บทที่ 359 – อีกมุมมอง
ในวินาทีที่เลทิเซียถูกพัดออกมาด้วยพายุแห่งกาลเวลานั้นโชคยังดีที่เธอนั้นไหวตัวทันพยายามควบคุมร่างกายให้กระโดดเข้าไปในช่วงเวลาที่ตนเองต้องการ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ราวกับแม่น้ำไหลหลากก็พลันหายวับไป โผล่มาอีกครั้งหนึ่งร่างกายเลทิเซียมายืนอยู่กลางอากาศท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี..
เลทิเซียมองไปรออบๆ .. ห่างออกไปไม่ไกลมีหมู่บ้านตั้งอยู่.. หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ไม่ใหญ่มากนักห่างออกไปจากหมู่บ้านไม่ไกลมากมีหน้าผาสูง
หน้าผานี้หากเป็นคนธรรมดาตกลงมายังไงก็ตาย ซึ่งในตอนนี้เหมือนจะมีแสงวับๆ วูบๆ ตามป่าซึ่งเลทิเซียกวาดสายตาผ่านเพียงแค่ครั้งเดียวก็ไม่ได้สนใจอีก
เมฆค่อยๆ ลอยมาบดบังแสงจันทราเอาไว้ยิ่งทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความมืดมิด..
“นี่คือปลายทางที่เจ้าเลือกสินะ แต่ว่าเจ้าคงเข้าใจกฎของกาลเวลาใช่ไหม?”
“อืม”
เสียงของอามาเระดังขึ้นในหัว ไม่ต้องให้อามาเระบอกเลทิเซียก็รู้ได้ว่าก่อนหน้าที่อามาเระไม่สามารถทำอะไรได้นั้นเป็นเพราะอีกฝ่ายคือคนที่สร้างอามาเระ
จึงไม่แปลกที่อามาเระจะทำอะไรไม่ได้ ต่อให้ต้องการที่จะทำก็ตาม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นที่จะอธิบาย
ร่างกายของเลทิเซียค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปจากเดิมราวกับเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ได้เวลาแล้วล่ะ”
ร่างกายของเธอค่อยๆ ลอยลงไปยังพื้นเบื้องล่างใต้หน้าผาตรงนั้นมีร่างกายของเด็กสองคนกำลังนอนกองอยู่กับพื้น
ร่างหนึ่งแหลกเหลวเพราะการปะทะกับพื้นดินไปแล้ว อีกหนึ่งแม้จะมีเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นที่แต่ร่างกายเธอกลับไม่มีบาดแผลอะไรเลย
ท่ามกลางความมืดไร้ซึ่งแสงจากจันทรานี้ราวกับความมืดนั้นไม่มีผลอะไรต่อเลทิเซีย.. ใบหน้าอันอ่อนเยาว์และบอบบางของเด็กผู้หญิงต้องหน้าสะท้อนภายในม่านตาของเลทิเซีย..
ใช่แล้ว.. เด็กคนนี้คือ..ชาร์ล็อต คนที่ตายต่อหน้าต่อตาเลทิเซียไปเมื่อสักครู่นี้.. ในห้วงมิติพิเศษที่เลทิเซียสร้างขึ้นไว้
ยังมีร่างกายและหัวของเธอที่แยกจากกันถูกเก็บไว้อย่างดี.. พอมองไปที่ชาร์ล็อตในตอนนี้มันทำให้ดวงตาของเธอสั่นคลอน..
“…….”
ปากไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้ ทำได้เพียงยื่นมือไปสัมผัสคอของชาร์ล็อต.. สัมผัสที่คอของเธอเหมือนกับพยายามจะยืนยันว่าคอนี้ยังไม่ได้ขาดออกจากกัน
ในตอนนี้มันยังไม่ได้ขาดออจากกัน.. น้ำตาใสสะอาดก็ไหลหยดลงบนใบหน้าของชาร์ล็อต
เลทิเซียนั่งลงข้างๆ ชาร์ล็อตที่สลบไสลไม่ได้สติ กลิ่นศพที่อยู่ข้างๆ คละคลุ้งไปทั่วพื้นที่แต่ทว่าเลทิเซียกลับไม่ได้ลุกขึ้นไปไหนเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่าเธอต้องการจะเก็บช่วงเวลานี้ให้ได้นานที่สุด ความมืดลาจากตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า ช่วงเวลายามเช้าก็มาเยือน
ก่อนที่ยามเย็นจะมาเยือนอีกครั้งและยามเช้าก็หวนกลับมา วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า อาจจะเป็นหนึ่งสัปดาห์? หรืออาจจะเป็นหนึ่งเดือนไม่มีใครทราบ
แต่อยู่มาวันหนึ่งเปลือกตาอันบอบบางของเด็กผู้หญิงที่อายุเพียงไม่กี่ขวบของชาร์ล็อตก็ลืมขึ้นอย่างช้าๆ ..
