” งั้นเเกลองรับการโจมตีนี้ดู ”
เฟยหลงได้ใช้เพลิงสีครามสร้างเป็นดาบสีครามจำนวนสิบเล่มโคจรรอบตัวเมื่อเฟยหลงสะบัดมือตัวดาขทั้งสิบเล่มนั้นก็ได้พุ่งเข้าใส่ปีศาจตนนั้นอย่างรวดเร็ว
” พรึบ พรึบ พรึบ………. ”
เสียงเเหวกอากาศดังขึ้นอย่างรุนเเรงพร้อมกับดาบสีครามที่พุ่งเข้าใส่ร่างของปีศาจตนนั้นเเม้ว่าปีศาจตนนั้นจะสัมผัสได้ถึงอันตรายตั้งเเต่ตอนที่ดาบสีครามทั้งสิบเล่มที่สร้างจากเพลิงสีครามของเฟยหลงนั้น
ตัวปีศาจนั้นได้รวมรวมบปราณกรัดกร่อนมาสร้งเป็นกำเเพงป้องกันเมื่อดาบเปลวเพลิวสีครามทั้งสิบเล่มถูกลดทอนพลังลงไปหลายส่วนจนปีศาจตนนั้นสามารถป้องกันเอาไว้ได้
สามารถสร้างบาดเเผลให้มันได้อย่างเเน่นอนถ้าไม่ระวังอาจจะถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสได้เลย
มันคือหนึ่งในทักษะยุทธ์ของเฟยหลงที่ในอดีตตัวเขานั้นได้สร้างมันขึ้นมาตอนสำรวจวิหารโบราณในอดีตชื่อของทักษะยุทธ์คือ
” เพลงดาบอนัตตา ”
ที่เฟยหลงสามารถใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญพอสมควรนั้นก็เพราะเฟยหลงฝึกทักษะยุทธ์เพลงดาบอนันตามาอย่างยาวนานอย่างมากเเม้การโจมตีเมื้อกี้ไม่อาจปล่ดปล่อยพลังโจมตีที่เเท้จริงของทักษะยุทธ์นี้ก็ตาม
ปีศาจที่รอดออกมาจากทักษะยุทธ์ของเฟยหลงมาได้ก็กล่าวออกมา
” หึ…….. เจ้ามนุษย์มีฝีมือเเค่นี้หรือเเม้ว่าการโจมตีนั้นจะรุนเเรงเเต่มันไม่มากพอที่จะสังหาร…………….. ”
เเต่อยู่ๆเฟยหลงกลับยิ้มเเล้วกล่าวออกมาว่า
” เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าไม่ได้มีข้าคนเดียวที่สู้กับเจ้าอยู่ ”
โดยระหว่างนั้นเฟยหลงได้ส่งสัญญาณบางอย่างให้เศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์โดยผ่านทางหม้อปรุงยาหยูหง
ทางด้านปีศาจตนนั้นก็พึ่งนึกได้พร้อมกับหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเพราะว่ามันลืมพยัคฆ์ตนนั้นไปได้อย่างไรเเต่เมื่อคิดได้ตรงนี้ก็สายเกินไป…………..
ระหว่างที่มันได้กล่าวกับเฟยหลงอยู่นั้นตัวเศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์ตนนั้นได้ลอบโจมตีอีกครั้งโดยกลายเป็นเงาสีขาวที่พุ่งเข้าโจมตีปีศาจตนนั้นด้านข้างด้วยกรงเล็บสีขาวที่มีดูเหมือนเลือนลางอยู่บ้าง
เมื่ออยู่ในระยะที่ใกล้มากก็ได้ยินเสียงคำรามทันที
” โฮกกกกกกกกกกกกกกก ”
เสียงคำรามดังขึ้นอย่างหนักหน่วงสั่นสะเทือนถ้ำเเห่งนี้อย่างรุนเเรง
เเต่ถ้าสังเกตุกรงเล็บนั้นดูกันดีๆเเล้วก็สามารถเห็นถึงพลังงานสีน้ำตาลเคลือบเอาไว้หนึ่งชั้นเเม้จะดูบางเบาเเต่กลับอัดเเน่ไปด้วยพลังของปฐพีที่เเข็งแกร่ง
” ตู้มมมมมมมมมมมม ”
เสียงระเบิดได้ดังขึ้นพร้อมกับร่างของปีศาจตนนี้ที่ทำให้เเขนขวาของมันกระดูกเเขนหักดูบิดเบี้ยวเเละปรากฏบาดเเผลที่ลึกจนเห็นกระดูกเป็นรอยกรงเล็บที่ทิ้งไว้
ปีศาจที่เห็นว่าโดนลอบโจมตีโดนพยัคฆ์ตนนั้นก็ได้คำรามออกมาด้วบความโกรธเเค้น
” ไอเจ้าสัตว์อสูรโง่เเกบังอาจลอบโจมตีข้า ”
เเม้ว่าตัวเศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์นั้นจะไม่ชอบกล่าวเรื่องไร้สาระมากมายเเต่เมื่อโดนปีศาจตนนั้นด่าอย่างหยาบคายหลายต่อหลายครั้งทำให้ความอดทนที่มีได้หมดลง
ก่อนที่ตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง
” ไอปีศาจเน่าเหม็นเเกต่างหากที่โง่ ”
เมื่อปีศาจตนนั้นได้ยินพยัคฆ์กล่าวตอบตนเป็นครั้งเเรกจึงคิดขึ้นมาในใจว่า
” เป็นสัตว์อสูรที่มีความทรงจำสืบทอดจากบรรพชนอยู่อย่างนั้นหรือถ้าอย่างนั้นทำไม………. ”
เมื่อมันลองตรวจสอบร่างของเศาเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์ดูก็พบว่ามันเป็นเพียงเเค่เศษเสี้ยวของจิตวิญญาณส่วนหนึ่งเท่านั้น
เเละดูเหมือนว่าจะอาศัยวิธีการบางอย่าในการสร้างร่างชั่วครามที่เเม้จะดูเลือนลางไปเเต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดที่สามารถมองทะลุได้
ทั้งที่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์สามารถต่อสู้กับมันได้อย่างเท่าเทียมเเม้เหลือเพียงเเค่เศษเสี้ยวของจิตวิญญาณถ้าหากใัรมีชีวิตอยู่ละก็……………..
” ไม่คิดว่าจะเจอสัตว์อสูรที่มีความทรงจำสืบทอด………….. เเต่เเล้วยังไงละตอนนี้เเกก็เเค่วิญญาณไม่สมประกอบเท่านั้นื ”
คำกล่าวนั้นเหมือนกับหนามที่ทิ่มเเทงกลางจิตใจของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์มันคำรามออกมาด้วยความโกรธอย่างมหาศาลก่อนจะเริ่มปลดปล่อยการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
” เเต่เเกต้องจับตัวข้าให้ได้ก่อน ”
เมื่อกล่าวจบร่างของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณตระกูลพยัคฆ์ตนนั้นกลายเป็นเงาสีขาวที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
เเม้ปีศาจตนนั้นจะรู้สึกแปลกใจกับการที่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณจะใช้พลังปราณที่มีอยู่เหมือนเสียเปล่าไปเพื่ออะไร………..