บทที่ 399 – หกเดือนแห่งการพัฒนา
อันที่จริงต่อให้เลทิเซียไม่อยู่ด้วย ไอรีนก็คงหาทางออกได้เอง แต่ก็คงต้องประสบพบเจออะไรอีกมากมายมาขัดขวาง
จนเสียเวลาเยอะขึ้นไปอีก แต่เพราะเลทิเซียนั้นเป็นตัวแปรที่รู้เรื่องทุกอย่างเธอจึงเสนอวิธีที่รวดเร็วยิ่งกว่านั้นนั่นเอง
และทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามแผนของเลทิเซียในแต่ละขั้นตอน…
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นการดำรงอยู่ของเลทิเซียเหมือนมีอิทธิพลมากเกินไป เพราะหลังจากนั้นเลทิเซียก็ชี้ทางไปยังทางเจรจากับจอมมาร
ด้วยความสามารถของเลทิเซียแทบจะสามารถรู้ได้ว่าทุกคนอยู่ไหนบ้างบนโลกแห่งนี้ เธอนำทางให้ไอรีนไปเจอกับจอมมารได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งที่ในความเป็นจริงควรจะเสียเวลาอีกหลายวันกว่าจะได้พบกับจอมมาร แน่นอนว่าก่อนที่จะเข้าพบจอมมาร
ทั้งเลทิเซียเองและไอรีนก็วางแผนบทบาททุดอย่างเอาไว้แทบทุกรูปแบบเพื่อรับมือกับการเจรจาครั้งนี้
ในวันนั้นไอรีนและเวโรเน่ได้เจรจากับจอมมารจนสำเร็จตามแผนที่เลทิเซียวาวเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
จอมมารเองก็เห็นด้วยกับแนวทางและวางทิฐิลงเพื่อทำสัญญากับไอรีน ทำให้นับแต่นี้อาณาจักรฟาร์เนียจะไม่ทำสงครามอีกต่อไป
โดยการแลกกับจะสามารถติดต่อซื้อขายกับเผ่ามนุษย์เพื่อรักษาความพ่ายแพ้ตัวเองได้ แม้ฟังดูตลกที่กองทัพพวกเขาถูกตีแตกด้วยเผ่ามนุษย์
แต่ตอนนี้กลับถูกเผ่ามนุษย์ช่วยเหลือ… แน่นอนว่าเพราะเขาเป็นคนแรกที่ผูกมิตรกับเผ่ามนุษย์เลยทำให้เขาในตอนนี้เป็นศัตรูของเผ่าปีศาจไปโดยปริยาย
แต่แน่นอนว่าเพื่อป้องกันความโกลาหลที่เกิดขึ้น สนธิสัญญาฉบับนี้เป็นสนธิสัญญาที่ร่างขึ้นแบบลับๆ มีแค่จอมมารกับพวกไอรีนเท่านั้นที่รู้เรื่อง
จอมมารเองก็ชั่งได้ชั่งเสียแล้ว.. ในตอนนี้สำหรับเขาไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะออกรบอีกหลายสิบปีเลยล่ะ ต่อให้ในตอนแรกจะใช้จิตวิทยาขู่ได้
แต่หากผ่านไปสักปีประเทศเขาจะต้องถูกรุกรานอย่างแน่นอน เขาเองก็ไม่ได้มีอคติกับเผ่ามนุษย์ด้วย
เพราะก็เข้าใจว่านี่คือสงคราม ที่มันสมควรหยุดได้แล้ว…
หลังจากร่วมมือกันเสร็จจอมมารฟาร์เนียได้แนะนำจอมมารที่เคยร่วมรบกับเขาและเป็นคนดีอีกสองคน
เขาบอกว่าหากบอกสองคนนี้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงและบอกว่าข้าเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำสนธิสัญญา พวกเขาอาจจะตอบตกลงทันทีเลยก็ได้
แต่ระวังหน่อยหนึ่งในนั้นเป็นพวกที่ชอบไม่คิด เขาใช้กำลังตัดสินทุกอย่างก่อนตลอดเลยล่ะ.. เพราะงั้นอาจจะโดนลากเข้าพัวพันต่อสู้ก่อนจะเริ่มเจรจาก็ได้
หลังจากแนะนำแบบนั้นไอรีนก็จากมา… ทั้งสี่คนที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าและตัดสินใจว่าจะไปเยือนคนที่พูดง่ายก่อนคนใช้กำลัง
จอมมารคนนี้เป็นคนสองบุคลิก เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายก็จริง โชคดีที่ตอนพวกเขาไปเจอคือบุคลิกที่เป็นคนใจดี
แต่พอคุยกันไปสักพักฝั่งร้ายก็โผล่ออกมา ฝั่งดีก็แย่ง … สักพักกลายเป็นจอมมารคนนี้กำลังตีกับตัวเองเสียอย่างนั้น .
