การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 361

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 361 – ความจริงของทุกสิ่ง

เวลาผันผ่านไปราวกับสายน้ำไหลหลาก.. พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งปีแล้วเลทิเซียนั่งอยู่ในห้องของตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

“เลทิเซีย.. นี่มันครึ่งปีแล้วนะ.. หากอยู่ที่นี่นานกว่านี้ละก็..”

“ฉันรู้ที่เธอจะบอก… แต่ว่า…”

ความอาลัยอาวรณ์ของเลทิเซียแสดงออกมาอ่างชัดเจน.. แน่นอนว่าอามาเระที่อยู่ข้างกายเลทิเซียมาตลอด คอยให้คำแนะนำและให้คำปรึกษามาตลอดนั้น

เธอรู้เรื่องความคิดของเลทิเซียดีว่าตอนนี้เลทิเซียกำลังคิดอะไรอยู่.. เลทิเซียในตอนนี้กำลังจมปลักอยู่ในห้วงแห่งความสงบสุขแห่งนี้

นี่คือความสงบสุขที่เธอแสวงหามาตลอด…. ความสงบสุขที่ตนเองอยากจะไขว่คว้าและสัมผัสมาตลอด

ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องหวาดกลัวอะไรมาก เพียงแค่กิน ดื่มและก็นอนกับคนสำคัญยิ่ง..ซึ่งเมื่อได้สัมผัสน้ำผึ้งแล้วใครบ้างล่ะจะลืมความหอมหวานนี้ลงได้?

อามาเระที่เห็นท่าทางแบบนั้นของเลทิเซียเธอก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น

“เจ้าไม่อยากจะช่วยคนอื่นๆ แล้วงั้นเหรอ”

ไม่ใช่ว่าอามาเระไม่เห็นใจเลทิเซีย อามาเระรู้ว่าเธอนั้นผ่านความเจ็บปวดแบบไหนมาบ้าง เธอรู้ว่าความรู้สึกเลทิเซียที่มีต่อคนสำคัญมันมากขนาดไหน

เพราะอะไรน่ะเหรอ.. เพราะเธอคือภูตแห่งความรักผู้ที่แบกรับความรู้สึกรักใคร่ของทุกผู้ทุกคนบนโลกใบนี้ยังไงล่ะ

และสาเหตุที่ความรู้สึกของเลทิเซียมันสามารถทำให้ภูตแห่งความรักหลงใหลในความรักของเธอที่มีต่อผู้อื่นได้

นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าสำหรับเลทิเซียแล้ว คนสำคัยเหล่านั้นมันมีค่าต่อเธอมากแค่ไหน.. แต่อามาเระรู้ว่าขืนปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป..

ทุกอย่าง ทุกความพยายามที่ผ่านมามันจะไร้ผล ดังนั้นเธอจึงได้พูดออกไปแบบนั้น พอเลทิเซียได้ยินแบบนั้นไหล่สองข้างของเธอสั่นเบาๆ ..

ภาพของพวกพ้องคนอื่นๆ ที่ตายไปต่อหน้าต่อตานั้นยังคงฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเลทิเซีย.. มันหลั่งไหลเข้ามาในหัวราวกับสายน้ำ

ดวงตาของเลทิเซียสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด อามาเระไม่ได้หยุดพูดเธอกล่าวต่อว่า..

“ยังมีเพื่อนอีกเจ็ดคนที่เจ้าต้องไปช่วยไม่ใช่หรือไง คิดว่ามันใช่เวลาที่จะมาอยู่สุขสบายที่นี่จริงๆ เหรอ? หากกาลเวลาปั่นป่วนขึ้นมาละก็.. เจ้าเองก้คงไม่รอดนะจะบอกให้”

เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นดวงตาของเธอก็ยิ่งสั่นไหว ภาพของคนอื่นๆ ที่ไหลเข้ามานั้นมันราวกับเป็นคมมีดที่เฉือนลงมาที่หัวใจของเธอ. เธอทุบโต๊ะอย่างรุนแรง

“ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันอยู่แล้วน่า!!!แต่จะให้ฉันทำยังไงล่ะ”

เสียงของเธอเผยให้เห็นถึงความทรมานอย่างชัดเจน.. เลทิเซียเธอเพียงแค่ต้องการความสุขอีกเท่านั้นเอง.. อีกแค่นิดหน่อยก้ยังดี

แน่นอนว่าเธอพูดแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อนแล้ว อามาเระถอนหายใจออกมาเบาๆ ..

“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอ.. ว่าต้องก้าวต่อไปน่ะเลทิเซีย.. เพื่อเธอ..และเพื่อทุกๆ คน.. แต่ที่แห่งนี้น่ะ ไม่ใช่ที่ของเธอสักหน่อยนะ”

“….”

“เอ่อ…”

แต่ในตอนนั้นเองเสียงของชาร์ล็อตก็ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เลทิเซียหันกลับไปเจอเธอมองอยู่นอกประตูทันที เลทิเซียถอนหายใจเบาๆ

“กินอาหารเย็นกันเถอะ”

ทั้งคู่เงียบลง.. ภายใต้บรรยากาศอันอึมครึมเช่นนี้ทั้งคู่ก็นั่งกินข้าวด้วยบรรยากาศเช่นนี้ ผ่านไปสักพักชาร์ล็อตที่เงียบมานานก็พูดขึ้น

“ท่านคุยกับใคร..?”

“…..”

เลทิเซียไม่ได้ตอบออกไป ทำให้ชาร์ล็อตก้มหน้าลงพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ เลทิเซียที่เห็นแบบนั้นก็หยุดทานอาหาร..

ใช่แล้ว.. เธอต้องเดินต่อไป.. ก้าวต่อไปเพื่อคนสำคัญทุกคน เลทิเซียสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับพูดขึ้น

“บางทีมันคงถึงเวลาแล้วล่ะ”

วิธีที่จะช่วยเหลือชาร์ล็อตนั้น.. เลทิเซียค้นพบตั้งนานแล้ว เลทิเซียหยิบจี้นี้ขึ้นมา.. จี้สีแดงนี้มีพลังเกี่ยวกับจิตใจอยู่

ซึ่งมันสามารถป้องกันการควบคุมจิตใจจากที่อื่นได้.. แน่นอนว่าแค่นี้ก็เหลือเพียงแค่หาทางตัดชะตากรรมที่เชื่อมโยงชาร์ล็อตในโลกนี้กับในอีกโลกก็พอ

“นี่คือของสำคัญของฉันที่ได้มาจากคนสำคัญที่เสียไปแล้วของฉัน.. แต่ต่อไปนี้มันเป็นของเธอ”

ว่าแบบนั้นเลทิเซียก็วางมันใส่มือของชาร์ล็อตพร้อมกับกล่าวคำด้วยความห่วงใยมือสองข้างกุมมือของชาร์ล็อตเอาไว้

“จงจำไว้ เก็บมันไว้กับตัวจนมันเป็นเหมือนชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของเธอ… เป็นเหมือนชีวิตของเธอ”

พอเลทิเซียพูดแบบนี้เสร็จ.. ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความสับสน.. เมื่อกี้เธอพูดอะไรออกไปนะ…

เธอพูดอะไรออกไปนะ.. อีกครึ่งชีวิต.. จี้สีแดง.. อีกครึ่งชีวิต..อีกครึ่งชีวิต.. เธอผุดลุกขึ้นจนเก้าอี้ด้านหลังล้มไปทันที

“เป็นไปไม่ได้.. เป็นไปไม่ได้.. เป็นไปไม่ได้…”

เลทิเซียตะโกนออกมาด้วยความสับสน.. อามาเระเองก็ตกใจกับท่าทางของเลทิเซียเธอรีบพูดขึ้นมาทันที

“เลทิเซียเกิดอะไรขึ้น”

เลทิเซียก้มลงไปบอกชาร์ล็อตพร้อมกับพูดขึ้น..

“ฟังฉัน! อย่า! มอบ! ให้! ใคร! ชีวิตเธอน่ะ.. สำคัญที่สุด! ฉันต้องไปแล้ว!”

ก่อนที่พริบตาเดียวร่างเลทิเซียจะหายไปจากจุดนั้นแทบจะทันที..

…….

“เลทิเซีย นี่มันหมายความว่ายังไง”

อามาเระตะโกนสับสนกับท่าทางของเลทิเซียที่ไม่พูดไม่จา จู่ๆ ก็ผ่าทะเลแห่งกาลเวลาอีกครั้งหนึ่ง..

“ประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอย.. ฉันกำลังซ้ำรอย.. คำพูดของฉัน.. การกระทำของฉัน.. ทุกอย่างของฉันที่พูดออกไป”

“ฉันคือคนสำคัญที่ชาร์ล็อตออกตามหา”

“ฉันคือต้นเหตุที่ทำให้ชาร์ล็อตออกเดินทางพร้อมอันน่า…”

“ฉันผิดพลาดแล้ว.. ฉันผิดพลาดแล้ว”

เลทิเซียพึมพำราวกับคนเสียสติ ขนทั่วร่างกายลุกซู่…

“ฉันต้องหยุดชาร์ล็อตก่อน อามาเระช่วยฉันด้วย ฉันจะดึงดุดความสนใจภาพสะท้อนของเทพผู้สร้าง เธอช่วยบอกให้ตัวฉันในอดีตคืนจี้ให้กับชาร์ล็อตที”

“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็ว่าหมายถึงอะไรก็เถอะ.. แต่ก็เข้าใจแล้ว”

เลทิเซียตะโกนออกมาแบบนั้นพร้อมกับก้าวเท้า ออกจากแม่น้ำแห่งกาลเวลา พริบตาเดียวเธอก็แหวกมิติแห่งหนึ่ง

ด้านนอกนั้นเป็นป่าเขาลำเนาไพร เบื้องล่างมีเด็กผู้หญิงสองคนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่.. คนหนึ่งยื่นจี้สีแดงให้ อีกคนหนึ่งกำลังจะรับเอา

ราวกับชั่วพริบตาเดียวกันอามาเระล้วนเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างอย่างถ่องแท้.. เธอจึงรีบใช้กระแสจิตส่งไปยังเลทิเซียเหมือนที่เธอเคยทำตั้งแต่ยังไม่เจอกับเลทิเซีย

“ไม่..ม ท่าน..จอ— อย-…ทำ..แ—นั้น”

ทันทีที่อามาเระเริ่มเคลื่อนไหวเลทิเซียก็ตอบสนองพร้อมกับตะโกนออกมาเพื่อเรียกความสนใจ..

“อย่า—”

แต่ยังไม่ทันได้ส่งเสียงได้สุดลำคอ เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น.. เสียงอันสุขุมและเย็นชาพลันดังขึ้นกะทันหัน

“นี่คือโลกของฉัน.. คงไม่อาจให้เธอทำมันปั่นป่วนได้หรอกนะ”

ภาพสะท้อนคู่ขนานกล่าวขึ้น.. ตามมาด้วยภาพสะท้อนของผู้หญิงผมสีทองและผู้หญิงที่ชื่ออเล็กเซียก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน

“นี่ถือเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เธอทำให้ฉันรู้สึกรำคาญ ห้ะ”

“แต่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนพึ่งเป็นครั้งแรกนิ”

หญิงสาวที่ชื่อโรสบ่นออกมาในขณะที่อเล็กเซียเองก็แย้งขึ้นมา.. ดวงตาของเลทิเซียเบิกกว้างกวาดผ่านลงไปเห็น..ตัวเธอที่มองมาทางนี้ด้วยสายตาหวาดกลัว..

ร่างกายเลทิเซียและอามาเระถูกพัดกลับคืนสู่กระแสน้ำแห่งกาลเวลา การปะทะครั้งนี้รุนแรงเกินกว่าที่เคยพบมาก่อนหน้าส่งผลให้ร่างกายของอามาเระถูกพัดออกจากร่างเลทิเซีย

ทั้งคู่พลันถูกแยกออกจากกันไปคนละทิศคนละทาง!

“ไม่!!!อามาเระ”

เลทิเซียตะโกนออกมาแต่ทว่ามันกลับไม่ช่วยเหลืออะไรเลย..

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป!

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท