เมื่อทั้งสองได้หันกลับไปก็ได้พบกับเฟยหลงที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดไหลลงมาตั้งเเต่หัวจรดเท้ากำลังนอนอยู่ไม่ไกลจากศพของสัตว์อสูรหมีตนนั้น
ซึ่งซูซ่านและเสี่ยวไป๋ที่เห็นสภาพของเฟยหลงเป็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปตรวจสอบและถามเฟยหลงอย่างเป็นห่วง
” ท่านพี่เฟยหลงท่านเป็นอะไรไหม ”
ซูซ่านกล่าวพร้อมกับมือของนางพยามเช็ดเลือดที่อยู่บนใบหน้าของเฟยหลงเสี่ยวไป๋ที่เห็นดังนั้นก็ร้องเรียกเฟยหลงเช่นกัน
” อ๋าว ”
ซูซ่านที่เห็นเฟยหลงไม่ตอบจึงรู้สึกว่าโลกใบนี้มืดลงอย่างรวดเร็วเร็วเหมือนว่านางนั้นไร้ซึ่งทางออก
เเต่เเล้วตอนนั้นเองที่นางได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า
” เจ้าจะร้องไห้ทำไมข้าไม่ได้เป็นอะไรมากซะหน่อย ”
เมื่อซูซ่านที่ได้ยินเสียงของเฟยหลงอีกครั้งก็รู้สึกว่าโบกทั้งใบนั้นกลับมาสว่างไสวเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้งและกล่าวออกมาว่า
” ท่านพี่เฟยหลงท่านเป็นอะไรไหมทำไมบาดเจ็บตรงไหนหรือป่าวเลือดพวกนี้มันเยอะมากท่านจะเป็นไรไหม…………… ”
เฟยหลงที่ถูกซูซ่านกล่าวถามมากมายโดยที่เฟยหลงไม่ได้ตอบคำถามอย่างทันท่วงทีจึงกล่าวออกมาว่า
” เจ้าใจเย็นก่อนจ้าไม่เป็นอะไรมากส่วนเบือดที่อยู่บนตัวข้านั้นมาจากสัตว์อสูรส่วนมากและบาดเเผลที่ได้รับก็เล็กน้อยไม่นานก็จ่งหายไปเอง ”
และเฟยหลงก็อธิบายต่อไป
” ส่วนที่ข้ามานอนอยู่แบบนี้เพราะว่าข้าใช้พลังปราณมากมานในการโค่นล้มสัตว์อสูรหมีตนนั้นและหมดแรงลงหลังจากนั้น ”
ซูซ่านที่ได้ยินเช่นนั้นจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกและกล่าวออกมา
” ข้าก็เเค่คิดว่าถ้าท่านเป็นอะไรไปข้านั้น………”
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงกช่าวหยอกล้อซูซ่านพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
” เจ้านั้นเป็นห่วงข้ามากเลยเหรอ ”
ซูซ่านที่ได้ยินสิ่งที่เฟยหลงกล่าวออกมาจึงกล่าวตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา
” ข้า…….. ก็ต้องเป็นห่วงท่านเพราะ ”
เฟยหลงก็ได้กล่าวถามซูซ่านหลังตากที่เห็นนางเงีนบไป
” เพราะอะไรหรือ ”
ซูซ่านที่เห็นเฟยหลงกล่าวถามนางนั้นจึงรู้สึกว่าหน้าของนางนั้นเริ่มร้อนขึ้นมาและกล่าวตอบโดยเบนสายตาออกจากเฟยหลง
” เพราะว่าท่านเป็นคนที่ช่วยข้าไว้และข้าก็เป็นของท่านตลอดไปนับตั้งเเต่นั้นมา ”
เมื่อซูซ่านกล่างจบนางก็รู้สึกว่าประโยคหลังที่นางกล่าวออกไปนั้นมันรู้สึกว่าสองเเง่สองง่ามทำให้หน้าของนางเริ่มเเดงขึ้นมาอีก
เเละตัดสินใจวิ่งหนีออกไปจากที่เฟยหลงอยู่เเบบนั้นโดยที่ไม่ได้หันกลับไป
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า
” เจ้าอย่าไปไหนไกลละ ”
เฟยหลงก็คิดว่าซูซ่านคงได้ยินสิ่งที่ตนกล่าวออกไปหลังจากที่นั่งฟื้นฟูพลังปราณที่เสียไปด้วยเม็ดยาที่ตนพกติดตัวเอาไว้ในถุงมิติก็ได้ลืมตาขึ้น
โดยเปลี่ยนชุดจองตนทั้งหมดเเละใช้พลังปราณกำตัดเลือดที่ติดอยู่บนร่างกายออกไปจนหมด
และพบกับซูซ่านที่กำลังยืนรอเฟยหลงด้วยท่าทางเหม่อลอย
เฟยหลงจึงคิดเเกล้งนางสักหน่อยโดยที่เดินเข้าไปใกล้ใบหูและกล่าวกระซิบว่า
” เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ”
ซูซ่านที่ได้ยินเสียงพร้อมกับลมหายใจที่ร้อนของเฟยหลงกระทบโดนใบหูของซูซ่านและทำมห้นางตกใจตนเกือบจะสดุดล้ม
เเต่เฟยหลงได้เคลื่อนที่อย่างว่องไวไปรับตัวของซูซ่านเอาไว้ได้ก่อนแล้วกล่าวตำหนินางด้วยรอยยิ้มเจ้าเลห์
” เดินระวังหน่อยสิไม่งั้นเดี่ยวเจ้าจะหกล้มเเล้วทำให้เกิดบาดเเผลบนตัวเจ้านะ ”
ซูซ่านที่ได้ยินเสียงของเฟยหลงเรียกสติของนางกลับมาจึงรีบผละออกจากอ้อมแขนของเฟยหลงและกล่าวออกมาอย่างประหม่า
” ขะ-ขอบคะท่านพี่เฟยหลง ”
เฟยหลงที่เห็นว่าซูซ่านนั้นเริ่มจะอายเข้าไปทุกทีจึงหยุดแกล้งนางแล้วหันไปเก็บศพของสัตว์อสูรทั้งสองแล้วกล่าวเปลี่ยนเรื่อง
” งั้นพวกเราก็กลับไปทานเนื้อที่ข้ายังย่างทิ้งไว้กันเถอะ “