การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 384

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 384 – การทำสัญญา

“อ่ะแฮ่ม!”

ในขณะที่เลทิเซียอธิบายทุกอย่างอย่างออกรส ด้านหลังก็มีเสียงกระแอมของเมอร์สันดังขึ้นเหมือนกำลังย้ำเตือนอะไรบางอย่างเลทิเซีย

เลทิเซียเองก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้ทันที ปกติเลทิเซียไม่มีทางปล่อยตัวไปตามสถานการณ์แบบนี้แน่นอน

แต่ด้วยความที่ความพยายามของเธอตลอดห้าปีที่มาอยู่ที่นี่มันประสบความสำเร็จ.. ต้องบอกว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมามักเจอปัญหานั่นปัญหานี่

อันที่จริงด้วยความสามารถระดับเลทิเซียมันควรจะเร็วกว่าห้าปีมาก แต่กลับกินเวลาไปถึงห้าปีแสดงให้เห็นว่ากฎเกณฑ์ของต้นกำเนิดที่แท้จริงนั้นน่ากลัวมาก

อันที่จริงที่เลทิเซียไม่ใช้ ‘ทักษะ’ ในการช่วยเหลือมากนักเธอกลัวว่าภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างจะปรากฏ

แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะไม่ปรากฏเลยก็ตามที.. แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่ามันไม่ได้ทำเวลาขัดแย้งกันตรงๆ

เช่น.. ก่อนหน้านี้ที่เลทิเซียฆ่าคนสองคนนั้นไปที่เป็นคนของเผ่าปีศาจละมั้ง เลทิเซียเองก็จำไม่ได้..

แต่เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลทิเซียจึงคิดว่า บางทีสองคนนั้นมีชะตากรรมที่ต้องตายอยู่ตรงนั้นแต่แรกแล้ว.. และสาเหตุคงมาจากผู้หญิงที่บินมาด้วยความเร็วสูง

แน่นอนว่าเลทิเซียสังเกตเห็นว่ามีคนพุ่งมาทางนี้เช่นกัน เลทิเซียจึงแอบถอยออกมาเงียบๆ นอกจากเวโรเน่แล้วก็ไม่มีใครเห็นเธอ

บางทีถ้าหากเลทิเซียไม่อยู่ที่นี่ ผู้หญิงคนนั้นคงจะเป็นคนฆ่าเองจากการคาดเดาของเลทิเซีย..

แต่ว่า.. ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมเลทิเซียถึงสอนเวทมนตร์ให้เวโรเน่ได้ล่ะ.. จากการที่เลทิเซียลองผิดลองถูกมาคือ..

ตราบใดที่เธอยังไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ขัดแย้งจากในอนาคตที่เธอเห็นมามันก็น่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากขัดแย้งละก็… เรื่องนั้นเลทิเซียไม่กล้าลอง

แต่ก็เคยลองไปแล้วตอนที่พยายามจะห้ามไม่ให้ชาร์ล็อตมอบจี้ให้ตัวเองเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นนั่นแหละ

และขอแค่เลทิเซียไม่สร้างสิ่งที่ขัดแย้งกันก็พอ… สรุปคือเธอแค่ลื่นไหลไปตามสายน้ำเท่านั้น โชคดีที่เธออ่านเรื่องประวัติศาสตร์มาค่อนข้างเยอะ

ทำให้เธอระมัดระวังตัวว่าจะไปสร้างความขัดแย้งของเวลาขึ้น..

“มาคุยกันสักหน่อยไหม?”

