การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 390

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 390 – เลทิเซียงั้นเหรอ?!

และในขณะที่ทั้งสองคุยกันแบบตามปกติในสายตาคนทั่วไป แต่ในความเป็นจริงกำลังเหมือนจะหาทางผูกมิตร

และเลทิเซียก็พยายามเว้นระยะห่างเพื่อสังเกตท่าทีไปก่อน ดวงตาทั้งคู่ที่ส่วนอยู่ใต้ฮู้ดเหมือนกับกำลังจ้องมองไปซึ่งกันและกัน

ภาพนี้ดูประหลาดตาอย่างมาก แต่ก็นะคนในโรงเตี๊ยมปีศาจมีเยอะมาก คนแปลกประหลาดคนพิลึกมีอยู่เยอะเต็มไปหมด

การที่คนสวมฮู้ดปิดหน้าปิดตาจะมาทำเหมือนจ้องตากันก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครเท่าไหร่.. ในขณะเดียวกันนั้นเอง

เนลที่ทานอาหารจนอิ่มเธอก็เหมือนจะนึกอะไรออกหันไปมองหญิงสาวที่สวมฮู้ดสีขาวคลุมอยู่ก็ร้อง ‘เอ๊ะ’ ขึ้นมาเบา

เสียงร้องของเธอไม่ดังมากก็จริง แต่เลทิเซียที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ได้ยิน ขณะที่กำลังสงสัยนั้น เนลก็ชี้นิ้วไปที่หญิงสาวสวมฮู้ดสีขาว

“เจ้ามันคนเมื่อตอนนั้นนั่นเอง!”

เหมือนเธอจะนึกขึ้นมาได้ว่าคนคนนี้คือคนที่ช่วยเธอเมื่อหลายวันก่อนไว้ ก่อนหน้านี้ที่ลืมเป็นเพราะเธอหิวจนตาลาย

ดังนั้นพอหนังท้องตึงเธอก็เหมือนสมองจะพึ่งไหลอีกครั้ง เลทิเซียประหลาดใจเล็กน้อยถามขึ้น

“เธอรู้จักกับผู้หญิงคนนี้เหรอ?”

“อื้อ.. ใช่แล้วล่ะ ขอบคุณนะพี่สาว เพราะคำพูดนั้นของพี่สาวเลยทำให้ข้าเข้าใจขึ้นมาล่ะ.. ว่าข้าควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อข้าแต่เพื่อครอบครัวของช้าด้วย”

เธอพูดความรู้สึกออกมาโดยไม่มีการปิดบัง เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์อย่างหนึ่ง เธอไม่ได้มีความหมายลึกล้ำอะไรเวลาพูด

สิ่งที่เธอพูดไปเธอเพียงแค่อยากขอบคุณพี่สาวที่สวมฮู้ดสีขาวเท่านั้น ไม่มีทั้งเบื้องลึกหรือเบื้องหลังอะไร

มันทำให้คนสวมฮู้ดขาวรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เพราะที่เธอเข้ามาทักและจ่ายเงินให้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหวังผลตอบแทนบางอย่างจากปีศาจคนนี้

ดังนั้นพอโดนความใสซื่อบริสุทธิ์ตรงหน้ามันจึงทำให้คนสวมฮู้ดขาวหัวเราะละอายใจออกมาพร้อมกับตอบ

“ฮะๆ … ไม่ต้องคิดมากหรอก แต่ไม่ว่าจะเจอกันรอบที่สองก็ตามเจ้ายังถูกทำร้ายเหมือนเดิมเลยนะ”

เธอพูดแบบนั้นออกมาหวนนึกถึงตอนที่เจอเด็กคนนี้ครั้งแรกเธอก็เห็นเด็กคนนี้ถูกทำร้ายอยู่เหมือนกัน

พอมารอบสองก็ไม่วายที่จะถูกทำร้ายอีก นี่ยิ่งทำให้คนสวมฮู้ดขาวรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยและสงสารเด็กคนนี้ในเวลาเดียวกัน

พอเนลได้ยินแบบนั้นใบหน้าเธอก็ห่อเหี่ยวลงพร้อมดับพูดขึ้นมาว่า

“ครอบครัวของข้าถูกฆ่าตายหมดแล้ว ถึงจะอพยพมาที่นี่ได้แต่ข้าไม่สามารถเข้าเขตอพยพได้เพราะจำนวนมีจำกัด ข้าเลยถูกทิ้งไว้ในเมือง..”

