น แท่งเหล็กที่เสียบอยู่ที่ท้องเองก็ยิ่งแทงลึกขึ้นไปอีก
เลือดสีแดงฉานไหลออกจากบาดแผลไหลลงพื้นไปตามร่องรอยแตกร้าวของถนนหนทาง… ราวกับเป็นการบูชายัญอะไรสักอย่าง
“อ่าาา ข้าขอเตือนไว้ก่อนนะ ตอนนี้เวทมนตร์ของเจ้าถูกข้าปิดกั้นไว้แล้วล่ะ เจ้าใช้งานไม่ได้หรอก เพราะงั้นดิ้นเข้ามากๆ เดี๋ยวก็ตายเอาหรอกนะ”
มันพูดอย่างพึงพอใจ แน่นอนว่านี่เป็นโลกของมันย่อมสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ทุกอย่างได้ดั่งใจนึก
ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์ที่เลทิเซียใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นโดยฝีมือของมันนั่นเอง
ส่วนเหตุผลนั่นก็เพราะว่ามันอยากจะเห็นการดิ้นรนของพวกเลทิเซียมากกว่านี้.. ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูหรือการรักษา
ทุกอย่างล้วนเป็นตามประสงค์ของมันทั้งสิ้น.. ใช่แล้ว
หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ มันคือพระเจ้าของโลกใบนี้…. มันสามารถจัดการกับกฎเกณฑ์ความเป็นจริงได้โดยสิ้นเชิง
หากมันต้องการมันสามารถระเบิดโลกแห่งนี้ทิ้งได้อย่างง่ายดายเช่นกัน.. แน่นอนว่าเมื่อทรมานมาถึงขั้นนี้แล้วมันไม่มีทางให้พวกเลทิเซียตายอย่างง่ายดายแน่
ความโกรธแค้นของมันไม่อาจจะระบายได้เพียงแค่นี้..
ในขณะที่มันยิ้มเยาะเลทิเซีย
ซิลเวียที่สภาพไม่สู้ดีเท่าไหร่ หน้าผากมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดอีกต่างหาก ตรงท้องก็มีแผลที่ถูกเหล็กแทงทะลุอีกต่างหาก
แต่ทว่าดวงตาของเธอก็จ้องไปที่เจ้าหมึกยักษ์นั้น ก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นชี้ไปที่มันพร้อมกับ…พริบตานั้นเอง
เปลวเพลิงสีดำทมิฬพลันบังเกิดขึ้นจากปลายนิ้วของเธอ คลื่นแห่งแนวคิดผันผวนบิดเบือนกำโลกให้บิดพริ้ว สีหน้าของเจ้าหมึกนั้นแปรเปลี่ยน
มันจำท่านี้ได้ดี.. เพราะท่านี้คือเพลิงที่แผดเผาดวงตาของมันจนมอดไหม้ไป.. แน่นอนว่าต่อให้เป็นมันก้ไม่อาจเพิกเฉยต่อเพลิงกัลป์นี้ได้
“อย่าคิดว่า.. ของเดิมๆ จะใช้กับข้าได้ผล”
ในวินาทีที่เพลิงสีดำบังเกิด มันก็หายไปจากจุดเดิมพร้อมกับปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าซิลเวียในระยะประชิด
พร้อมกับโจมตีใส่ออกไป แต่ทว่าก่อนที่ซิลเวียจะทันได้ตอบสนองยื่นไฟใส่หน้ามัน ร่างกายมันก็สลายหายไปอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวของมันหลอกล้อ มันรู้ว่าไฟนี้ไม่สนตรรกะทุกอย่างของโลก.. เพราะว่าตัวของไฟนั้นครอบครอง การแผดเผา..
การแผดเผาไม่ใช่ว่าเพราะเป็นไฟ.. แต่เป็นเพราะมันคือแนวความคิดอย่างหนึ่งว่าไฟต้องแผดเผาอะไรสักอย่าง..
ซึ่งแน่นอนว่าในแรกเริ่มเดิมทีแล้ว ในความว่างเปล่านั้นย่อมไม่มีไฟอยู่ เพราะมันคือความว่างเปล่า แต่ทว่า.. ซิลเวีย ‘สร้าง’ มันขึ้นมา
แม้จะโดนความว่างเปล่าลบไปในชั่วพริบตา.. แต่ว่าคราวนี้เป็นโลกที่เจ้าหมึกยักษ์สร้างขึ้นมาเอง มันไม่ใช่ความว่างเปล่า
ดังนั้น.. เมื่อแนวความคิดแห่งการแผดเผา… แนวคิดแห่งไฟ.. ทุกอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับเปลวเพลิงนี้.. กลับตกอยู่ในการควบคุมของ.. ซิลเวีย
เพราะเธอ.. ได้แทนที่แนวคิดของโลกใบนี้ที่เกิดจากเจ้าหมึกยักษ์นั่นด้วยแนวคิดของเธอเอง.. ทำให้ทุกอย่างในโลกนี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับไฟแม้เพียงน้อยนิด
ก็ถูกซิลเวียควบคุม.. ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหมึกยักษ์ทราบเลยทันที..
คุณสมบัติของไฟคือแผดเผา.. พูดอีกอย่างก็คือตัวมันก็อาจจะโดนแผดเผาได้เพราะตัวมันหาใช่ความว่างเปล่า เป็นเพียงร่างกายที่มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับความว่างเปล่าเท่านั้น!!
ดังนั้นมีหรือที่เจ้าหมึกยักษ์มันจะไม่ตื่นตัว.. แต่แน่นอนยิ่งมันโดนกดดันโดยคนที่ต่ำยิ่งกว่ามันก็ยิ่งบ้าบิ่นมากขึ้นเท่านั้น
เงาร่างของมันราวกับภูตผีเงาพรายปรากฏขึ้นหน้าหลังซ้ายขวา แต่ทว่าทุกครั้งที่มันปรากฏตัวขึ้นเปลวเพลิงสีดำในมือซิลเวียก็ถูกวาดออกไปใส่หน้ามัน
ราวกับมีแสงไฟบางอย่างกวาดไปรอบร่างของเธอ..
แต่ทว่าน่าเสียดายที่พริบตานั้นเองร่างมันก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังซิลเวียด้วยความเร็วที่ไวยิ่งกว่าพร้อมกับโจมีใส่หลังของเธออย่างรุนแรง
น่าแปลกที่ซิลเวียไม่ได้หลบแต่อย่างใด กลับกันเธอถอยหลังเข้าไปรับการโจมตีเองด้วยซ้ำ.. เพราะในพริบตาต่อมาร่างเธอก็ลอยลิ่วไปเพราะแรงกระแทก
ไฟในมือของเธอสลายหายไปแทบจะทันที.. ร่างเธอตรงดิ่งไปคว้าเอาร่างเลทิเซียก่อนที่จะใช้เท้าดันพื้นพร้อมกับหลบหนีออกจาที่แห่งนี้
ปล่อยให้เจ้าหมกนั่นอึ้งอยู่.. ใช่แล้ว.. ต่อให้เป็นซิลเวียก็ไม่สามารถสร้างแนวคิดแห่งไฟออกมาได้.. ยังไงซะนี่ก็อยู่นอกต้นกำเนิด
ถึงแม้เทพจะมีพลังเช่นนั้นจริงๆ แต่ว่าเพราะในความว่างเปล่าอันมืดมิดนั้นเป็นสิ่งที่ลบทุกอย่างให้หายไป.. การที่พวกเธอทั้งสองยังไม่ตายแล้วก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์สุดแล้ว
แถมยังสร้างภูตหรือแนวคิดแห่งไฟขึ้นมาได้ตั้งหนึ่งครั้งก็ถือว่าสุดยอด… ดังนั้นเธอในตอนนี้จึงทำได้เพียงแค่หลอกล่ออีกฝ่ายด้วยอุปกรณ์บางอย่างเท่านั้น
“พวกแก…”
เจ้าหมึกยักษ์ที่เห็นแบบนั้นก็เปิดปากกล่าว.. เพราะถูกซิลเวียหลอกซะเปื่อยแถมเมื่อกี้มันยังรอรับการโจมตีจากเธอเพื่อใช้เป็นแรงดีดหลบหนี..
