เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินคำกล่าวของเฟยหลงได้ร้องขึ้นมาด้วยความโศกเศร้า
” อ๋าว~~~ ”
เฟยหลงที่กล่าวกับเสี่ยวไป๋จบก็ได้หันมากล่าวกับซูซ่านต่อไปว่า
” เจ้าพึ่งออกจากการบ่มเพาะงั้นเหรอ ”
ซูซ่านก็ได้กล่าวตอบเฟยหลงกลับไปว่า
” ข้าก็ออกจากการบ่มเพาะมาไม่นานหรอกเเละมานั่งเล่นอยู่กับเสี่ยวไป๋ ”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และกล่่าสตอบซูซ่่นกลับไปว่า
” งั้นเจ้าก็บ่มเพาะต่อไปหรืออยู่กับเสี่ยวไป๋ไปก่อนละกันข้าจะเข้าไปในป่าไม่ไกลจากเมืองหลวงเเห่งนี้มากนักเพื่อที่จะทะลวงขอบเขต ”
ซูซ่านที่ได้ยินว่าเฟยหลงกำลังจะไปในป่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงเพื่อทะลวงขอบเขตจึงกล่าวขึ้นมาว่า
” ท่านพี่เฟยหลงท่านไปเถอะข้าอยู่กับเสี่ยวไป๋ได้ ”
ซูซ่ารก็ได้มองเฟยหลงด้วยเเววตาอ้อนวอน
” ท่านพี่เฟยหลงเเล้วถ้าข้ากับเสี่ยวไป๋เข้าไปเดินเล่นในเมืองเเห่งหลวงได้ไหม ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำถามของซูซ่านจึงกล่าวกลับไปอย่างสงบ
” งั้นถ้าเจ้าอยากไปก็ได้เเต่ถ้าพบเจอกับอันตรายก็ให้ใช้สิ่งของขิ้นนั้ที่ข้าให้ไว้เจ้าคงจำวิธีใข้ได้ใช่ไหม ”
ซูซ่านก็ได้กล่าวตอบเฟยหลงด้วยน้ำเสียงที่ดูหนักเเน่นว่า
” ท่านพี่เฟยหบงไม่ต้องห่วงข้าได้จดจำเรื่องราวทั้งหมดที่ท่านสอนข้าไว้ไม่มีทางที่ข้าจะลืมได้ ”
เฟยหลงที่ได้ยินคำตอบที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจของซูซ่านจึงกล่าวตอบก่อนจะไปทะลวงขอบเขต
” งั้นพวกเจ้าทั้งสองก็ดูเเลตนเองให้ดีด้วยละ ”
ซูซ่านและเสี่ยวไป๋ได้ตอบเฟยหลงกลับไป
” ไม่ต้องห่วงข้าหรอกท่านพี่เฟยหลง ”
” อ๋าว ”
เฟยหลงที่ได้กล่าวลาเเละมุ่งหน้าไปทางประตูเมืเพื่อเจ้าไปในป่าที่อยู่ไม่ไกบจากเมืองหลสงมากนัก
ระหว่างที่กำลังเดินอยู่ในป่าลึกนั้นก็ได้ยินเสียงร้องของใครบางคนเเละเสียงของการต่อสู้
” ไม่นะ…… อย่าตามข้ามา…..ช่วยข้าด้วย ”
” แกตายซะเถอะ…………….. ”
” ไม่……………..”
เฟยหลงที่ได้ยินเเบบนั้นก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะว่าในโลกเเห่งนี้การตายนั้นเป็นเรื่องธรรมดามากซึ่งมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดการตายขึ้น
เข่น การล่าสัตว์อสูร การต่อสู่ระหว่่างผู้บ่มเพาะด้วยกันเอง
เเต่มีเสียงหนึ่งที่ทำให้เฟยหลงต้องหยุดชะงัก
” หนีไปเร็วเข้าจะต้านทานการโจมตีของพวกมันเอาไว้จนกว่าพวกเจ้าจะรอดออกไป ”
ซึ่งเฟยหลงได้จำมันได้ดีเพราะว่ามันคือเสียงของบัณฑิตชายคนนั้นที่ร้านขายสมุนไพร
เฟยหลงที่ถึงเเม้จะรู้จักกับบัณฑิตชายคนนั้นเพียงเเค่ระนะเวลาอันสั้นเเต่บัณฑิตชายคนนั้นเฟยหลงรู้สึกว่าเป็นคนที่ไม่เลวเลย
ดังนั้นจะปล่อยเรื่องนี้ไปโดยที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวสักหน่อยก็คงจะไม่ได้
” อย่างน้อยจ้าก็อาจจะช่วยเข้าสักหน่อยก็ดีเพราะบัณฑิตคนนั้นก็ไม่ได้เเย่นักมนเรื่องนิสัยเเละเรื่องอื่นๆ ”
เฟยหลงที่ได้ข้อสรุปของตนจึงพุ่งทะยานเข้าไปหาทางด้านต้นตอของเสี่ยง
ด้านบัณฑิตชายคนนั้นก็ได้ต่อสู้กับเหล่ามือสังหารที่อยู่ขอบเขตวิญญาณขั้นต้นกันทั้งหมด
ซึ่งตัวของบัณฑิตชายตอนนี้เต็มไปด้วยบาดเเผลเเต่พลังที่อยู่รอบตัวของเขานั้นก็คือขอบเขตวิญญาณขั้นกลาง
บัณฑิตชายก็ได้กล่าวกับเหล่าผู้คนพวกนั้นว่า
” พวกเจ้าเป็นคนของใครกัน ”
หนึ่งในนั้นก็ได้กล่าวตอบบัณฑิตชายได้ยินเสียงที่เเหบเเห้งเเละเเหลม
” ไม่ต้องห่วง ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าตะสัหารเจ้าอย่างรวดเร็วรับรองว่าไม่เจ็บเลยเเม้เเต่น้อยส่วนคนที่จ้างวานข้ามานะหรือเจ้าก็น่าจะรู้ดีนะว่าคนพวกนั้นเป็นใคร”
เมื่อบัณฑิตชายได้ยินคำกล่าวของชายคนนั้นก็ได้กล่าวพึมพัมกับตัวเอง
” เจ้านั้นมันไม่ยอมเลิกรากับข้าใช่ไหม ”
ชายคนนั้นก็ได้ตอบกลับไปว่า
” ข้าไม่สนว่าเจ้าจะกล่าวอะไรเเต่ว่าชีวิตของเจ้าเเละเจ้าคนที่อยู่ข้างเจ้านั้นต้องจบลงเพียงเท่านี้เเละไม่ใครสามารถช่วยเจ้าได้ ”
เเต่ตอนนั้นเองที่มีสายลมพัดมาสร้างความหวานเย็นพร้อมกับเสียงของใครบางคน
” นั้นก็ไม่เเน่หรอก “