เมื่อเจียงหงได้นำเฟยหลงซูซ่านเเละเสี่ยวไป๋ไปพบกับชายวัยกลางคนท่านหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ในห้องที่มีเอกสารมากมาย
เเละดูจากท่าทางในตอนนี้เเล้วนั้นมีความเคร่งเครียดฉายออกมาผ่านใบหน้านั้น
” กรึก ”
เสียงเปิดประตูได้ดังขึ้นเมื่อชายวัยกลางคนนั้นได้ยินเสียงเปิดประตูก็ได้กล่าวออกมาว่า
” ข้าบอกเจ้าเเล้วไม่ใช่หรือว่าอย่ามารบกวนข้าในตอนนี้มีงานมากมายต้องทำ ”
เจียงหงที่ได้นินดังนั้นจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันร่าเริง
” ท่านลุงใหญ่คงไม่ต้อนรับข้าเเล้วเเบบนี้เห็นทีข้าคงต้องไปแล้วละ ”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเสียงของเจียงหงร่างกายนั้นก็ได้ชะงักเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเเละพบกับเจียงหงที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องของตน
เมื่อคิดถึงคำกล่าวของตนก่อนหน้านี้จึงปรับเสียงของตนลง
” อ่า………. ไม่คิดเลยว่าหลานสาวของข้าจะเติบโตขนาดนี้เเล้ว ”
” เจ้ามาทำอะไรในเมืองชายเเดนเเห่งนี้ทำไมไม่สงสารมาบอกข้าก่อนละข้าจะได้เตรียมคนไปต้อนรับอย่างดี ”
เฟยหลงที่เดินตามเจียงหงมานั้นก็ได้เห็นชายวัยกลางคนที่กำลังสวมชุดเกราะคนหนึ่งกำลังพูดคุยกับเจียงหงจึงคาดเดาเรื่องราวอยู่อย่างเงียบๆ
เจียงหงนั้นเมื่อรู้สึกได้ว่าเฟยหลงนั้นก็มายืนอยู่ด้านหลังนางเเบบนี้มันไม่ค่อยเหมาะสมเพราะซึ่งด้วยสถานะที่นางนั้นเป็นลูกศิษย์
จึงหลีกทางให้เฟยหลงเดินเข้ามาเเละกลับไปยืนอยู่ข้างๆเฟยหลง
ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะได้เห็นการกระทำของเจียงหงเเล้วรู้สึกแปลกใจขึ้นมา
เเล้วยังมีหญิงสาวเเละสัตว์อสูรพยัคฆ์ตัวน้อยนั้นอีกจึงคาดเดาสถานะของคนตรงหน้า
” เป็นใครกันนะที่ทำให้หลานสาวของข้าเคารพมากขนาดนี้ ”
เจียงหงนั้นได้สังเกตุเเววตาที่กำลังสงสัยเเละเต็มไปด้วยคำถามของลุงใหญ่นางจึงกล่าวตอยกลับไปว่า
” ท่านลุงใหญ่ข้าขอเเนะนำให้ท่านรู้จักชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าท่านนั้นเป็นอาจารย์ของข้าเองส่วนหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างข้านั้นเป็นคนของท่านอาจารย์รวมถึงสัตว์อสูรพยัคฆ์ตัวนี้อีกด้วย ”
ชายวัยกลางคนนั้นได้ฟังคำกล่าวของเจียงหงอย่างตั้งใจเเละเมื่อเจียงหงกล่าวจบจัวเขาก็ได้กล่าวออกมา
” โอ้……….. ข้านึกว่าใครซะอีกที่เเท้ก็อาจารย์ของเจ้านั้นเอง………………. ”
เเละตัวชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะได้หยิบชาขึ้นมาจิบเล็กน้อยเเเมื่อทบทวนคำพูดของหลานสาวตนก็ได้สำลักชาที่กำลังดื่มทันที
” แค็กๆๆ……………เดี่ยวก่อนหงเอ๋อหลานข้าเจ้าบอกว่าอะไรนะเมื่อกี้ข้ารู้สึกเหมือนว่าหูข้าคงได้ยินอะไรผิดไป ”
เจียงหงที่ได้ยินดังนั้นจึงกช่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” ไมาท่านไม่ได้ยินเรื่องอะไรผิดไปเขาคืออาจารย์ของข้า ”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้นก็ได้เดินมาตรงหน้าเจียงหงเเล้วสำรวจดูอย่างละเอียดสุดท้ายเเล้วก็อดไม่ได้ที่ตะกล่าวออกมา
” เป็นไผได้ยังไงถึงเเม้ข้าจะไม่ใช้นักปรุงยาเเต่ถ้าเป็นอาการป่วยหรือพิษนั้นข้าต้องสัมผัสได้บ้าง ”
เมื่อเจียงหงได้ยินสิ่งที่ชายวัยกลางคนกล่าวออกมาเจียงหจึงผลักตัวคนที่ได้ชื่อว่าลุงใหญ่ของตนออกไปอย่างรวดเร็วเเละกล่าวตอบกลับไป
” ท่านนั้นเเหละที่ป่วยตัวข้าเป็นนักปรุงยาข้ารู้ตัวเองดีว่าราางกายของข้านั้นมีสภาพเป็นอย่างไรไม่ด้ต้องมาให้ท่านตรวจสอบหรอก ”
เเค่ลุงใหญ่ของเจียงหงนั้นก็ได้เดินกลับมาใกล้ๆกับตัวเจียงหงเเละกระซิบถามออกมา
” ชายหนุ่มคนนั้นเป็นอาจารย์เจ้าไปได้ยังไงกันนักปรุงยาที่อายุเเค่นี้จะมีความสามารถมากกว่าปู่ของเจ้าเชียวหรือ ”
เฟยหลงได้กล่าวขึ้นมาหลังจากได้ยินประโยคที่ลุงใหญ่ของเจียงหงกล่าวออกมา
” จะมีความสามารถหรือไม่นั้นทำไมต้องใช้อายุมาตัดสินในเมื่อบางคนก็มีความสามารถมากกว่าที่จะประเมิณด้วยความคิดเเบบนั้น “