“บัดซบ.. บัดซบ..”
ความอัปยศทำให้มันแทบคลั่งสบถคำหยาบออกมาไม่หยุด
ซิลเวียที่พาเลทิเซียหนีออกมา.. เลทิเซียที่อาการค่อนข้างสาหัสแขนสองข้างดูไม่ได้ ซิลเวียที่เห็นแบบนี้ก็กัดริมฝีปาก..
แต่เลทิเซียก็ราวมองอะไรบางอย่างอยู่ที่ซิลเวียมองไม่เห็น.. สายตาของเธอจ้องไปทางที่ห่างไกล..
แสงสีดำทมิฬพุ่งทะลวงไปถึงท้องฟ้า ถนนของเมืองเปล่งแสงออกมาราวกับมีเวทมนตร์ และในตอนนั้นเองเลทิเซียก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
เธอชี้นิ้วไปทางที่มีแสงพร้อมกับกล่าว..
“ไปที่ใจกลางเมือง..”
“เอ๋..”
“…..เร็วเข้า..”
เลทิเซียรีบพูด ซิลเวียยังตกใจอยู่แต่ก็รีบเร่งหน้าไปทางใจกลางของเมืองตามคำพูดของเลทิเซีย เพราะเธอนั้นเชื่อใจเลทิเซียเหนือสิ่งอื่นใดในตอนนี้
แต่น่าเสียดายที่ความเร็วของซิลเวียไม่ได้มากขนาดนั้น ผสมกับอาการบาดเจ็บของเธอก็สาหัสไม่แพ้กัน หากไม่ใช่เพราะมีร่างกายที่ทนไม้ทนมือ
เธอคงตายไปแล้ว เลทิเซียก็เพราะเป็นปีศาจร่างกายจึงไม่ตายง่ายขนาดนั้น แต่ทั้งคู่ก็อยู่ในสภาพปางตาย ทำให้การหลบหนีล่าช้ามาก
ทำให้พริบตาเดียวเสียงของเจ้าหมึกนั่นก็ดังตามมาติดๆ
“คิดว่าจะหนีข้าพ้นจริงๆ อย่างงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”
มันกล่าวเช่นนั้นฝ่ามือของมันก็ตวัดขึ้นวาดไปแนวนอนกลางอากาศ ราวกับว่าโลกทั้งใบสั่นสะเทือน คลื่นพลังที่มองไม่เห็นกวาดผ่านทุกสรรพสิ่งจนพังทลาย
ทั้งซิลเวียและเลทิเซียต่างก็ไม่อาจหลบทันเพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป.. ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะสายเกินแก้นั้นเอง
“แกรก..”
แต่ก่อนที่การโจมตีนั้นจะทันได้มาถึง ก็บังเกิดรอยปริร้าวของห้วงมิติเสียก่อน ราวกับว่ามิติกำลังจะพังทลายลง
..นั่นก็เป็นเพราะว่าโลกแห่งนี้ไม่เสถียรอย่างมาก.. นั่นจึงหมายความว่ามันใกล้จะพังถล่มลงมาแล้ว
..ดังนั้นในพริบตาที่การโจมตีนั้นถูกยิงออกมาจึงทำให้มิติระหว่างเจ้าหมึกนั่นกับพวกเลทิเซียฉีกขาดออกจากันทำให้การโจมตีนั้นไม่สามารถส่งมาถึง
ทว่ายังคงเหลือคลื่นกระแทกจากอากาศที่สั่นไหว ซัดเอาร่างพวกเธออปลิวกระแทกอัดตึกที่กลายเป็นซากปรักหักพัง
ราวกับกระสุนปืนใหญ่ .. ซากปรักหักพังที่เกิดจากหินแข็งพังถล่มลงราวกับเศษไม้
เห็นได้ชัดว่าหากโดนการโจมตีนั้นไปตรงๆ แม้ไม่ตายร่างกายของพวกเธอทั้งสองคงแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดีอย่างแน่นอน