แต่ด้วยแผนการชักจูงของไอรีนและเลทิเซียทำให้แผนการลุล่วงอย่างสมบูรณ์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนง่ายและเป็นไปตามแผน
แต่ก็มีอะไรหลายอย่างที่เหนือความคาดหมายจนเลทิเซียเสียวสันหลังวาบกลัวว่าภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างจะปรากฏตัวขึ้นมาอีก
จอมมารคนที่สามชื่นชอบการต่อสู้ไม่ค่อยใช้ความคิด พอไอรีนและเวโรเน่ปรากฏขึ้น คนประเภทนี้จัดการได้ง่าย
ให้เวโรเน่กำราบเขาซะ แต่น่าเสียดายต่อให้เป็นเวโรเน่ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ยังสู้จอมมารคนนี้ไม่ได้เพราะเขาเองก็เก่งเป็นอันดับต้นๆ ของเหล่าจอมมาร
ทำให้เวโรเน่เกือบจะแพ้ แต่ก็บอกไปแล้วว่าทุกอย่างมีเลทิเซีย พอรู้สึกตัวอีกทีเขาก็ล้มไปนอนกองกับพื้นแล้ว
แม้แต่เวโรเน่ยังอึ้งหลังจากนั้นเขาค่อยเจรจาด้วยความสันติ ไม่นานสันติภาพก็มาเยือนเช่นกัน..
จอมมารคนที่สี่.. คนที่ห้า.. คนที่หก..
แม้ไม่อาจจะบอกได้ว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยความเรียบง่าย แต่ก็จัดการเรื่องที่ไม่จำเป็นออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก็แหงล่ะ คุณพี่เล่นมีสูตรโกงจากอนาคตเลยนี่น่า… ทำให้จอมมารเจ็ดคนแรกนั้นเต็มไปด้วยความลำบากก็จริงแต่กลับไม่ได้ยากจนทำไม่ได้
แต่พอคนที่แปดเท่านั้นแหละ.. เขาปฏิเสธข้อเสนอของไอรีนและประกาศเรื่องที่ว่าตอนนี้มีคนกำลังมาจะหลอกล่อสร้างความขัดแย้งให้เผ่าปีศาจ
พวกมนุษย์น่ารังเกียจ!ทำให้จอมมารอีกห้าคนที่เหลือที่ซึ่งยังไม่ทำสัญญาออกตามล่าไอรีนและเวโรเน่
โชคยังดีที่มีแค่ห้าคน หากมาทั้งสิบสองคนอย่าว่าแต่ไอรีนกับเวโรเน่เลยต่อให้พวกเธอมีอีกสามสิบคนก็คงสู้จอมมารที่รวมพลังสิบสองคนสังหารไม่ได้
แต่จอมมารห้าคนก็เพียงพอจะทำลายล้างประเทศหนึ่งได้ภายในไม่กี่นาที.. แถมพอสู้กันจอมมารทุกคนใช้ร่างมารแทบทั้งหมด
ร่างมารที่มีพลังแม้แต่การบิดเบือนกฎของสวรรค์แทบทำให้เวโรเน่กับไอรีนตกที่นั่งลำบาก ยังดีที่มีเลทิเซียคอยช่วยเงียบๆ
ทำให้การเดินทางของพวกเธอไม่ง่ายดายอีกต่อไป ทางฝั่งจักรวรรดิมังกรเองก็ทราบเรื่องนี้ มึงจึงแอบส่งคนจำนวนหนึ่งที่เป็นนักฆ่ามาลอบสังหารไอรีนและเวโรเน่
อีกคนก็..เนลด้วย.. และเหมือนพวกมันจะรู้ด้วยว่ามีคนแอบช่วยพวกไอรีนและเวโรเน่อยู่ในเงามืดอีก
ทำให้ไอรีนและเวโรเน่ไม่มีทางเลือกนอกจากจะออกจากแดนปีศาจและไปยังแดนกึ่งมนุษย์เสียก่อน
พวกเธอไม่ได้ไปหาแวมไพร์แต่ไปหาเผ่าเอล์ฟ เผ่าจิ้งจอกและเผ่าดรายแอดส์ เผ่ากึ่งมนุษย์ที่เป็นเหมือนหัวหอกของเผ่าแทบทุกพวกไอรีนและเวโรเน่ติดต่อหา
แม้ตอนแรกพวกเขาจะคิดว่าเป้าหมายของไอรีนคือสร้างความแตกแยก แต่ไอรีนก็บอกสิ่งที่พวกเธอต้องการจริงๆ ..