เธอไม่ได้พูดต่อแต่ความหดหู่ที่แสดงออกมาทำให้เธอดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก พอได้ยินแบบนั้นคนสวมฮู้ดสีขาวก็แปลกใจ

อันที่จริงเธอพอจะเดาได้ว่าทำไมเธอถึงมีสายตาและท่าทางแบบนั้นเมื่อหลายวันก่อน แต่เมื่อได้ฟังว่าเธอเป็นเหยื่อจากสงคราม

เธอก็กำมือเบาๆ … เธอเกลียดสงคราม สงครามมันไม่ได้สร้างวีรบุรุษหรือยอดนักสู้… สงครามมันก็แค่ข้ออ้างของผู้ที่อำนาจ

ที่พยายามจะกลืนกินศัตรูเพื่อแข็งแกร่งขึ้น ไม่มีทั้งกฎและเกณฑ์สิ่งเดียวที่มีคือไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า..

จะขอกล่าวอีกครั้งว่าสงครามไม่ได้สร้างวีรบุรุษ.. แต่สร้างปีศาจ ปีศาจแห่งความเคียดแค้นที่กลายเป็นวัฏจักรที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น

ในขณะที่ทุกอย่างดำเนินไป เลทิเซียเองก็สังเกตอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน ทั้งมือที่กำแน่นทั้งท่าทางแบบนั้น…

ดวงตาของเลทิเซียหรี่ลงเล็กน้อย ความมั่นใจที่เลทิเซียคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ตัวเองตามหาเพิ่มขึ้นอีกหลายระดับ อย่างไรก็ตามเนลที่หดหู่ก็กลับมาพูดว่า..

“แต่ถึงแบบนั้นข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป รอวันที่สงครามจบลง!ใช่ไหมล่ะ พี่สาว?”

เธอถามออกไปแบบนั้น เลทิเซียเลิกคิ้วสูง… หญิงสาวสวมฮู้ดเองก็อึ้งไปพักหนึ่ง… ความมั่นใจของเลทิเซียเพิ่มขึ้นอีกแล้ว

แต่ในทางกลับกันคนสวมฮู้ดขาวกลับเหงื่อกาฬไหลเย็นเยียบ เพราะปฏิบัติการนี้เป็นปฏิบัติการลับๆ .. เพราะหากถูกเปิดเผยละก็..

มีโอกาสที่จะถูกขัดขวาง ยังไงซะในยุคนี้แม้จะมีสงครามและมีคนไม่ต้องการให้มีสงครามเกิดขึ้นอีกก็ตามแต่..

ก็นังมีพวกที่อยากให้มีสงครามเพื่อที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นวีรบุรุษผู้ปราบศัตรูนับหมื่นด้วยพลังแสนยานุภาพที่ไร้เทียมทาน

หากรู้ว่ามีคนต้องการจะหยุดสงครามอย่างแรกพวกมันคงต้องส่งมือสังหารมาลอบสังหารอย่างแน่นอน

แม้จะไม่เป็นปัญหาใหญ่กับพวกเธอก็จริง.. แต่หากถูกตามรังควานไม่หยุดอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นก็ได้

แถมคนตรงหน้าของหญิงสาวสวมฮู้ดสีขาวเหมือนจะเป็นคนที่ไม่ธรรมดาซะด้วยสิ.. เธอแอบเหลือบมองเลทิเซีย

แต่น่าเสียดายเลทิเซียเหมือนไม่ได้สนใจอะไร… ทว่าแทนที่มันจะทำให้เธอสบายใจมันกลับยิ่งทำให้เธอเครียดยิ่งกว่าเดิม

แต่เลทิเซียเองก็คิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว.. อีกอย่างตอนแรกเธอก็ลังเลว่าจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ดี

เพราะลืมคิดไปเลยว่าพอช่วยแล้วจะทำยังไงต่อ ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายรู้จักกับเด็กคนนี้เลทิเซียจึงคิดจะใช้โอกาสนี้หนีออกมา..

“ถ้าพวกเธอรู้จักกันก็ดีแล้ว งั้นฉันไปก่อนนะ มีธุระที่ต้องทำอยู่”

เลทิเซียจะไม่ผูกมิตรแน่นอนหากอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่เลทิเซียตามหา อีกอย่างเธอยังยืนยันไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่เธอตามหาจริงไหม

เพราะหากปักใจเชื่อแบบผิดๆ ไปละก็ อาจจะพลาดกันกับตัวจริงก็ได้.. ดังนั้นเธอจึงต้องรอบคอบไว้ก่อน.. ดังนั้นพอพูดเสร็จเลทิเซียก็หันหลังและเดินจากไป

แต่เหมือนเนลที่เห็นแบบนั้นจะตกใจ เธอรีบวิ่งไปหาเลทิเซียพร้อมกับจุดผ้าคลุมของเลทิเซียเอาไว้

