เฟยหลงได้เดินเข้าไปตรวจสอบศพของสัตว์อสูรตัวนั้นซึ่งเมื่อดูเเล้วก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
” ไม่มีอะไรที่แปลกไปเลยงั้นที่เห็นมันพุ่งเข้าโจมตีเเบบไม่คิดชีวิต ”
เฟยฟลงได้ครุ่นคิดเรื่องราวที่เหมือนกับตอนนี้ที่ตนเคยพบเจอในอดีตตอนเป็นเซียน
เฟยหลงที่ได้เห็นอย่างนั้นจึงกล่าวกับทั้งสองว่า
” เราไปกันต่อเถอะ ”
โดยที่ทั้งสามได้เดินเข้าไปในส่วนลึกของป่าที่ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าใกล้เพราะในนั้นมีสัตว์อสูรที่มีพลังเเข็งแกร่งมากมายอาศัยอยู่
โดยที่ระหว่างทางนั้นได้พบเจอกับสัตว์อสูรพุ่งเข้าโจมตีพวกเฟยหลงเหมือนตอนเเรกที่เข้ามายังป่าเเห่งนี้
ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาดให้ความรู้สึกอึดอัดมากขึ้นไปเท่านั้นเหมืินกับว่วป่าเเห่งนี้มีเพียงทางเข้าไม่มีทางกลับออกไป
ซูซ่านที่ได้เห็นบรรยากาศรอบจึงเดินมาอยู่ใกล้กับเฟยหลงมากกว่าเดิมส่วนเสี้ยวไป๋ที่นั้นได้เดินตามซูซ่าน
” ท่านพี่เฟนหลงทำไมบรรยากาศจองป่าถึงได้น่าขนลุกแบบนี้ละ ”
เสี่ยวไป๋ก็ได้ร้องขึ้นมาเหมือนกัน
” อ๋าว ”
เฟยหลงได้มองสภาพรอบอย่างสงบและกล่าวออกมาอย่างช้าว่า
” มันก็เรื่องปกตินิที่ป่าที่อยู่ลึกจะเป็นแบบนี้เเล้วพวกเจ้าทั้งสองจะขาดหวังอะไรกับป่าลึกละ ”
เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงของเฟยหลงที่กล่าวออกมาจึงเงียบลงโดยที่ไม่มีใครส่เสียงอีกและเดินตามเฟยหลงไปเรื่อย
จนกระทั่งเฟยหลงหยุดเท้าลงอย่างกะทันหันทำให้ซูซ่านได้ชนเข้ากับแผ่นหลังของเฟยหลงซึ่งทำให้จมูกของนางเจ็บจนร้องออกมา
” โอ้ย ”
ซูซ่านที่ก็ได้หยุดเดินต่อไปเพราะจมูกของนางชนเข้ากับแผ่นหลังของเฟยหลงทำให้เสี่ยวไป๋ที่เดินตามนางมาก็ได้ชนเข้ากับขาของนางเช่นกัน
” อ๋าว ”
เสี่ยวไป๋ที่เห็นว่าทั้งสองหยุดเดินจึงสงสัยซูซ่านก็กำลังจะกล่าวถามเฟยหลงแต่ได้เห็นเฟนหบงใช้มือของเขาปิดปากของซูซ่านพร้อมกล่าวว่า
” เจ้าเงียบก่อน ”
ซูซ่านที่โดยเฟยหลงใช้มือปิดปากของนางอย่างกะทันหันจึงรู้สึกเขินอายจนหน้าของนางเริ่มจะมีสีเเดง
ซูซ่านที่รวบรวมสติกลับมาได้จึงได้พยักหน้าเพื่อเป็นการบอกเฟยหลงว่านางเข้าใจเฟยหลงจึงปล่อยมือแล้วกล่าวกับซูซ่านด้วยเสียงที่เบามากมีเเค่นางและเสี่ยวไป๋ที่ได้ยิน
” พวกเจ้าลองมองไปที่ข้างหน้าแล้วเจ้าอาจจะเข้าใจเหตุผลผลที่ข้าบอกให้พวกเจ้าเงียบ ”
เมื่อทั้งสองได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วซูซ่านก็กล่าวตอบเฟยหลงว่า
” คะท่านพี่เฟยหลง ”
ซึ่งภาพข้างหน้านั้นได้ปรากฏฝูงสัตว์อสูรมากมายที่กำบังยืนล้อมรอบต้นไม้ต้นหนึ่งที่ไม่ใหญ่มาก
ซูซ่านที่เห็นดังนั้นจึงกล่าวถามเฟยหลง
” หรือว่าที่สัตว์อสูรพวกนั้นเเปลกไปจะเป็นเพราะเจ้าต้นไม้ต้นนั้นที่อยู่กลางวงล้อมของเหล่าสัตว์อสูร ”
เฟยหลงจึงได้กล่าวชมซูซ่านพร้อมรอยยิ้มที่คาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยที่อ้างอิงจากภาพและเรื่อวที่เฟยหลงกล่าว
” ใช่เเล้วละข้าไม่คิดว่าเจ้าจะคาดเดาได้เทียบกับตัวเจ้าเมื่อก่อนแล้วเจ้าฉลาดขึ้นมากเลย ”
ซูซ่านที่ได้ยินเฟยหลงกล่าวออกมาเหมือนกับชื่นชมหรือกล่าวหาว่านางเมื่อตอนที่พบกับเฟยหลงนั้นโง่เขลาอย่างนั้นหรือ
ซูซ่านจึงกล่าวถามเฟยหบงด้วยเสียงที่เหมือนโกรธเเต่สำหรับเฟยหลงแล้วนั้นมันเหมือนกับว่าความโกรธของนางนั้นดูน่ารักมากในสายตาเฟยหลง
” ท่านพี่เฟยหลงข้าไม่คุยกับท่านด้วยเเล้ว ”
เฟยหลงที่ได้ยินดัวนั้นจึงกล่าวอธิบายให้นางเข้าใจ
” ข้าไม่ได้หาว่าเจ้าโง่เขลาเเต่เจ้านั้นฉลาดมากขึ้นโดยที่ข้าอดที่จะกล่าวชื่นชมเจ้าไม่ได้ ”
ซูซ่านได้ตอบเฟยหลงกลับไปว่า
” เป็นเพราะที่ผ่านมาท่านพี่สอนข้าข้าจึงทำได้ ”
ตอนนั้นเองที่การสนทนาของซูซ่านและเฟยหลงก็ต้องจบลงเพราะว่าเหล่าสัตว์อสูรทั้งหมดนั้นได้คำรามออกมา
” โฮก “