อันที่จริงสงครามเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทุกคนบนโลกนี้มีอายุหลักร้อยปีล้วนเข้าใจสิ่งนี้ทั้งหมด..
ใช่แล้วพวกเขาต่างก็ต้องการที่จะยุติสงคราม อยากที่จะปรองดอง แต่น่าเสียดายในยุคนี้หากมีเสียงต่างขึ้นภายในเผ่าพวกเขาจะถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีต
จึงไม่มีคนกล้าที่จะปฏิเสธหรือเปลี่ยนแปลง.. แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาของการยุติสงครามได้แล้ว
ไม่นานไอรีนก็ซื้อใจพวกผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่ากึ่งมนุษย์และสร้างสภาสูงสุดขึ้นมาอย่างลับๆ ได้สำเร็จ!
แม้จะบอกว่าไม่นานก็ตามที.. แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ผ่านไปแล้วถึงหกเดือน ใกล้ถึงเส้นตายที่เลทิเซียกำหนดไว้แล้ว
โจทย์หลังจากนี้ต่างหากที่ยาก.. เผ่าแวมไพร์ จักรวรรดิมังกรและเผ่ากึ่งมนุษย์อีกห้าคน …
แน่นอนว่าภายใต้สารทุกข์สุกดิบที่ผ่านพ้นมาด้วยกันตลอดครึ่งปี มันมีมากมายยิ่งกว่าอะไร..
แม้แต่เลทิเซียเองที่เวลาตกเย็นตอนทานข้าวเธอก็จะแอบไปนั่งอยู่คนเดียวตลอดก็ตามที…
แต่ทุกครั้ง ไอรีน เวโรเน่และเนลก็จะพุ่งพรวดไปทางที่เลทิเซียอยู่ แม้เลทิเซียจะอยากอยู่คนเดียวแค่ไหนแต่เหมือนพวกไอรีนจะเป็นมารผจญ..
หินหากถูกน้ำเซาะทุกวันยังคงแปรเปลี่ยน.. เลทิเซียเองก็ไม่ต่างกัน ไม่ใช่ว่าเธอเก่งกล้าจนสามารถพิชิตทุกคนได้แล้ว
เธอจะไม่ตื่นเต้นกับสถานการณ์เสี่ยงตาย… เพราะเธอเองก็เสี่ยงตายทุกครั้งไม่ต่างกัน.. ทุกครั้งที่ยื่นมือเขาช่วยเธอเกรงว่าอาจจะเกิดภาพสะท้อนขึ้น
หรือบางครั้งถึงขั้นที่ต้องไม่ยอมทำอะไรเลยให้พวกเธอดิ้นรนหลบหนีออกมาเองให้ได้ แต่ก็ยังเกือบตาย
ความรู้สึกเหล่านี้แหละคือ.. การผจญภัย… การผจญภัยเหมทอนในนิยายที่ต้องเดินทางไปปราบจอมมาร
แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อปราบจอมมาร แต่การเดินทางของพวกเธอที่ประกอบไปด้วย ผู้กล้า จอมเวทและจอมมาร.. ของแถมอย่างเด็กอีกคนด้วย
เพื่อยุติสงครามภัยที่ร้ายแรงยิ่งกว่าอะไร.. นี่เป็นการเดินทางเพื่อเอาชนะโลก!ไม่ใช่แค่เอาชนะจอมมารเท่านั้น!
แน่นอนว่ามีทั้งเคยรู้สึกท้อรู้สึกถอย บางครั้งก็ไร้หนทางจนแทบอยากจะโยนทุกอย่างทิ้งไปให้หมด..
แต่ว่าเมื่อไอรีนได้มองไปยังแผ่นหลังของเลทิเซีย.. เธอก็คิดคำถามขึ้นมาว่า คนคนนี้เธอจะเคยท้อถอยบ้างหรือเปล่านะ?
เธอเคยรู้สึกเหนื่อยอะไรบ้างหรือเปล่านะ?
ทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมาไอรีนถึงไม่เคยเห็นเลทิเซียหยุดก้าวไปข้างหน้าเพื่อเป้าหมายเลย.. เธอไม่เคยรู้สึกท้องั้นเหรอ?
เธอไม่เคย…รู้สึกอยากยอมแพ้บ้างงั้นเหรอ..?