เหล่าผู้คนได้เริ่มกันตะโกนประมุลราคาของหนังสือที่มีทักษะบ่มเพาะขอบเขตวิญญาณ
” หนึ่งเเสนห้าหมื่นเหรียญทอง ”
” หนึ่งแสนเก้าหนื่นเหรียญทอง ”
” สองแสนสี่หมื่นเหรียญทอง ”
” สามแสนเหรียญทอง ”
เหล่าผู้บ่มเพาะชั้นที่หนึ่งซึ่งใช้สมบัติที่เก็บเอาไว้มากมายได้ตะโกนกล่าวราคาและมีบางกลุ่มที่รวมเหรียญทองกัน
เพื่อประมูลหลังสือที่เก็บทักษะบ่มเพาะขอบเขตวิญญาณ
เฟยหลงได้มองดูให้เหล่าผู้บ่มเพาะที่กำลังแย่งกันประมูลหนังสือที่มีทักษะบ่มเพาะขอบเขตวิญญาณ
ชายชราชางฟู่ที่เห็นเฟยหลงได้นั่งมองดูเหล่าผู้บ่มเพาะได้เสนอราคาประมูลกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านจึงตัดสินใจกล่าวถาม
” นายน้อยเฟยหลงไม่ได้สนใจหนังสือที่มีทักษะบ่มเพาะขอบเขตวิญญาณเลยหรือ ”
เมื่อชายชราชางฟู่กล่าวจบก็ได้มองดูเฟยหลงเหมือนกับจะมองให้เห็นถึงจิตใจแต่ก็เจอแค่ม่านหมอกเท่านั้นเพราะไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ก็เหมือนเดิม
จึงยอมแพ้รอเฟยหลงตอบคำถามของตน
เฟยหลงได้มองชายชราชางฟู่และตอบคำถามนั้นกลับไปด้วยคำกล่าวที่หยิ่งยโสว่า
” มันก็แค่ทักษะย่มเพาะขอบเขตวิญญาณก็เท่านั้นเองไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด ”
” ถึงในสายตาคนอื่นจพดีเเค่ไหนแต่ในสายตาข้ามันก็แค่ขยะเท่านั้น ”
เมื่อชายชราชางฟู่ได้ยินคำกช่าวที่หยิ่งยโสของเฟยหลงถึงกับกระตุกมุมปากแล้วกล่าวถาม
” นาย้อนเฟยหลงท่านไม่เห็นค่ามันหน่อยหรือ ”
เฟยหลงได้กล่าวตอบชายชราชางฟู่กลับไปว่า
” ข้าสามารถหาทักษะบ่มเพาะขอบเขตวิญญาณได้มากมายทำไมจ้าต้องสนมันด้วยมันก็แค่ของเล็กน้อยเท่านั้นเอง ”
การประมูลได้ดำเนินต่อไปจนมีเสียงของหยางเทียนกล่าวเสนอราคาประมูล
” ห้าแสนเหรียญทอง ”
และใช้สายตาของเจขกวาดมองเหมือนจะกล่าวว่า
‘ พวกเจ้าอย่าได้คิดที่จะมาแย่งทักษะบ่มเพาะนี้กับข้าไม่งั้นเจ้าจะถูกนับเป็นศัตรูของตระกูลหยางเรา ‘
พนักงานสาวที่ได้เห็นว่าราคาประมูลไม่ได้เพิ่มขึ้นอีกจึงกล่าวถามเหล่าผู้บ่มเพาะทั้งหลายที่เข้าประมูล
” พวกท่านไม่มีใครอยากจะซื้อหนังสือที่มีทักษะบ่มเพาะขอบเขตวิญญาณอยู่อีกไหมมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆ ”
พนักงานสาวที่กำลังจะกล่าวปิดการประมูลก็ได้มีเสียงหนึ่งกล่าวขัดขึ้นมาว่า
” หกแสนเหรียญทอง ”
ผู้นำตระกูลหยางได้หันหน้าไปมองห้องพิเศษที่อยู่ไม่ไกลจากอีกด้านของกระจกซึ่งคนที่กล่าวเสนอราคาประมูลคือผู้นำตระกูลเฉินจึงกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า
” เจ้าพวกตระกูลเฉิน ”
เฟยหลงที่ได้ยินเสียงนั้นกล่าวจึงรู้สึกสนใจและกล่าวถามชายชราชางฟู่ว่า
” คนที่อยู่ในห้องที่พึ่งกล่าวเมื่อกี้คือใคร ”
ชายชราชางฟู่ได้กล่าวตอบเฟยหลง
” คนที่อยู่ในห้องนั้นคือคนตระกูลเฉินหนึ่งในสองตระกูลที่ปกครองเมืองฟ้ากระจ่าง ”
เฟยหลงได้กล่าวถามชายชราชางฟู่ว่า
” งั้นคนที่กล่าวเสนอราคาประมูลละท่านรู้จัเขาไหม ”
ชายชราชางฟู่ได้ครุ่นคิดโดยใช้เวลาไม่นานก็ได้ตอบเฟยหลงกลับไปว่า
” ถ้าข้าจำไม่ผิดคนที่กล่าวเสนอราคาประมูลน่าจะเป็นผู้นำตระกูลเหมือนกับผู้นำตระกูลหยางที่อยู่ในห้องพิเศษอีกห้องที่ชื่อหยางเทียน ”
ทางด้านหยางเทียนที่โดนผู้นำตระกูลเฉินเสนอราคาประมูลมากกว่าได้โกรธแค้นอย่างมากที่ผู้นำตระกูลเฉินนั้นท้าทายตน
” แกคิดว่าเพราะมีคนหนุนหลังเเล้วพวกข้าตระกูลหยางจะกลัวพวกเจ้าหรือ ”
และหยางเทียนได้ตัดสินใจเสนอราคาต่อ
” เจ็ดแสนเหรียญทอง ”
และแล้วก็มีเสียงจากห้องพิเศษของตระกูชเฉินซึ่งเป็นเสียงของผู้นำตระกูลได้กล่าวเสนอราคาประมูล
” เก้าแสนเหรียญทอง ”
” ผู้นำตระกูลหยางท่านนั้นควรปล่อยสิ่งนี้มห้ตระกูลเฉินดีกว่าไหมข้าเกรงว่าท่านจะทำให้ตระกูลของท่านต้องล้มละลาย ”
หยางเทียนที่โดนหยามหน้าจึงโกรธและตอบกลับไปว่า
” มันไม่ใช้เรื่องของตระกูลเฉิน “