เจียงหงที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า
” นั้นคือค่ายกลเหรออย่าบอกนะว่าเขาทำสำเร็จงั้นเหรอ ”
เฟยหลงได้กล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
” เจ้าลองไปทดสอบดูเเล้วเจ้าจะเข้าใจเอง ”
เจียงหงที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวออกมาว่า
” ไดงั้นข้าจะเป็นคนทดสอบเรื่องความร้ายกาจของค่ายกลนี้เอง ”
เฟนหลงได้ยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างสงบโดยที่เจียงหงในตอนนี้ยังไม่รู้ตัวเลยว่าเฟยหลงนั้นคิดที่จะให้บทเรียนกับนาง
เจียงหงที่ได้สงสัยจึงเข้าไปใกล้กับจุดศูนย์กลางที่เฟยหลงยืนอยู่ก่อนหน้านี้เเละตอนนั้นเอง
ได้มีเสียงคำรามออกมา
” โฮกกกกกกกก ”
รอบด้านของเจียงหงนั้นเริ่มมีหมอกบางเบาก่อตัวขึ้นตอนเเรกเจียงหงไม่ได้ใส่ใจกับหมอกเหล่านั้นมากนัก
เเต่เเล้วสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของค่ายกลนี้นั้นไม่ใช่เสียงคำรามนั้นเเต่เป็นตัวของหมอกนั้นเอง
หมอกที่ตัวเจียงหงเห็นนั้นได้เริ่มก่อตัวขึ้นมาจนเป็นรูปร่างของสัตว์อสูรตัวหนึ่งตัวมันนั้นมีรูปลักษณ์เหมือนกับสัตว์อสูรที่เฟยหลงเคยเจอในเเอ่งน้ำภายในถ้ำ
ตอนกำลังหาสถานที่ทะลวงขอบเขตตอนนี้นมันได้ปรากฏตัวออกมาในรูปลักษณ์ที่เหมือนกันอย่างมาก
” โฮกกกกกกกกกก ”
เจียงหงที่เห็นสัตว์อสูรตัวนี้เกิดขึ้นมาจากการรวมตัวของหมอกเหล่านั้นไม่ได้เปิดโอกาศให้มันเป็นคนโจมตีก่อน
กระบี่ได้ปรากฏออกมาอยู่ในมือของเจียงหงตัวกระบี่นั้นไม่ได้ดูมีคุณค่าอะไรมากมายเเต่มีความคมที่จัดให้อยู่ในระดับดีเลยก็ว่าได้
” ชิ้ง ชิ้ง ”
เสียงของกระบี่ได้ดังขึ้นพร้อมกับพลังปราณได้ก่อตัวเป็นรูปกระบี่พุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรตัวนั้น
” ตุ้ม ”
เสียงระเบิดได้ดังขึ้นเจียงหงคิดว่าค่ายกลนี้มีีเป็นภาพลวงตาที่ใช้ข่มขู่ศัตรูที่บุกรุกเข้ามาเเละตัวเจียงหวได้ระเบิดพลังออกมาเพื่อกำลังมันนั้น
เหมือนจะเป็นความคิดที่ออกจะดีเเต่กลับไม่ได้เป็นตามที่คาดหวัง
เหล่าหมอกที่ก่อนหน้านี้ได้รวมตัวเป็นสัตว์อสูรได้กระจัดกระจายจากออกมาเเลเเทนที่จะหายไปกลับค่อยๆรวมตัวขึ้นมาใหม่
เเละกลายเป็นสัตว์อสูรตัวเก่า
” โฮกกกกกกกกกกก ”
เจียงหงที่เห็นดังนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเเละไม่คิดว่าค่ายกลนี้จะไม่สามารถประมาทได้เลย
สัตว์อสูรที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่นั้นได้พุ่งเข้าไปจู่โจมเจียหงทั้งสองได้ต่อสู้กับอย่างดุเดือดเวลาผ่านไปในที่สุดก็วามารถทำลายมันได้อีกครั้ง
เเต่เเล้วมันก็ได้หลอมรวมกันจนกลายเป็นสัตว์อสูรตัวก่อนนี้โดยที่ไม่ผิดแปลกไปจากเดิม
” ทำไมกันทำไมมันถึงโผล่ออกมาเรื่อยๆราวกับไม่มีทางสูญสิ้นได้เลยไม่ว่าจะทำลายมันไปกี่ครั้งมันก็ยังกลับมาเหมือนเดิมระดับของค่ายกลนี้มัน………….. ”
เจียงหงในตอนนี้เริ่มรู้สึกถึงพลังของค่ายกลที่เฟยหลงได้วางเอาไว้
เเต่ในดวงตาของเจียงหงนั้นกลับไม่ได้มีความย่อท้อเลยเเม้เเต่น้อย
ก็ได้เริ่มโจมตีต่อไปเเล้วเมื่อเวลาผ่านไปที่เจียงหงได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรตัวนั้นจึงเริ่มแปลกใจเล้วว่า
” ทำไมสัตว์อสูรที่เกิดจากหมอกพวกนี้มันเเข็งแกร่งขึ้นละ ”
จากตอนเเรกที่เจียงหงมั่นใจมากที่จะหาวิธีที่เรียบง่ายที่สุดก็คือการทำลายหมอกที่รวมตัวกันจนเป็นสัตว์อสูร
เพิ่มทำให้เเหล่งพลังที่อยู่ในค่ายกลนั้นได้ถูกเผาผลาญอย่างต่อเนื่องจนหมดลงอาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้
เเต่ตอนนี้นั้นเจียงหงได้รู้เเล้วว่าตัวนางได้คิดผิดอย่างมากที่จะใช้วิธีนั้นเพราะมันเหมือนกับว่าเเหล่งพลังงานจองค่ายกลนี้ยังคงอยู่ดี
เฟยหลงที่เห็นว่าเจียงหงตอนนี้นั้นอยู่ในระดับขอบเขตวิญญาณขั้นกลางได้ต่อสู้กับค่ายกลของเขาได้นานขนาดนี้นั้นก็ถือได้ว่าน่าชื่นชมทีเดียว
เเม้ว่าเจียงหงจะเจอการโจมตีเเบบนี้ไปเรื่อยก็ไม่อาจเปลี่ยนเเปลงอะไรได้เฟยหลงจึงกล่าวออกมา
” เเม้นางจะโจมตีมันต่อไปข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกเเต่จะให้เป็นเเบบนี้ต่อไปคงไม่ได้…… ”