เมื่อพนักงานชายกลับออกจากห้องพิเศษของตระกูลเฉินไปเฉินหมิงก็ได้ถอนหายใจและกล่าวพึมพัมกับตนเองว่า
” อ่า… นายน้อยเฟยหลงคนนั้นเป็นใครกันเเน่นถึงมีสิ่งของนั้นที่อยู่ในการประมูลครอบครองไว้และยอมให้ข้ามาเพื่อให้ข้านั้น ”
” ช่วยเเสดงบางอย่างเล็กน้อยให้หน่อยโดยคนที่นายน้อยเฟยหลงบอกคือตระกูลหยางเเห่งเมืองฟ้ากระจ่างซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ที่ปกครอมงเมืองอีกด้วย ”
เฉินหมิงเมื่อคิดเรื่องราวต่างๆอยู่ในสมองก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างมีความสุข
” ถึงเเม้ว่าตระกูลหยางนั้นจะโชคร้ายที่ดันไปมีเรื่องบาดหมางกันนายน้อยเฟยหลงคนนั้นแต่าำหรับพวกเราตระกูลเฉินแล้วมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ว่าได้ ”
………………………………….
ทางด้านเฟยหลงที่กำลังนั่งรอคำตอบอยู่ก็เสนอราคาประมูลเพิ่มขึ้นให้สูงกว่าเดิม
” นายน้อยผู้นี้ขอเสนอราคาสี่แสนสองหมื่นห้าพันเหรียญทอง ”
และแล้วตอนนั้นเองที่พนักงานชายคนนั้นได้กลับมาและกล่าวรายงานกับเฟยหลงว่า
” นายน้อยเฟยหลงข้าได้ไปทำตามที่ท่านได้กล่าวไว้แล้ว ”
” และก็อีกอย่างผู้นำตระกูลเฉินที่ชื่อเฉินหมิงนั้นกล่าวบอกกับข้าน้อยให้นำคำที่เจาได้กล่าวออกมาว่าขอบคุณท่ายและน้ำใจครั้งนี้เขาจะต้องตอบเเทนเเน่นอน ”
เฟยหลงได้ยินดังนั้นจึงถามต่ออีกว่า
” เจ้าให้กระดาษนั้นไปแล้วเมื่อเฉินหมิงเปิดอ่านมีการตอบสนองอะไรบ้าง ”
พนักงานชายก็ได้กล่าวว่า
” สีหน้าของเขาการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยซึ่งน่าจะพยามซ่อนไว้ถ้าให้ข้าคาดเดาตามความรู้สึก ”
เฟยหลงได้หยิบตั๋วแทนเหรียญทองหนึ่งหมื่นทองให้กับพนักงานชายคนนั้นและกล่าวว่า
” เอาละเจ้าไปได้แล้ว ”
เมื่อพนักงานชายเห็นว่าเฟยหลงได้หยิบตั๋วเหรียญทองจำนวนหนึ่งหมื่นให้จึงลังเลที่จะรับ
และหันหน้าไปมองชายชราชางฟู่ซี่งได้พยักหน้าให้ตนจึงรับตั๋วแทนเหรียญทองใบนั้นและกล่าวขอบคุณเฟยหลง
” ขอบพระคุณมากนายน้อยเฟยหลง ”
…………….……………..
ทางด้านหยางเทียนที่เห็นว่าเฟยหลงได้เสนอราคาอีกจึงเสนอราคาเพิ่มขึ้นให้มากกว่าเฟยหลง
” สี่เเสนหกหมื่นเหรียญทอง ”
และหยางเทียนก็ได้กล่าวว่า
” ฉินหมิงเจ้าจะไม่เสนอราคาต่ออีกหรือไม่งั้นข้าจะต้องได้เม็ดยาปกปักวิญญาณ ”
เฉินหมิงก็ได้กล่าวตอบว่า
” ข้าขอยอมเเพ้ละกันพอดีตระกูลข้าเหลือเหรียญทองไม่มากพอที่จะซื้อแล้วเห้อ…….. ”
หยางเทียนที่เห็นว่าเฉินหมิงกล่าวยอมแพ้จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ
เพราะว่าก่อนหย้านี้เฉินหมิงได้ประมูลหนังสือที่มีทักษะบ่มเพาะขอบเขตวิญญาณอยู่
ึด้วยเหตุนี้หยางเทียนไม่ได้รู้ว่าตนนั้นกระโดดลงไปลงหลุมกับดักที่เฟยหลงได้ขึดเอาไว้เรียบร้อยเเล้ว
เฟยหลงที่กำบังนั่งอยู่ก็ได้ยิ้มขึ้นมาเพราะตอนนี้กำลังคิดว่าตนนั้นจะได้เหรียญทองกี่เหรียญจากหยางเทีย
และก็ได้กล่าวประมูลเเข่งกับหยางเทียนต่อ
” นายน้อยผู้นี้ขอเสนอราคาห้าแสนเหรียญทอง”
หยางเทียนเริ่มที่จะลังเลเพาราะว่าห้าเเสนเหรียญทองนั้นมันเท่ากับทรัพย์สินจำนวนมากของตระกูลหยาง
ตอนที่หยางเทียนกำลังลังเลอยู่นั้นก็ได้มีเสียงอันเกียจคร้านดังขึ้นมาว่า
” ถ้าเจ้าไม่เหรียญทองพอก็ไสหัวไป ”
” ข้าไม่ต้องการเเข่งกับขอทานน้อยเช่นเจ้า ”
ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจากเฟยหลงที่กล่าวออกมา
หยางเทียนที่ได้ยินคำดูถูกดูแคลนก็โกรธที่มาว่าคนอย่างเขาว่าเป็นขอทานน้อยและเมื่อความโกรธได้ครอบงำสติหยางเทียนจึงเสนอราคาตาอ
” ข้าเสนอราคาหกแสนเหรียญทอง ”
” ที่นี้เจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้อีกเหรอ ”
เฟยหลงที่ได้เห็นว่าแผนของตนนั้นสำเร็จแล้วจึงกล่าวออกไปว่า
” โอ้เจ้าช่างเป็นคนที่ร่ำรวยสะจริงงั้นข้ายกให้เจ้าเลยถ้าเจ้าอยากได้มากข้าไม่อยากลดตัวลงไป ‘ แย่งชิงกับขอทานน้อย ‘