“เดี๋ยวก่อนสิพี่สาว ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเลยนะ”

ทันทีที่เธอดึงผ้าคลุมเลทิเซียจากด้านหลังนั้นเองฮู้ดที่ปกปิดใบหน้าก็ถูกดึงลงทันที.. เผยให้เห็นผมสีดำมืดมิดราวกับรัตติกาลไม่ทอแสงของเลทิเซีย

นัยน์ตาสีดำสนิทของเธอหันกลับมาจ้องมองไปที่เนล ทำให้แม้แต่เนลยังตกใจ ไม่ใช่แค่ส่วนสูงที่ดูยังไงก็เด็ก

เพราะหน้าตาหรือเค้าโครงของใบหน้าก็ยังเป็นเด็กที่เหมือนกับเนลเลย แค่อายุมากกว่าเนลประมาณสองสามปีเพียงแค่นั้น

แต่ถ้าจะให้พูดถึงความแตกต่างอีกอย่างละก็.. คงเป็นความรู้สึกบางอย่างที่เป็นเหมือนกับสัญชาตญาณ..

ทันทีที่สายตาเลทิเซียถูกดึงออกมาจากใต้ฮู้ดสีเทา ร่างกายของเนลก็แข็งทื่อ.. ไม่สิ ไม่ใช่แค่เนล ทุกคนในโรงเตี๊ยมต่างพากันแข็งทื่อ

บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขาเป็นปีศาจเหมือนกัน มีความเกี่ยวพันกับคำว่าจอมมารมากกว่าใครๆ

บัดนี้เมื่อเลทิเซียจ้องไปที่เนลก็ราวกับทำสัญชาตญาณเอาตัวรอดทุกอย่างของพวกเขาตื่นตระหนกขึ้นมา ราวกับ… คนตรงหน้านี้คือจอมมาร!

ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นในพริบตาเดียวเท่านั้น แต่กลับทำโรงเตี๊ยมที่ครึกครื้นเงียบกริบเป็นเป่าสากแทบจะทันที

อันที่จริงเลทิเซียรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะพลังจอมมารของเธอมันมีการสะกดข่มบางๆ อยู่.. แม้ปีศาจระดับสูงจะไม่เป็นอะไรก็จริง

แต่หากปีศาจที่เหมือนกับชาวบ้านธรรมดาเห็นพวกเขาจะแทบขยับไม่ได้เลย เป็นเหมือนการสะกดข่มของราชาแห่งเผ่าพันธุ์ ไม่สนว่าจะเป็นจอมมารจากประเทศไหน.. แต่จอมมารก็ยังเป็นผู้นำของมวลปีศาจอยู่ดีนั่นเอง!

เลทิเซียใช้ทักษะบางอย่างปัดเป่าความรู้สึกกดดันที่ตัวเองสร้างให้กับทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้.. แต่แม้ทุกคนจะงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่มันหลอกผู้หญิงสวมฮู้ดไม่ได้หรอก.. เธอมองออกทันทีว่ากลิ่นอายเมื่อสักครู่มันกลิ่นอายของจอมมาร!

แต่จอมมารที่เด็กแบบนี้ไม่มีนี่น่า.. หรือว่าเธอเป็นคนสืบทอดพลังจอมมารต่อจากรุ่นก่อนงั้นเหรอ? แต่เด็กแค่นี้จะฆ่าจอมมารรุ่นก่อนได้ยังไง?

ต่อให้อ่อนแอขนาดไหนจอมมารก็คือจอมมารนะ!ในขณะที่คนสวมฮู้ดสีขาวที่เป็นเหมือนคนพี่กำลังสับสนและงุนงงนั้นเอง

เลทิเซียที่กำลังจะสวมฮู้ดกลับนั้นเอง ผู้หญิงสวมฮู้ดสีขาวที่เป็นคนน้องก็ลุกพรวดขึ้นจนเก้าอี้ด้านหลังเธอล้มไปด้านหลัง

การเจรจาทุกอย่างเธอมอบให้พี่สาวทำ เพราะพี่สาวเธอมีความเชี่ยวชาญมาก.. แต่พอเธอมองเห็นใบหน้าเลทิเซียเธอก็แทบตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึง

“เลทิเซียงั้นเหรอ?!”

เสียงร้องของเธอทำเอาผู้หญิงสวมฮู้ดสีขาวคนพี่หันกลับไปพูดกับเธอ..

“เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ?”

เลทิเซียที่ถูกเรียกเองก็มีสภาพไม่ต่างกันเธอหันขวับกลับไปมองแทบจะทันที..….

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท