เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวถามออกมาว่า
” มันเกิดอะไรขึ้น ”
เจียงหงจึงกล่าวตอบเฟยหลงด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
” จากข่าวที่เมืองชายเเดนทางตอนเหนือส่งมานั้นมีสัตว์อสูรจำนวนมากกว่าทักปีที่ผ่านมาบุกโจมตีป้อมปราการอย่าบ้าคลั้ง ”
” เหล่าทหารของกองทัพที่ถูกส่งไปนั้นพยามต่อสู้เพื่อซื้อเวลาให้มากที่สุดเเละให้ทางราชวงศ์ส่งทหารไปเพิ่ม ”
เฟยหลงที่ได้ยินเรื่องราวจากเจียงหงจึงหลับตาลงครุ่นคิดเรื่อวราวต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป
เฟนหลงได้ลืมตาเเละจ้องมองไปยังทางตอนเหนือซึ่งมีเมืองชายเเละป้อมปราการที่ใช้ป้องกันการบุกโจมตีของสัตว์อสูรพน้อมกับกล่าวออกมาว่า
” พวกเจ้าไปเตรียมตัวให้พรเอมข้าจะไปยังเมืองชายเเดนทางตอนเหนือในวันนี้ ”
เจียงหงที่ได้ยินเฟยหลงกล่าวว่าจะไปเมืองชายเเดนทางตอนเหนือจึงรู้สึกสงสัยว่าจะไปทำไมเเม้จะคิดหาเหตุผลไม่ได้สุดท้ายจึงได้เเต่กล่าวถามออกมา
” ท่านอาจารย์ท่านจะไปเมืองชายเเดนทางตอนเหนือทำไมที่เเห่งนั้นตอนนี้เป็นสนามรบระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูรที่ต่อสู้อย่างบ้าคลั้งเพื่อเอาชีวิตของกันเเละกัน ”
เฟยหลงได้มองเจียงหงเเล้วกล่าวตอบกลับไป
” เพราะว่าพวกเจ้านั้นไม่ได้มีประสบการณ์ในการต่อสู้กับสัตว์อสูรจำนวนมากเลยเเม้เเต่น้อยข้าจึงถือโอกาศนี้นำพวกเจ้าทั้งสามไปเรียนรู้ยังไงละ ”
เจียงหงที่ได้ยินคำตอบของเฟยหลงเเบบนี้ก็ได้เเต่งุงงงเเละไม่สามารถเข้าใจได้ว่าท่านอาจารย์ของนางนั้นต้องการทำเเบบนั้นเพื่ออะไร
” ท่านต้องการทำอะไรกันเเน่ ”
เฟยหลงได้ยิ้มตอบกลับไปพร้อมกับกล่าวว่า
” พวกเจ้าไม่ต้องคิดมากหรอกเเค่เอาเป็นว่าหาเวลาไปเดินเล่นก็เท่านั้น ”
ซูซ่านที่เงีนบมาตลอดก็ได้กล่าวตอบเฟยหลง
” งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะท่านพี่เฟยหลง ”
เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้กำลังกอดขวดหยกที่บรรจุเม็ดยาจำนวนหนึ่งอยู่ด้านในก็ได้เงยหน้าของมันขึ้นมาเเละร้อง
” อ๋าว ”
” พี่ใหญ่ไปไหนข้าไปด้วยขอเเค่มีเจ้าพวกนี้ก็พอ ”
ซึ่งสิ่งที่เสี่ยวไป๋หมายถึงนั้นก็คือเม็ดยาที่อยู่ในขวดหยกนั้นเอง
เจียงหงที่ได้ยินคำกล่าวของเฟยหลงจึงไปเตรียมพร้อมในเรื่องต่างๆอย่างรวดเร็ว
ซูซ่านก็ได้อุ้มเสี่ยวไป๋กลับไปเตรียมของบางอย่างเช่นกัน
เฟยหลงที่ถูกทิ้งไว้เพียงลำพังก็ได้เเต่นั่งจิบชาต่อไป
เวลาครึ่งชั่วยามได้ผ่านไปเจียงหงได้กลับมาพร้อมกับซูซ่านเเละเสี่ยวไป๋เเล้วกล่าวออกมาว่า
” ท่านอาจารย์ข้าเตรียมพาหนะสำหรับใช้ในการเดินทางเรียบร้อยเเล้ว ”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความเเปลกสนใจ
” งั้นเหรอถ้าเตรียมเรียบร้อยเเล้วก็นำทางข้าไป”
เจียงหงที่ได้เห็นการกระทำที่เรียบเฉยเเละน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ดังขึ้นมาเเบบนี้จึงรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อยซึ่งสุดท้ายได้เเต่ก่นด่าเฟยหลงในใจเพียงเท่านั้น
” ข้าจะรอดูว่าสิ่งนี้นั้นสามารถทำให้ท่านแปลกใจได้หรือไม่ ”
เจียงหงได้เดินนำมายังลานหน้าคฤหาสน์ก็พบกับรถม้าที่มีสัตว์อสูรตัวหนึ่งลากรถจึงกล่าวออกมาว่า
” ดีเเล้วละที่เจ้าเลือกใช้สัตว์อสูรเพราะว่าพวกมันนั้นสามารถลากรถม้าได้ดียิ่งกล่าวม้าธรรมดาเหล่านั้นเเละดูเหมือนว่าเจ้าตัวนี้ก็มีพลังพอควรด้วย ”
เจียงหงที่ได้ยินคำกล่าวจองเฟยหลงนั้นก็ได้เเต่ยอมเเพ้ไปในที่าุดเพราะว่าตอนนี้นั้นไม่มีอะไรที่ตนสามารถทำให้ท่านอาจารย์ของนางเเปลกใจได้เลย
เเต่ว่าสุดท้ายเเล้วอนาคตนั้นย่อมไม่เเน่นอน
ซูซ่านที่เห็นสัตว์อสูรจึงเข้าไปไปใกล้เเละมองดูอย่างสนใจเพราะว่าตัวนางนั้นไม่เคยได้เห็นสัตว์อสูรที่เป็นมิตรกับมนุษย์ยกเว้นเสี่ยวไป๋
สัตว์อสูรตัวนั้นได้กวาดตามองเฟยหลงเจียงหงเเละซูซ่านรวมถึงเสี่ยวไป๋ด้วยเเต่ว่าตัวมันนั้นหยุดสายตาอยู่ที่ซูซ่านนานกล่าวคนอื่นเล็กน้อย
เฟยหลงที่เห็นว่าทุกคนเตรียมพร้อมเเล้วนั้นก็ได้กล่าวออกมาว่า
” ออกเดินทางเถอะ “