เเต่จังหวะนั้นเองที่มีร่างเงาหนึ่งกระโดดมาขัดขวางการโตมตีของทหารซากศพตัวนั้น
” ตู้ม ”
เสียงระเบิดจากการปะทะกันของพลัปราณได้เกิดขึ้นเเละซูซ่านที่เห็นว่าตัวนางยังคงมีชีวิตอยู่ก็ได้คิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
” หรือว่าจะเป็น………………. ”
หลังจากการปะทะฝุ่นมากมายได้กระจายออกมาเเล้วปกคลุมบริเวณนั้นชั่วครู่ก่อนที่จะซูซ่านจึงคาดหวังว่าจะเจอกับคนที่นางรอคอยเเต่เเล้วตอนนั้นกลับ………..
ปรากฏรูปร่างของหม้อปรุงยาเก่าๆใบหนึ่งกำลังลอยอยู่ตรงหน้านางซึ่งนางได้ยินมันกล่าวออกมาว่า
” เวรเอ้ย……………….. ทำไมเจ้าไม่ยอมออกมารับการโจมตีจากซากศพเน่าเหม็นพวกนี้ละข้าเป็รหม้อปรุงยานะไม่ใช่โล่ ”
ซูซ่านที่เห็นหม้อปรุงยาหยูหงพูดออกมาให้นางได้ยินเป็นครั้งเเรกก็รู้สึกงงงวย
” นี่คือ……….. ”
หม้อปรุงยาหยูหงที่ได้ยินเช่นั้นก็ได้กล่าวเเนะนำออกมา
” ข้าคือหม้อปรุงยาหยูหงข้าเป็นหม้ิปรุงยาที่ดีที่สุดในจักวาลไม่มีฟม้อปรุงยาไหนที่เหนือล้ำยิ่งกว่าข้าอีกเเละ……………. ”
เเต่ก่อนที่หม้อปรุงยาหยูหงจะกล่าวจบเฟยหลงก็ออกมาจากพื้นที่มิติเเล้วกล่าวว่า
” เดี๋ยวหยุดก่อนเลยเจ้าหม้อปรุงยาปากมากไว้เจ้าเเนะนำตัวตอนหลัง ”
ซูซ่านเเละเจียงหงที่เห็นว่าอยู่ๆเฟยหลงก็ปรากฏตัวขึ้นก็ได้สงสัยอย่างมากเเต่นางไม่ได้กล่าวถามว่าเฟยหลงมาได้อย่างไร
เเต่กลับเเสดงท่าทางดีใจอย่างมากที่เฟยหลงกลับมาหาพวกนางส่วนทางด้านทหารของอาณาจักรสายลมเเละรองเเม่ทัพคนนั้น
ไม่ได้สังเกตุเห็นเลยว่าพวกเฟยหลงมาจากไหน
เสี่ยวไป๋ที่ออกมาจากพื้นที่มิติของหม้อปรุงยาหยูหงเเล้วได้เห็นว่ามีทหารซากศพตัวหนึ่งกำลังพุ่งเข้าโจมตีมันจึงใช้กรงเล็บโจมตีสวนกลับไป
” สรึบ สรึบ สรึบ ”
เสียงเหมือนกับใบมีดตัดโดอะไรบางอย่างก็ได้ดังขึ้นเเละทหารซากศพตัวนั้นก็ได้ถูกแยกออกเป็นสามส่วนอย่างรวดเร็ว
หลังจากเสี่ยวไป๋เเยกส่วนทหารซากศพตนนั้นเเล้วก็สบัดกรงเล็บไปมาด้วยความรังเกียจ
” อ่า…………. เจ้าซากศพเน่าเหม็นพวกนี้มันทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยง ”
ซูซ่านเเละเจียงหงที่เห็นเสี่ยวไป๋ก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
” เสี่ยวไป๋เจ้า…………… อ้วนขึ้นหรือป่าว ”
ในตอนเเรกเสี่ยวไป๋รู้สึกดีใจที่ได้พบกับเจียงหงเเละซูซ้านอีกครั้งเเต่ความดีใจนั้นกลัลสลายหายไปอย่างรวดเร็วก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำที่สูงเเละเต็มไปด้วยความโกรธ
” ใครบอกข้าอ้วนขึ้นถึงเเม้ข้าจะชอบทานเม็ดยาของพี่ใหญ่ชอบกินเนื้ออย่างฝีมือพี่ใหญ่อย่างมากเเละยังชอบกินของอร่อย………………. ”
เจียงหงเเละซูซ่านที่ได้ยินเสี่ยสไป๋กล่าวสิ่วที่มันชื่นชอบออกมาอย่างไม่ขาดสายนี้นก็ได้เเต่มองกันตากันอย่างงงงวย
จนกระทั่งเฟยหลงได้มาหยุดเสี่ยวไป๋ก่อนจะกล่าวออกมาว่า
” พอก่อนเสี่ยวไป๋ตอนนี้เจ้ากำลังกล่าวบรรยายสิ่งที่ชอบกินออกมายาวเป็นหางว่าวกลางสนามรบ…………….. ข้าว่าอีกไม่นานเจ้าได้โดนพวกมันกินก่อนเเน่เลย ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบก็ได้ชี้นิ้วของตนไปยังทหารซากศพที่มองเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกระหาย
เสี่ยวไป๋ที่เห็นดังนั้นก็ได้กบ่าวออกมาด้วยท่าทางหยิ่งยโส
” พวกเเกอย่าได้คิดเลยว่าจะได้กินข้าที่เป็นสัตว์อสูรอันน่าเกรงขามผู้นี้เลย ”
ซึ่งเเน่นอนว่าทหารซากศพไม่ได้หยุดฟังสิ่งที่เสี่ยวไป๋กล่าวเเม้เเต่น้อย…………..
ทางด้านของเฟยหลงได้กล่าวเเผนการคร่าวๆของตนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงบ
” เเผนของข้าง่ายนิดเดียวนั้นก็คือ……………………….. ”
เจียงหงเเละซูซ่านที่ได้ยินเเผนการที่สุดเเสนจะบรรยายนี้ก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันงงงวย
” เอ่อ……………นี่คือเเผนการเเน่เหรอท่านพี่เฟยหลง ”
” ใช่ท่านอาจารย์นี่มันเเผนเหรอ ”
เฟยหลงได้ตอบทั้งสองกลับไปด้วยความมั่นใจ
” ใช่ “