เมอร์สันเดินเข้ามาหาเลทิเซียพร้อมพูดขึ้นเลทิเซียเองก็มองอีกฝ่าย ทั้งสองคนเพียงแค่จ้องหน้ากันราวกับเข้าใจกันได้

“อืม”

เลทิเซียพยักหน้าตอบ ทั้งคู่ก็เดินจากไป แต่ก่อนจะไปเลทิเซียก็กล่าวถึงเก้าเดือนมหัศจรรย์การกำเนิดเด็ก

และหากมีอะไรผิดแปลกไปจากนี้ต้องแจ้งให้เธอทราบทันที เลทิเซียอธิบายตั้งแต่ตัวอ่อนไปจนถึงโตเต็มวัยพร้อมที่จะคลอด

หลังจากนั้นเลทิเซียก็เดินตามเมอร์สันไป ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกัน.. อันที่จริงตลอดห้าปีที่ผ่านมาคนที่เลทิเซียคุยเยอะด้วยที่สุดคือเมอร์สัน

เพราะเมอร์สันเป็นคนที่ทำสัญญากับเธอและรู้ว่า ‘เธอมาจากอนาคต’ เรื่องนี้คงต้องกล่าวย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน..

ตอนที่เลทิเซียเจอกับเมอร์สันครั้งแรก และเมอร์สันบอกว่าจะสร้างสิ่งมีชีวิตเทียม.. ใช่แล้วนั่นเป็นแผนที่เลทิเซียเคยคิดไว้

ว่าจะสร้างเด็กที่แปรเปลี่ยนทุกอย่าง เด็กที่เกิดในช่วงเวลานี้ และเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงไปจากเดิมนั่นเอง

พอได้ยินแบบนั้นเลทิเซียจึงเสนอว่า…

“เอาแบบนี้.. มอบสิ่งมีชีวิตเทียมให้กับฉัน.. แลกกับการฉันจะยอมบอกวิธีหยุดสงครามให้กับนายเอง”

แน่นอนว่าต่อให้เป็นเลทิเซียคนเดียวในห้าปีคงทำได้ไม่ถึงขนาดนี้ เพราะเธอยังหวั่นๆ ต่อภาพสะท้อนของเทพผู้สร้าง

แต่ถ้าหากสิ่งมีชีวิตเทียมถูกสร้างขึ้นโดยคนในยุคนี้ล่ะ.. นั่นหมายความว่ามันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอ!

แน่นอนว่าตอนแรกเมอร์สันไม่เชื่อหรอก แต่อย่างไรก็ตามมันก็ดึงดูดเขา.. สำหรับสิ่งมีชีวิตเทียมเขาคิดว่าจะสร้างมันเพื่อมายุติสงครามเท่านั้น

หรือก็คือสิ่งมีชีวิตเทียมที่เป็นเป้าหมายขององค์กร.. แต่ไม่ใช่ตัวสิ่งมีชีวิตเทียมที่พวกเขาต้องการ แต่เป็นหลังจากมีมันต่างหาก

ดังนั้นข้อเสนอเลทิเซียช่างน่าหอมหวานอย่างมาก… ไม่มีใครรู้ว่าตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาเมอร์สันพยายามหยุดสงครามไปแล้วกี่หน

แต่ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง เมื่อมีคนแปลกหน้าที่น่าจะแข็งแกร่งกว่าเขามาบอกว่ามีวิธีหยุด มันไม่มีทางทำให้เขาเชื่อหรอก

แต่เขาก็คิดว่าไม่มีเหตุผลที่เธอต้องโกหกเหมือนกัน… ภายใต้ภาพโลกที่แสนสงบสุขที่หอมหวานทำให้เขาตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่แล้วบอกกับตัวเองว่า

“เมอร์สันเอ้ยเมอร์สัน สิ่งที่เจ้าต้องการคือยุติสงครามที่ดำเนินมาหลายร้อยปีนะ.. ต่อให้โอกาสนั้นจะน้อยนิดก็ควรค่าแก่การเสี่ยง!”

“เอาสิ ก็ได้.. ข้าจะทำสัญญากับเจ้า”

เมอร์สันกล่าวด้วยความยึดมั่น.. เลทิเซียจึงบอกวิธีหยุดสงครามก่อนที่จะได้รับสิ่งมีชีวิตเทียมซะอีก..

ซึ่งมันทำให้เมอร์สันแปลกใจมาก.. แต่พอได้ฟังวิธีเท่านั้นแหละเขาก็รู้สึกเหมือนกับโดนต้มซะเปื่อย…เพราะว่า..

“วิธีที่จะหยุดสงครามคือ… ไม่ต้องทำอะไรเลย เดี๋ยวมันก็หยุดเอง”

“ห้ะ?”

“ฉันจะบอกว่า.. ฉันคือคนที่มาจากอนาคต และในอีกห้าร้อยปีข้างหน้านั้นมีบันทึกประวัติศาสตร์ที่บอกว่า ‘สงครามจะยุติลงในยุคนี้’ ไงล่ะ หากฉันเข้าใจเรื่องโลกนี้ถูก สงครามจะยุตินั้นถูกกำหนดมาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีทางบิดเบือนได้ เพราะหากบิดเบือนได้.. ตอนนี้ภาพสะท้อนเทพผู้สร้างคงปรากฏตัวออกมาแล้ว กล่าวคือตอนนี้อนาคตยังไม่ถูกเปลี่ยนยังไงล่ะ”

พอพูดศัพท์ที่เมอร์สันไม่รู้ออกมาเยอะแยะขนาดนั้นทำให้เขางุนงง เลทิเซียที่ตัดสินใจจะลงเรือลำเดียวกัน แถมเมอร์สันต้องเป็นคนช่วยเหลือเธอในอนาคตอีก

ตามแผนของเลทิเซีย เธอจึงต้องอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจทุกอย่าง….

…..พอเมอร์สันนึกถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาพลางกล่าวขึ้นขณะที่เดินไปยังห้องพักผ่อนว่า

“ตลอดห้าปีที่ผ่านมา.. จากความรู้ของเจ้าที่แสดงออกมา ข้าก็เชื่อแล้วจริงๆ ว่าเจ้ามาจากอนาคตจริงๆ … แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเจ้าควรจะไม่บอกเรื่องนั้นกับใครไม่ใช่เหรอ..”

“ก็อย่างที่เห็นว่าไม่มีภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างปรากฏก็เท่ากับไม่มีปัญหา.. แล้วก็อีกอย่างนายต้องช่วยฉันไงล่ะ”

เลทิเซียพูดขึ้น ทำให้เมอร์สันงุนงงเข้าไปอีก?

“หมายความว่าไง..”

“ที่ฉันจะบอกคือต่อให้สร้างทารกเทียมสำเร็จสิ่งมีชีวิตเทียมก็จะไม่มีชีวิตเพราะมันจะไม่เป็นภาชนะที่สามารถดึงดูดวิญญาณมาได้ เพราะเป็นทารกที่ไม่ได้เกิดมาตามตรรกะปกติของโลก”

“แล้วจะทำอย่างไร?”

“ขโมยวิญญาณจากเทพธิดาบนแดนเทพไง”

พอเลทิเซียพูดแบบนั้น แม้แต่เมอร์สันยังสะดุ้งด้วยความตกใจ เทพธิดาน่ะเหรอ.. บ้าเรอะ ถึงเขาจะไม่ชอบเทพธิดาก็ตามแต่

ทว่าเขารู้ดีว่าเทพธิดานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน จริงอยู่ที่ถ้ามาโลกมนุษย์แห่งนี้เทพธิดาจะถูกผนึกพลังบางอย่างเอาไว้..

แต่หากอยู่แดนเทพ.. เทพธิดานั้นสามารถลบโลกนี้ได้เลยไม่ใช่หรือไงกัน แล้วจะไปขโมยจากแดนเทพน่ะนะ.. อย่าว่าแต่ขโมยเลยจะเข้าถึงยังไงดีกว่า

“อ้ะ.. หรือว่าจะให้ข้าไปเป็นคนขโมยเหรอ?!”

เมอร์สันก็เหมือนนึกอะไรออก เขาก็หันไปมองเลทิเซียตาเขม็ง.. แต่เลทิเซียก็ตอบออกมาแทบจะทันที

“ไม่ไหวหรอก นายคงถูกเทพธิดาฆ่าทันทีแหละ.. แล้วก็ฟังให้จบก่อนสิ”

เลทิเซียเคยเห็นพลังอาภรณ์เทพของซิลเวียมากับตาแล้วด้วย ต่อให้เป็นร่างมารก็ยากจะเทียบเคียงได้แน่นอน

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน