เฟยลงที่ได้ยินซูซ่านกล่าวออกมาจึงยิ้มพร้อมกับกล่าวตอบกลับไปว่า
” งั้นอีกห้าวันข้างหน้าออกเดินทางระหว่างนั้นเจ้าจะเตรียมของอะไรที่ต้องการก็ได้ ”
ซูซ่านก็ได้ตอบเฟยหลงกลับไปว่า
” ข้าจะทำตามที่ท่านพี่เฟยหลงสั่ง ”
ซูซ่านก็ได้เดินกลับเข้าไปเตรียมของที่จำเป็นต้องใช้
เสี่ยวไป๋ที่นอนอยู่ก็ได้ลุกขึ้นและเดินมาทางด้านเฟยหลงและมานอยหมอบอยู่ข้าง
” อ๋าว ”
เฟยหลงก็ได้ลูบหัวของเสี๋ยวไปแล้วกล่าวกับมัน
” เอาละส่วนเจ้าเสี่ยวไป๋อีกห้าวันเจ้าจะต้องยกระดับพลังหน่อยแล้วละ ”
” เพราะว่าระหว่างการเดินทางครั้งนี้พวกเราจะพบเจอกับอะไรบ้างก็ไม่อาจรู้ได้เลยแม้เเต่น้อย”
เฟยหลงได้เงียบไปและกล่าวพึมพัมกับตัวเองว่า
” เเม้เเต่ข้าก็ต้องเตรียมการเรื่องบางอย่างเอาไว้เพื่อกรณีที่เกิดปัญหาข้าจะได้ช่วยเหลือตัวข้าเองและเสี่ยวไป๋กับซูซ่านด้วย ”
เฟยหลงได้ที่นั่งอยุูก็ได้ใช้มือของตนลูบขนของเสี่ยวไป๋อย่างเบามือ
……………………………
เวลาห้าวันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วเฟยหลงที่อยู่ในชุดสีฟ้าสดใสลวดลายเมฆาที่เหล่าสาวงามได้เห็นต่างต้องหลงไหลกับความรู้สึกที่เเฟยหลงแผ่ออกมารอบกายของตน
ซึ่งตอนนี้ได้นั่งบ่มเพาะพลังอยู่ก็ได้รู้สึกว่าพลังปราณที่อยู่ในอากาศ
ได้เข้าไปรวมยังที่หนึ่งซึ่งตรงนั้นมีเสี่ยวไป๋นอนหมอบอยู่เฟยหลงจึงได้ลุกขึ้นแล้วยืนมองเฟยหลงอย่างสงบ
พลังปราณมากมายได้ล้อมรอบเฟยหลงและตอนนั้นเองที่เกิดเสัยงระเบิดดังขึ้นมา
‘ ตู้ม ‘
เสี่ยวไป๋ที่นอนหมอบและซึมซับพลังปราณจากอากาศที่อยู่รอบข้างก็ได้ยืนขึ้นมาสะบัดขนของตนเอง
และหันหน้ากลับไปมองเฟยหลงแล้ววิ่งอย่างรวดเร็วโดยทิ้งให้เห็นเพียงเงาสีขาวสายหนึ่งที่ตำเเหน่งเดิม
แล้วเสี่ยวไป๋ก็ได้ปรากฏตัวอยู่ข้างเฟยหลงและวิ่งวนรอบเฟยหลงด้วยความเร็วที่ไม่สูงเท่ากับตอนที่วิ่งมา
เฟยหลงที่ได้เห็นว่าเสี่ยวไป๋ดีใจกับการที่ได้ยกระดับขั้นพลังเพิ่มขึ้นอีก
โดยตอนนี้เสี่ยวไป๋ได้อยู่ที่ขอบเขตก่อกำเนิดจั้นที่เจ็ดอย่างรวดเร็วเพราะว่าระหว่างที่เฟยหลงได้ออกไปยังที่ต่างๆ
ก็ได้ทิ้งสมุนไพรและเม็ดยาที่ใช้สำหรับการบ่มเพาะรวมถึงวัตถุดิบต่างๆอีกมากมายไว้ให้กับซูซ๋านและเสี่ยวไป๋
ทำให้ทั้งสองที่มีเวลาว่างก็ได้ยกระดับพลังกันอย่างสบายใจโดยที่ไม่มีอะไรมากีดขวางการบ่มเพาะของทั้งสอง
ระหว่างนั้นเองก็ได้มีเสียงเท้าเดินมาทางเฟยหลงและปรากฏซูซ่านในชุดสีเขียวอ่อนลวดลายดอกไม้
มองดูแล้วให้ความรู้สึกหลงไหลในความสวยงามของหน้าตาที่งดงามมากและหลอมรวมกับบรรยากาศที่อยู่รอบตัวนางทำให้เหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลายหลงไหลกับความงามของนาง
” ท่านพี่เฟยหลงได้ยกระดับพลังอีกแล้วเหรอ ”
เฟยหลงได้ว่ายหน้าของตนไปมาแล้วชี้ไปทางเสี่ยวไป๋ที่กำลังวิ่งวนอยู่รอบตัวกล่าวกับซูซ่านว่า
” ไม่ใช่ข้าหรอกแต่เป็นเสี่ยวไป๋ที่ยกระดับพลังจากขอบเขตก่อกำเนิดขั้นที่หกขึ้นเป็นขั้นที่แปดได้ ”
ซูซ่านที่ได้ยินดังนั้นจึงจับเสี่ยวไป๋ขึ้นมากอดแล้วกล่าวแสดงความยินดี
” ยินดีด้วยนะเสี่ยวไป๋ที่เจ้าได้ยกระดับขั้นพลังสู่ขอบเขตต่อไปแล้ว ”
เสี่ยวไป๋ได้ร้องตอบซูซ่าน
” อ๋าว ”
เฟยหลงก็ได้กล่าวกับทั้งสองว่า
” เอาละได้เวลาเเล้วที่พวกเราต้องไป ”
……………………….
เฟยหลงซูซ่านและเสี่ยวไป๋ได้เดินมาจนถึงหน้าปนะตูเมืองฟ้ากระจ่างก็ได้พบกับชายชราทั้งสามและเฉินหรงที่ยืนอยู่
เฟยหลงจึงเดินเข้าไปและกล่าวถามชายชราชางฟู่ว่า
” ของที่ข้าให้ท่านเตรียมไว้ท่านได้พามาไหม ”
ชายชราชางฟู่ก็ได้หยิบม้วนกระดาษใบหนึ่งกางออกมาแล้วกล่าวว่า
” ข้าได้เตรียมของตามที่นายน้อยเฟยหลงต้องการแล้ว ”
เฟยหลงได้กวาดตามองแผนที่และใช้สัมผัสวิญญาณดูอย่างละเอียดพร้อมกับยื่นม้วนกระดาษนั้นคืนให้ชายชรทชางฟู่
เมื่อชายชราชางฟู่ได้เห็นดังนั้นจึงกล่าวกับเฟยหลงว่า
” นายน้อยเก็บไว้เถอะมันเป็นแผนที่ฉบับคัดลอกเท่านั้นไม่ได้มีค่ามากมาย ”
เฟยหลงรู้ว่าแผนที่ที่เเสดงรายละเอียดมากมายนี้เเม้จะเป็นฉบับคัดลอกก็ตามแต่ราคาก็สูงพอควรเเบะเมื่อชายชราชางฟู่ได้บอกให้ตนเก็บไว้เฟยหลงจึงทำตาม
และเฉินหรงก็ได้ก้าวออกมาพร้อมกับมอบรถม้าที่ออกแบบอย่างประณีตให้เฟยหลงและกล่าวว่า
” ขอให้เป็นการเดินทางที่ดี ”
” และอย่าลืมกลับมาเยี่ยมบ้างละ ”
เฟยหลงได้กล่าวตอบ
” แล้วเจอกัน ”
พร้อมกับขึ้นรถม้าและซูซ่านกับเสี่ยวไป๋ได้ตามขึ้นไป
รถม้าได้เคลื่อนตัวออกจากเมืองโดยที่ห่างไปเรื่อยๆเฟยหลงก็หันหน้ากลับมาแล้วกล่าวพึมพัมกับตัวเอง
” ล่าก่อนเมืองฟ้ากระจ่าง ”
” เมืองที่ข้าได้เห็นเป็นที่เเรกหลังจากได้มีชีวิตอีกครั้ง “