เมื่อเฟยหลงคิดได้ว่ามีอีกวิธีก็คือการเพิ่มพลังของทักษะยุทธ์ซึ่งในอดีตที่เคยเป็นเซียนเฟยหลงได้ครอบครองทัษะต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน
ทักษะที่เฟยหลงเคยมีอยู่นั้นมีทักษะที่อ่อนแอและแข็งแกร่งแม้เเต่ทักษะระดับเซียนเฟยหลงก็ได้ครอบครองไว้หลายทักษะ
ดังนั้นเฟยหลงจึงพยามคิดทักษะที่ไม่ได้อยู่ระดับสูงมากเพราะถ้าระดับทักษะสูงเกินไปเฟยหลงก็ไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงของทักษะหรือไม่สามารถใช้ทักษะนั้นได้เมื่อคิดได้ดังนี้เฟยหลงจึงกล่าวพึมพัมกับตัวเอง
” ในอดีตข้ามีทักษะยุทธ์ที่ข้าใช้เป็นหลักแต่ตอนนี้พลังบ่มเพาะของข้าเป็นเพียงแค่ขอบเขตก่อกำเนิดขั้นที่ห้าข้าน่าจะลองหาทักษะอื่นในความทรงจำดู ”
เฟยหลงไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่ตนกำลังค้นห้าความทรงจำเกี่นวกับทักษะยุทธ์ต่างๆที่มีอยู่แล้วเลือกออกมาฝึกไม่กี่ทักษะคือ ทักษะยุทธ์หมัดทลายศิลา ทักษะยุทธ์ก้าวพริบตา
ทักษะยุทธ์แบ่งออกเป็นเก้าระดับซึ่งระดับของทักษะนั้นยิ่งอยู่ระดับสูงเพียงใดทักษะนั้นก็ยิ่งยากที่จะฝึกฝนมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเลือกวิชาที่จะฝึกได้เฟยหลงก็ได้เดินออกไปยังลานบ้านข้างหลังที่เฟยหลงได้เลือกเอาไว้ใช้สำหรับฝึกทักษะยุทธ์ต่าง
ทักษะเเรกที่เฟยหลงฝึกคือทักษะยุทธ์ก้าวพริบตา
” ซึ่งทักษะที่เฟยหลงเลือกมานี้เป็นทักษะยุทธ์ระดับก่อเกิดซึ่งเป็นทักษะยุทธ์ระดับต่ำสุดของทักษะยุทธ์ทั้งเก้าระดับเเต่ทักษะยุทธ์นี้ถึงแม้จะอยู่ในระดับต่ำสุดของเก้าทักษะยุทธ์แต่ก็เป็นทักษะยุทธ์ที่จัดอยู่ในระดับดีมากหรือดีที่สุดในขั้นก่อเกิดแต่ตอนนี้แค่ทักษะยุทธ์ระดับนี้คงเพียงพอแล้ว ”
” ทักษะยุทธ์ก้าวพริบตาแบ่งออกได้ทั้งหมดสามขั้นที่หนึ่งสามารถทำให้แค่เพียงก้าวครั้งเดียวก็สามารถไปได้ไกลถึงสามจั้งขั้นที่สองสามารถไปได้ไกลถึงห้าจั้งและก็ขั้นสุดท้ายที่ก้าวเพียวก้าวเดียวก็สามารถไปไกลได้ถึงสิบจั้งเมตร”
เฟยหลงได้ทำการเริ่มโคจรพลังปราณของตนตามที่ระบุไว้ในคำอธิบายของทักษะและผ่านไปครึ่งก้านธูปตอนนนั้นเองที่เท้าเฟยหลงให้ความรู้สึกเบาและสามารถเคลื่อนไหวได้ดังที่ต้องการ
‘ พรึบ ‘
เมื่อเฟยหลงได้ลองก้าวออกไปก็ปรากฏร่างของเฟยหลงก็ได้ห่างออกไปจากตำแหน่งเดิมสามจั้งซึ่งเฟยหลงได้บรรลุขั้นที่หนึ่งของทักษะยุทธ์ก้าวพริบตาแล้วเมื่อเห็นดังนั้นเฟยหลงจึงไม่พอใจแต่ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า
” เฮ้อ… ข้าใช้เวลาตั้งครึ่งก้านธูปก็ไปได้เพียงแค่สามจั้งความเร็วการฝึกนี่ช่างช้าจริงแต่ก็ต้องฝึกต่อไปเพื่อที่จะนำไปใช้ในการต่อสู้หรือหลบหนีในตอนนี้ก็พอจะใช้ถูไถไปได้”
ถ้าเหล่าผู้เยาว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัฉริยะแห่งเมืองฟ้ากระจ่างได้มาเห็นเวลาที่เฟยหลงใช้ฝึกทักษะก้าวพริบตาแค่ครึ่งก้านธูปคงอับอายจนแทบจะอยากกระอักเลือดแต่เมื่อเฟยหลงได้ฝึกสำเร็จขั้นที่หนึ่งกลับรู้สึกไม่พอใจอย่างมากเพราะใช้เวลานานเกินไปกว่าที่ตนคิด
พวกเขาคงไม่อยากอยู่เมืองฟ้ากระจ่างร่วมกับสัตว์ประหลาดหรือปีศาจตนนี้แล้วไม่ว่าพวกเขาจะเทียบด้วยขอบเขตการบ่มเพาะความเร็วการเรียนรู้ทักษะยุทธ์พวกเขาเหล่านั้นคงอยากจะเอาหัวโหม่งกำแพงตายก็เป็นได้เพราะถ้าให้เทียบกับเฟยหลงแล้วพวกเขาคงไม่นับเป็นอันใด
ด้านเฟยหลงได้เริ่มฝึกต่อไปโดยที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องฝึกทักษะยุทธ์ก้าวพริบตาจนสำเร็จขั้นที่สามให้ได้เวลาได้ผ่านไป
หนึ่งก้านธูปเฟยหลงใกล้ฝึกสำเร็จของขั้นที่สอง
ครึ่งชั่วยามผ่านไปเฟยหลงได้ฝึกสำเร็จของขั้นที่สอง
หนึ่งชั่วยามผ่านไปเฟยหลงได้ฝึกสำเร็จของขั้นที่สาม
เฟยหลงได้หยุดฝึกและนั่งพัก
” ข้าต้องพยามมากขึ้นไปอีกแค่นี้ยังไม่พอที่ข้าได้หวังเอาไว้ต่อไปต้องฝึกทักษะยุทธ์หมัดทลายศิลาต่อ “