เสียงของเหล่าทหารของอาณาจักรสายลมดังก้องทั่วทั้งเมืองเเละทั้งทั้งสนามรบ
เหมือนกับว่าเจตจำนงของพวกเขานั้นได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างอย่างเเท้จริง
จ้าวเฉินที่เห็นภาพเหล่านั้นก็ได้รู้สึกภาคภูมิใจกับการที่เหล่าทหารนั้นไม่ได้มีการก้าวถอยเเม้เเต่น้อยเลยต่อให้ข้างหน้าของพวกเขาตอนนี้นั้นเป็นเหมือนกับขุมนรกที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
จ้าวเฉินที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวออกมาว่า
” ไม่คาดคิดว่าก่อนว่าสนามรบสุดท้ายในตอนนี้ของข้านั้นจะได้ร่วมสู้กับเหล่าทหารที่เข้มเเข็งเเละไม่มีความหวาดกลัวอย่างนี้ ”
้จ้าวเฉินจึงได้กล่าวออกมาด้วยการใช้พลังปราณควบคู่
” จงฟังเหล่าทหารเเห่งอาณาจักรสายลมตอนนี้ทางเรานั้นได้พบกับศัตรูที่เเข็งแกร่งเเละไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย…………. ที่ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์เหลืออยู่อีกเเล้ว ”
” เพื่อปกป้องเมืองชายเเดนนี้จงถึงที่สุด………..เหล่าทหารกล้าจงหยิบอาวุธของตนเองขึ้นเเละตามข้ามา ”
เมื่อจ้าวเฉินกล่าวจบก็ได้ดึงขวานศึกคู่ใจของตนออกมาเเล้วพุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรซากศพขอบเขตหลอมรวมอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานค่ายกลเพลิงเเผดเผาปฐพีได้ได้ส่งเสียงเเตกร้าวมากยิ่งขึ้นจนกระทั่งค่ายกลที่ปกป้องเมืองได้เเตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
” เพล้ง เพล้ง เพล้ง ”
เสียงค่ายกลเเตกออกนั้นได้เรียร้องความสนใจสัตว์อสูรซากศพเเต่หลังจากนั้นไม่นานจ้าวเฉินได้ดึงความสนใจจากพวกมัน
โดยการที่ใช้ขวานสงครามฟาดฟันอากาศด้านหน้าเพียงสองครั้งเเล้วก่อให้เกิดคลื่นกระเเทกมหาศาล
” รับไปซะ ”
เมื่อสิ้นเสียวตะโกนของจ้าวเฉินสัตว์อสูรซากศพทั้งสองนั้นก็เห็นถึงการโจมตีก็ได้ใช้พลังปราณสีดำที่เเผ่ออกมาปัดป้องการโจมตีอย่าวไม่อยากเย็น
” โฮกกกกกกกกกกกกกกกก ”
” กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ”
เสียวคำรามของสัตว์อสูรซากศพทั้งสองได้ดังขึ้นพร้อมความโกรธที่เเผ่ล้นออกมาเเละพุ่งเข้าโจมตีจ้าวเฉินอย่างไม่รีรอ
เหล่าทหารที่เห็นเเม่ทัพจ้าวของพวกเขาพุ่งเข้าสู้สนามรบอย่างกล้าหาญไร้ซึ่งความหวาดกลัวเหล่าทหารจึงได้ตะโกนออกมาว่า
” ตามท่านเเม่ทัพจ้าวไป ”
” ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ”
เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับเหล่าทหารที่ละทิ้งกำแพงเมืองเเละออกไปเผชิญหน้ากับพร้อมกับเเผ่จิตสังหารอออกมากันอย่างท้วมท้น
” เคร้ง เคร้ง ”
” เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ ”
” ตู้ม ตู้ม ”
เสียงการต่อสู้เเละระเบิดได้ดังขึ้นอย่างรวกเร็วเหล่าทหารที่พุ่งออกไปนั้นได้แสดงทักษะยุทธ์ของพวกเขาออกมา
โดยที่ไม่ได้เก็บยั้งฝีมือของตนไว้เเม้เเต่น้อย
” ตู้ม……………. ”
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้นใจกลางของสนามรบซึ่งเป็นเหบ่าเเม่ทัพของอาณาจักรส่ยลมได้เข้าประทะกับสัตว์อสูรซากศพขอบเขตหลอมรวม
การต่อสู้ของพวกเขานั้นรุนเเรงทำให้กองทัพซากศพหรือทหารของอาณาจักรสายลมเข้าใกล้ได้เลยเเม้เเต่น้อยด้วยซึ่งอะไรที่เจ้่ใกล้ต่างก็ถูกเเรงปะทะผลักกลับไป
” มารับความตายซะเจ้าพวกกองทัพซากศพ ”
” ลิ้มรสทักษะยุทธ์ดาบของข้าซะ………… ”
เสียงตะโกนของเหล่าเเม่ทัพดังขึ้นพวกเข้าไม่ได้รีรอเเต่อย่างใดเเละเปิดใช้ไพ่ตายของตนเองอย่างรวดเร็ว
เพราะว่าสัตว์อสูรซากศพนั้นมีระดัยเทียบเท่ากับพวกเขายกเว้นสองตัวที่สู้กับจ้าวเฉินที่มีระดับสูงกว่าการปะทะกับเเบบหนึ่งต่อหนึ่งนั้น
พวกเขาจะไม่กลัวเเต่การที่จะต้องสู้กับมันถึงสองตัวพร้อมๆกันเป็นเรื่องที่ลำบากอย่างมาก
ทางด้านเฟยหลงที่เห็นว่าค่ายกลเพลิงเเผดเผาได้ถูกทำลายลงเเล้วนั้นก็สั่งมห้หม้อปรุงยาหยูหงลอยไปหาจุดที่พวกซูซ่านเเละเจียงหงได้ต่อสู้อยู่
” ข้าหวังว่าพวกนางคงไม่เป็นอะไรมาก ”
หลังจากที่ใช้ความพยามควานหาตัวนั้นพวกเฟยหลงก็พบกับกลุ่มของพวกซูซ่านเเละเจียงหงกำลังถูกล้อมรอมด้วยสัตว์อสูรซากศพขอบเขตวิญญาณสองตัวเเละทหารซากศพอีกนับไม่ถ้วน
ทั้งสองคนกำลังต่อสู้ร่วมกับเหล่าทหารอาณาจักรสายลมเเละรองเเม่ทัพอีกหนึ่งคน
ซึ่งจังหวะนั้นเองที่มีสัตว์อสูรซากศพตัวหนึ่งโจมตีใส่ซูซ่านในจังหวะที่นางไม่สามารถตั้งตัวได้อย่างทันท่วงที
ในใจของซูซ่านก็ได้คิดขึ้นมาว่า
” อะไรกันนี่เป็นจุดจบของข้าเหรอ ”
เจียงหงที่เห็นดังนั้นก็ตะโกนออกมา
” น้องสาวซู