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“เจ้า…”
ทันทีที่ชาร์ล็อตลืมตาขึ้นพอดวงตาของเธอมองเห็นเลทิเซียที่มีผมสีดำปกปิดหน้า ปกปิดตาก็ตกใจ
และจากความทรงจำก่อนหน้านี้เธอทำให้เธอกลัวเป็นพิเศษ จนทำให้เธอถอยหลังพยายามจะหลบหนีออกไปแต่ทว่าก่อนที่ทันจะได้ตังตัว
เธอก็สังเกตเห็นซากศพของคนอีกคนที่อยู่ด้านข้าง เธอก็ตกใจพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความสับสน
“ซิลฟี่!! ซิลฟี่!!”
“เธอตายไปแล้ว..”
“ไม่. ไม่!! แบบนี้มันโหดร้ายเกินไปแล้ว! ข้าไปทำอะไรให้กัน ข้าทำอะไรผิด ทำไมถึงต้องตาย! ข้า..”
เสียงตะโกนตีโพยตีพายของชาร์ล็อตนั้นส่งผลให้ไหล่ทั้งสองข้างของเลทิเซียสั่นสะท้านเบาๆ .. ราวกับมันเป็นเสียงจากใจชาร์ล็อตในอนาคตที่เธอไม่สามารถพูดออกมาได้
เธอจึงพูดในตอนนี้.. พูดกับเลทิเซียในยามนี้ ใช่.. ชาร์ล็อตทำอะไรผิดเธอถึงต้องตาย..
ภาพนั้นลอยขึ้นมาในหัวของเลทิเซียอีกครั้ง มันไม่ใช่ความผิดของชาร์ล็อตแต่เป็นเธอตั้งหาก.. เธอต่างหากที่ทำให้ชาร์ล็อตต้องตาย
คอนั้นหลุดออกจากบ่าต่อหน้าต่อตาเพราะมีต้นเหตุมาจากเลทิเซีย.. เธอไม่ได้ผิดอะไรเลยต่างหาก.. เป็นเพราะฉัน..
ใบหน้าอันแสนเจ็บปวดและทรมานของชาร์ล็อตตรงหน้ามันทำให้หน้าอกของเลทิเซียราวกับมีเข็มแทงไปนับพันนับหมื่นเล่ม..
เธอก้มหัวลงบนพื้น.. ละทิ้งซึ่งศักดิ์ศรีอันไร้สาระทำได้เพียงกล่าวคำขอโทษ
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ.. มันเป็นเพราะฉัน.. เป็นเพราะฉัน…”
พอได้ยินคำพูดนั้นของเลทิเซียชาร์ล็อตที่เห็นเพื่อนตายกลับคิดไปเองว่า.. ผู้หญิงคนนี้ต้องดูอยู่.. แต่เธอกลับไม่ช่วย.. กลับไม่ช่วยเลยแม้แต่น้อย
“ทำไม!! เจ้าถึงไม่ช่วย! ทำไม!! เจ้าที่ดูอยู่ถึงไม่ช่วยข้า! ทำไมถึงดูอยู่เฉยๆ! ไอ้การขอโทษแล้วมันทำให้ใครฟื้นคืนกลับมาไหม!?”
เสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของชาร์ล็อตทำเอาเลทิเซียรู้สึกราวกับถูกเกลียด.. ใช่ บางทีเลทิเซียอาจจะต้องการแบบนี้
ไม่ใช่รอยยิ้มโล่งอกที่ชาร์ล็อตมอบให้ในตอนนั้น.. เพราะต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องตายคือเลทิเซียเลยนะ.. ทำไมถึงไม่โกรธล่ะ.. ทำไมถึงไม่โกรธเธอเลย..
เพราะงั้นทันทีที่คำพูดนั้นลอยเข้ามาในหัวเลทิเซียเธอจึงทำได้เพียงกัดฟันและฟาดหัวลงกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า
“เป็นเพราะฉัน.. เป็นเพราะฉันปล่อย…”
บางทีเหตุผลที่เลทิเซียใช้หน้าผากของเธอฟาดหัวลงพื้นอย่างรุนแรงไม่หยุดนั้นอาจจะไม่ใช่แค่ต้องการคำขอโทษจากชาร์ล็อต
แต่ยังต้องการจะทำให้ตนเองสบายใจ.. ใช่ ทำให้ตนเองลืมภาพที่หัวของชาร์ล็อตกระเด็นขาดออกจากร่างด้วยกิโยตีนนั้น..
