การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 376

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 376 – ความสุขของเธอและฉัน

ไร้ซึ่งเสียง ไร้ซึ่งแสง โลกทั้งใบราวกับพร่ามัวลงไปในชั่วขณะเดียว.. ดวงตาของเวโรเน่หลับตาลงแล้วก็ลืมขึ้น..

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นภายในการกะพริบตาครั้งเดียวเท่านั้น.. หรืออาจจะเร็วกว่านั้นจนไม่อาจตอบสนองได้ทันด้วยซ้ำ

มุมมอง วิสัยทัศน์ ทุกสิ่งทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปจนหมดภายในการพริบตาหนึ่งครั้ง แม้ก่อนหน้าจากการบุกรุกของปีศาจจะทำให้ผู้คนในหมู่บ้านล้มตาย

เลือดสาดกระเซ็นจนพื้นที่แถบนี้อาบไปด้วยเลือดแล้วก็ตาม.. แต่ทว่าทันทีที่เธอหลับตาและลืมขึ้นอีกครั้งภาพทุกอย่างนี้ถูกแปรเปลี่ยนไปไม่เหลือเค้าโครงเดิม

แม้แต่ม่านบาเรียบางอย่างบนท้องฟ้าก็แตกสลายหายไปด้วยเช่นกัน เลทิเซียที่พึ่งมาช่วยเธอเอาไว้นั้นหายไปจากจุดที่เธอเคยยืนอยู่แล้ว

เลทิเซียในตอนนี้ยืนดูเศษซากของผลงานประติมากรรมดังกล่าวด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ราวกับว่ามันตอกย้ำเธออีกครั้ง

ไม่ว่าจะพยายามไปเท่าไหร่มันก็ไม่พด มุกครั้งมี่พยายามก็จะมามีสิ่งที่ขัดขวางเธอเอาไว้ กำหนดไว้ว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้…

“เลทิ..เซีย..”

เวโรเน่ที่เห็นเลทิเซียยืนอยู่แบบนั้นเธอก็พูดขึ้นมาด้วยความสับสน.. เลทิเซียไม่ได้ตอบเวโรเน่ เพียงแต่ว่า… ด้านหลังของเลทิเซียยามนี้

มีซากศพที่แหลกเป็นชิ้นๆ ของปีศาจสองตน.. แม้แต่สเวนเองก็กลายเป็นศพไปด้วย.. เพราะมันใช้วิชาผลักอาวุธออกจากมือของศัตรูทั้งๆ ที่มีคนอยู่ใกล้ๆ

แต่เรื่องแบบนั้นเลทิเซียไม่ได้สนใจ หรือเก็บมาคิด สำหรับเธอแล้วคนทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนไม่มีประโยชน์

ไม่มีความสนใจหรือเห็นอกเห็นใจใดๆ เลยแม้แต่น้อย.. บางทีแม้แต่คนสามคนดังกล่าวก่อนที่จะโดนเลทิเซียฉีกเป็นชิ้นๆ นั้น

พวกเขาเพียงสัมผัสได้ว่าร่างกายตัวเองถูกฉีกและนั่นคือความทรงจำสุดท้ายของพวกเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น

การเคลื่อนไหวของเลทิเซียเปรียบดั่งพายุที่ไม่อาจจะหยุดยั้งหรือต่อต้านได้ จะอาร์ติแฟ็คที่ครอบคลุมทั้งเมืองก็ดีหรืออันเดดก็ช่าง

ทุกอย่างล้วนกลายเป็นเศษซากไปจนหมด สร้างเพียงความงุนงงให้กับผู้คนทั้งหมด เลทิเซียยกมือขึ้น ….

เพลิงร้อนฉานปรากฏขึ้นมันหลอมละลายผลงานประติมากรรมน้ำแข็งของเธอจนกลายเป็นเพียงน้ำที่กลับคืนสู่พื้นดิน…

เลทิเซียไม่ได้หันมามองเวโรเน่.. แต่วินาทีที่ผลงานประติมากรรมถูกทำลายลงต่อหน้าต่อตาของเธอมันก็ย้ำเตือนเธอว่า..

เธอไม่ได้มีเวลาขนาดมาเอ้อระเหยอยู่แบบนี้หรอกนะ ต่อให้จะบอกว่าเธอสามารถควบคุมกาลเวลาได้ จะไปโผล่ที่ไหนก็ได้

แต่ทว่าหากไปผิดที่ละก็อาจจะมีภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างปรากฏขึ้นมาอีกก็ได้.. เธอยอมให้มันเกิดขึ้นแบบนั้นไม่ได้…

สรุปก็คือเธอไม่มีเวลามากมายขนาดนั้น… เธอหันหลังแล้วก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ เพราะในความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้นจึงไม่มีใครสนใจเลทิเซียเลย

การเดินจากไปของเธออยู่ภายใต้สายตาของเวโรเน่ เวโรเน่มองเห็นแผ่นหลังของเลทิเซีย.. และนึกถึงภาพที่เลทิเซียสร้างขึ้นมาและถูกทำลายลง

ต่อให้เป็นเวโรเน่ที่โง่เขลาขนาดไหนเธอก็มองออกทันทีถึงสาเหตุที่ว่าเลทิเซียสร้างอะไรขึ้นมา และเธอตามหาอะไร

ดังนั้นไหล่เล็กๆ ของเลทิเซียที่หันหลังให้เธอยามนี้มันช่างดูโดดเดี่ยวและอ้างว้างอย่างมาก…

“เลทิเซีย.. เจ้า..จะไปไหน…”

เวโรเน่พยายามจะกล่าวรั้งเอาไว้.. เพราะนี่ยังไม่ถึงเวลาเลยไม่ใช่เหรอ.. เวลาที่เธอจะออกเดินทาง

ยังไม่ถึงวันเกิดของเธอเลยไม่ใช่เหรอ.. แบบนี้มัน.. แบบนี้มัน.. ทว่าในตอนนั้นเองพ่อของเวโรเน่ก็เดินมาจับเธอเอาไว้

“เวโรเน่ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม.. ลูกไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม… พ่อขอโทษ… พ่อขอโทษจริงๆ ..”

เขากล่าวขึ้นราวกับคนเสียสติ อาจจะเป็นเพราะตัวของเวโรเน่เกือบจะไม่รอดจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้

ทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อแบบเขาถึงกับแทบกระเด็นออกมาจากหัวใจ เวโรเน่ที่ถูกพ่อกอดเอาไว้ถึงกับอึ้ง.. ไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรสักอย่างในตอนนี้

ทำไมพ่อที่ขี้เมาและไม่ค่อยสนใจเธอในหลายเดือนที่ผ่านมาถึงมาแสดงความรู้สึกรักใคร่เอายามนี้….

“ท่านพ่อ.. ข้าต้อง….”

เวโรเน่เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ทว่าพ่อของเธอกับกอดเธอราวกับไม่ต้องการจะปล่อยให้ลูกสาวแยกจากตัวเองอีก

เวโรเน่ไม่สามารถต้านทานแรงของเขาได้ แต่ทว่าดวงตาของเธอกลับจดจ้องไปที่หลังของเลทิเซียที่ค่อยๆ เดินจากไป ..

“…..”

ปากเธอเหมือนอยากจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ ในตอนนั้นเองเลทิเซียก็หันสายตากลับมามองที่เวโรเน่

ทั้งสองสบสายตากันท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายนี้ ดวงตาของเลทิเซียราวกับสามารถสื่อสารกับเวโรเน่ได้..

“ไม่ต้องหยุดฉันหรือตามฉันมา…”

“หันไปมองที่ผลงานของเธออีกรอบสิ..”

ดวงตาของเลทิเซียเลื่อนไปหาผลงานประติมากรรมของเวโรเน่ ตรงนั้นมีรูปแกะสลักที่เวโรเน่แกะสลักเอาไว้

ถึงแม้มันจะไม่เป็นจริงเพราะไม่มีมารดา.. แต่ทว่าภาพในตอนนี้คือภาพที่บิดาเธอกอดเธอด้วยความห่วงใย

สิ่งที่เธอต้องการ.. สิ่งที่เธอปรารถนา

“ความปรารถนาของเธอน่ะ.. ได้รับการตอบรับแล้ว”

“มีความสุขกับมันต่อซะเถอะ”

“เพราะความสุขของฉันน่ะ”

“ฉันยังตามหาไม่เจอ”

สายตานั้นมันส่งตรงข้อความเลหล่านี้เข้าหัวเวโรเน่ราวกับมีเสียงของเลทิเซียดังอยู่ในหัวของเธอจริงๆ

มือของเวโรเน่สั่นสะท้าน.. แต่เธอก็ยังราวกับจะคว้าเอาร่างของเลทิเซียเอาไว้ แผ่นหลังที่โดดเดี่ยวตรงหน้านั้น

แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้..ดวงตาของเธอเผยแววมาดมั่นบางอย่าง ทำให้เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เวโรเน่เลือกที่จะอยู่กับบิดาแทนที่จะไปกับเลทิเซีย… เพราะว่าบิดาคือครอบครัวของเธอ

คือบ้านของเธอ คือความสุขของเธอ.. เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่จะเช็ดน้ำตาของตัวเองและเงยหน้าขึ้น

“สักวัน.. เราต้องเจอกันอีกแน่นอน ใช่ไหม? เลทิเซีย?”

เลทิเซียไม่ได้ตอบคำถามของเวโรเน่ ร่างกายเธอหายไปจากตรงนั้น.. เหมือนไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในชั่วหนึ่งพริบตานั้น เพราะทุกอย่างมันเกิดเร็วเกินไป ในขณะเดียวกันบนท้องฟ้าร่างของไอรีนก็ปรากฏขึ้น

เธอก้มลงมามองทั้งหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยซากศพของปีศาจและมนุษย์เกลื่อนกลาดไปจนหมด น่าแปลกที่ศพของปีศาจและอันเดดมีมากกว่าศพของมนุษย์

อีกทั้งร่างที่แหลกเป็นชิ้นๆ ของเจ้าครองพิภพไอรีนสามารถมองออกทันทีว่ามีศพของเจ้าครองพิภพตายไปเมื่อสักครู่สองคน

แถมอีกคนหนึ่งยังเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ… และเหมือนบาเรียที่สร้างขึ้นโดยอาร์ติแฟ็คก็สลายหายไปด้วย สถานการณ์ที่ไม่เข้าใจนี้สร้างความสับสนให้ไอรีนอย่างมาก

อย่างไรก็ตามไอรีนกวาดสายตาผ่านไปเห็นเวโรเน่และพ่อของเธออยู่กลางสนามรบ เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย

เธอค่อยๆ ทิ้งตัวลงไปบนพื้นทางที่เวโรเน่อยู่

“ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น ท่านอาร์ช”

ไอรีนพูดแบบนั้น พ่อของเวโรเน่ก็สะดุ้งหันกลับมามองทันที เมื่อมองเห็นบุคคลที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้อาร์ชนั้นตัวสั่นด้วยความสับสนก่อนที่จะพูดขึ้น

“ท่านไอรีน… ทำไมท่านถึง…”

ทว่าไอรีนก็ยังจ้องไปที่อาร์ชด้วยสายตาเสียดแทง สำหรับเธอแล้วปีศาจจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่การที่มีมนุษย์ตายขนาดนี้ทั้งที่ไม่ใข่เขตสงคราม

มันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดจนยากจะบรรยาย ไอรีนพูดอีกครั้ง..

“ข้าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“ข้าเองก็ไม่มั่นใจ”

อาร์ชตอบด้วยความสับสนเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ไอรีนขทวดคิ้ว การต่อสู้ที่แม้แต่ ‘อดีตผู้กล้า’ อย่างอาร์ชตามไม่ทันงั้นเหรอ?

นี่มันหมายความว่ายังไงกัน..? แต่ตอนนั้นเองตรงกองซากศพของเจ้าครองพิภพและสเวนก็มีเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาที่มีแต่ไอรีนที่ได้ยิน…

“ยังไม่ตาย เสียงลมหายใจแบบนี้มัน.. มนุษย์!”

ตราบใดที่ยังไม่ตาย… สำหรับไอรีนทุกคนล้วนสามารถฟื้นฟูได้!

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท