ซูซ่านได้ตอบเฟยหลงว่า
” อืม ”
เฟหยลงได้จูงมือซูซ่านที่กำลังอุ้มเสี่ยวไป๋ซึ่งกำลังหลับอยู่ไปโรงเตี๊ยมที่อยู่ไกล้ที่สุด
เฟยหลงก็ได้เรียกพนักงานพร้อมกล่าวว่า
” นำอาหารที่ดีที่สุดของร้านมาทั้งหมด ”
พนักงานได้ตอบดฟยหลงว่า
” โปรดรอสักครู่ ”
แล้วพนักงานคนนั้นได้กลับไปทำอาหารตามที่เฟยหลงได้สั่ง
ซูซ่านได้วางเสี่ยวไป๋ลงบนเก้าอี้ที่นั่งข้างๆและกล่าวออกมาว่า
” นี่เสี่ยวไป๋เจ้าจะนอนไปถึงเมื่อไหร่กัน ”
และได้ใช้มือลูบขนที่นุ่มนิ่มของมันจนกระทั่งพนักงานได้กลับมาพร้อมอาหารที่เฟยหลงได้สั่ง
” อาหารที่ท่านสั่งได้แล้ว ”
เฟยหลงได้บอกซูซ่านว่า
” กินก่อนเถอะเดี๋ยวมีเรื่องที่จะต้องไปทำต่ออีกเยอะ ”
ซูซ่านก็ได้พยักหน้าและกล่าวตอบเฟยหลง
” อืม ”
เสี่ยวไป๋ที่นอนอยู่เทื่อได้กลิ่นอาหารกลับลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
” อ๋าว ”
ซูซ่านที่เห็นดังนี้จึงกล่าวออกมาว่า
” เจ้าตื่นแล้วหรือเสี่ยวไป๋มาทานอาหารกับพวกเราไหม ”
เสี่ยวไป๋ได้ให้คำตอบโดยที่ตนได้ใช้เท้าหน้าทั้งสองเกาะขอบโต๊ะพร้อมกับจ้องมองอาหารที่เฟยหลงได้สั่งมา
ด้วยดวงตาที่เปร่งประกายเฟยหลงที่่ได้เห็นอย่างนั้นจึงกล่าวกับเสี่ยวไป๋
” เริ่มทานกันเถอะ ”
ทั้งสามได้ทานอาหารที่สั่งมาจนหมดและหลังจากที่จ่ายเงินเสร็จก็ได้เดินไปสถานทร่ต่างๆมากมาย
…………………….
สามวันผ่านไปข่าวเรืาองที่หยางเทียนผู้นำตระกูลหยางกับหยางโจได้ถูกลอบสังหาร
ก็ยังไม่ได้หายไปส่วนตระกูลหยางที่จับมือสังหารตนนั้นไม่ได้ล้วนเสียหน้าเพราะขนาดที่ผู้อาวุโสของตระกูล
ได้สั่งตรวจทางเข้าออกเมืองอย่าเข้มงวด
ในบ้านแห่งหนึ่งได้มีเด็กหนุ่มตนหนึ่งนั่งบ่มเพาะอยู่และในขณะนั้นลมปราณที่อยู่ในอากาศได้ถูกร่างกายดูดซับพร้อมกับตามมาด้วยเสียงระเบิด
” ตู้ม ”
ฝุ่นควันได้เกิดขึ้นแล้วจางหายไปก็ได้ปรากฏเด็กหนุ่มตนหนึ่ง
ซึ่งไม่ใช่ใครนอกจากเฟยหลงนั้นเอง
เเละเสียงเคาะประตูก็ได้ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของซูซ่าน
” ท่านพี่เฟยหลงท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ”
เฟยหลงได้เปิดประตูออกไปปละก็ได้พบกับซูซ่านที่กำลังส่วมชุดสีเขียวอ่อนที่เฟยหลงได้ซื้อให้
แล้วกำลังมองเฟยหลงอย่างเป็นห่วง
เฟยหลงที่เห็นอย่างนั้นจึงกล่าวว่า
” ข้าไม่เป็นไร ”
ซูซ่านกำลังจะถามเฟยหลงก็ได้หยุดชะงักเพราะมีเสียงหนึ่งตะโกนว่า
” ใครคือเฟยหลงออกมานี่เดี๋ยวนี้เลย ”
ซูซ่านที่ได้ยินเสียงดังกล่างจึงรู้สึกแปลกใจและกล่าวถามเฟยหลง
” ท่านพี่เฟยหลงเสียงใครตะโกนเรียกท่านด้วยท่านรู้ไหมว่าเป็นใคร ”
เฟยหลงได้คาดเดาไว้แล้วว่าเป็นใครแต่ก็กล่าวกับซูซ่าน
” งั้นออกไปดูกันจะได้รู้ว่าเป็นใคร ”
เฟยหลงได้เดินออกไปโดยบอกกับซูซ่านว่า
” เจ้าไม่ต้องไปรอข้าอยู่ในบ้านละกัน ”
” ข้ารู้ว่ามันต้องไม่ได้มาดีเเน่นอน ”
” จำไว้ว่าอยู่ที่นี่ห้ามไปไหน ”
ซูซ่านได้พยักหน้าและบอกกับเฟยหลง
” ท่านพี่เฟยหลงท่านระวังตัวด้วยนะ ”
เฟนหลงได้กล่าวปลอบซูซ่านว่า
” ไม่ต้องห่วงไม่มีใครในเมืองนี้ทำอะไรข้าได้หรอก ”
ด้านนอกบ้านพักของเฟยหลงได้มีชายคนหนึ่งยืนรออยู่และกล่าวพึมพัมว่า
” บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่หรือไงเเต่ตามข้อมูลที่ได้มาคนที่ชื่อเฟยหลงนั้นต้องอยู่ที่เเห่งนี้อย่างเเน่นอน ”
ด้านหลังของชายคนนั้นได้มีผู้คุ้มกันสองคนสวมเกราะอยู่
เฟยหลงได้เดินออกมาจากบ้านและเห็นชายคนนั้นจึงแสร้งกล่าวถามว่า
” พวกเจ้ามาทำอะไรตรงที่เเห่งนี้ ”
ชายคนนั้นได้ตอบเฟยหลงกลับไปว่า
” ข้ามาตามหาคนที่ชื่อเฟยหลงที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ”
เฟยหลงจึงกล่าวตอบกลับไป
” ข้าเองที่ชื่อเฟยหลงและพวกเจ้าบอกสิ่งที่ต้องการมา ”
” ไม่งั้นก็ไสหัวออกไปจากหน้าบ้านของข้า ”
ชายคนนั้นได้ปั้นสีหน้าที่ดูเป็นมิตรและกล่าวกับเฟยหลงว่า
” พวกเรามาเชิญนายน้อยเฟยหลงไปสอบถามเรื่องบางอย่างเท่านั้นเอง “