ไม่ว่าจะอย่างไหนเลทิเซียก็เจ็บปวดจากภายในหาใดเปรียบ.. จนหน้าผากเธอเริ่มแตก เลือดไหล จนพื้นแตกร้าวเธอก็ยังแทบจะไม่หยุด
“…”
ชาร์ล็อตที่เห็นคนตรงหน้าเหมือนจะสติหลุดไปแล้วนั้นทำให้เธอตื่นขึ้นมาจากความโกรธและรีบวิ่งเข้าไปหยุดเลทิเซียทันที
“เป็นเพราะฉัน.. เป็นเพราะฉัน..”
เลทิเซียพูดพร้อมกับฟาดหัวซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด
“หยุดเถอะ.. หยุดเถอะ ข้าขอโทษ นั่นไม่ใช่ความผิดเจ้า..”
“….”
ไม่ใช่ความผิดฉันงั้นเหรอ? เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นมือสองข้างก็สั่นอย่างช่วยไม่ได้.. อ่า.. อ่า.. นี่แหละ..
ชาร์ล็อต..ไม่ว่าจะชาร์ล็อตในอนาคตหรือชาร์ล็อตในตอนนี้.. ไม่ว่าจะตอนไหนเธอก็ยังเป็นคนแบบนี้เสมอ.. เลทิเซียหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับพึมพำ
“ชาร์ล็อตนี่เก่งจังนะ.. อายุแค่นี้ยัง…”
“เจ้ารู้จักชื่อข้าได้ยังไง.. ไม่สิ ถ้าดูอยู่ก็น่าจะรู้สินะ..”
ชาร์ล็อตสับสนเล็กน้อย เพียงแต่ว่าเธอรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะถามแบบนั้น เธอหันไปหาศพของเพื่อนตนเองพร้อมกล่าว
“ก่อนอื่นฝังศพให้ซิลฟี่..”
ชาร์ล็อตพูดแบบนั้นเลทิเซียเองก็พยักหน้า ยกมือขึ้นวาดพลังเวททั้งหมดก่อนสร้างเป็นหลุมศพฝังเอาร่างเพื่อนของชาร์ล็อตไว้
“นั่นคืออะไร?”
“เวทมนตร์”
ชาร์ล็อตรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพียงแต่เมื่อมองเห็นหลุมศพของเพื่อนคนเดียวของเธอกลับทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว..
เลทิเซียไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไป เธอไม่ใช่คนที่ไม่เข้าใจความรู้สึกคนอื่นเหมือนดังเดิม ในเวลานี้เธอรู้ว่าตนเองควรจะทำอย่างไน
เธอก้าวเข้าไปกอดชาร์ล็อตจากด้านหลังพร้อมพูดขึ้น..
“ไม่เป็นไรหรอก.. เธอยังมีฉันและในอนาคตพอเติบโตขึ้นเธอจะต้องเจอคนที่สำคัญแน่ๆ ….”
“แต่ว่า.. ทุกคน..แม้แต่เจ้าเองก็.. อาจจะต้องตายเพราะข้า..”
“….”
เลทิเซียเงียบลงไปเพราะคำพูดของชาร์ล็อต.. ตาเพราะเธอ..? เลทิเซียได้แต่เยาะเย้ยตัวเองในใจว่าทำได้คงดี
เพราะความเป็นริงแม้แต่ตายเพื่อชาร์ล็อตเลทิเซียยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เลทิเซียก็ไม่ได้คิดจะพุดแบบนั้นออกมา เธอก้มมองดูฝ่ามือตัวเอง..
ตอนนี้.. ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือช่วยชาร์ล็อต.. แม้แต่โลกใบนี้ก็ต้องหยุดเธอไม่ได้.. เลทิเซียเธอเชื่อแบบนั้น
เธอคิดแบบนั้นก็ยกนิ้วชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีที่ยังมีเมฆบดบังอยู่.. ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นเบาๆ เพื่อตอบคำของชาร์ล็อต
“เรื่องนั้นน่ะ..”
และในพริบตานั้นเองจู่ๆ ก้อนเมฆที่บดบังแสงจากฟากฟ้าที่ลอยอยู่กลางนภาพลันถูกแยกออกจากกันโดยมีจุดที่มือของเลทิเซียชี้ขึ้นไปเป็นจุดศูนย์กลาง
ชาร์ล็อตเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ.. เธอค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้น…
แล้วเลทิเซียก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจอีกรอบอย่างมั่นใจว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก.. ก็เพราะว่าฉันน่ะ แข็งแกร่งสุดๆ ยังไงล่ะ”
ใช่.. เธอตอนนี้น่ะ.. เป็นคนที่ฝืนได้แม้กระทั่งเวลาของต้นกำเนิดที่แท้จริงเชียวนะ!