เวลาผ่านไปไม่นานเฟยหลงก็ได้ยินเสียงของหม้อปรุงยาหยูหงกล่าวออกมาว่า
” ถึงเมืองชายเเดนเเล้วละ ”
เมื่อหม้อปรุงยาหยูหงกล่าวจบก็ได้ปล่อยเฟยหลงออกมาจากพื้นที่มิติในป่าที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองชายเเดน
“ดูเหมือนว่ามีเจ้าอยู่ก็เดินทางสะดวกดีเหมิือกัน ”
หม้อปรุงยาหยูหงอยากจะกระอักเลือดออกมาอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเฟยหลงกล่าวออกมาเเบบนั้นเเต่ตัวมันรู้ดีว่าถึงกล่าวออกมาก็ไร้ประโยชน์จึงเลือกที่จะกลับไปบนตัวเฟยหลงอย่างเงียบๆ
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ไม่ได้กล่าวถามหม้อปรุงยาหยูหงอีกเเล้วนำชุดที่อยู่ในถุงมิติมาเปลี่ยนก่อนจะเดินไปทางเมืองชายเเดนที่ตอนนี้สภาพเเตกต่างกับครั้งเเรกที่ตัวเฟยหลงมาอย่างมาก
กำแพงจำนวนมากมีร่องรอยความเสียหายจำนวนมากทางด้านประตูเมืองได้เปิดอยู่เเละยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งเดินทางเข้าออกไม่มากเพราะ
จากเหตุการณ์ที่กองทัพซากศพนั้นยุกโจมตีเมืองอย่างหนักหน่วงทำให้เมืองชายเเดนเกือบที่จะถูกทำลายลงไปอย่างราบคาบ
เฟยหลงที่เห็นภาพเช่นนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปหาทหารยามคนหนึ่งเเล้วหยิบตราที่มีคำว่าจ้าวเขียนไว้ด้านบนขึ้นมาทหารก็ได้กล่าวออกมาด้วยความเคารพ
” นายท่านเชิญเข้าไปได้เลยขอรับ ”
เมื่อกล่าวจบทหารคนนั้นได้ปล่อยเฟยหลงผ่านออกไปอย่างง่ายดายเฟยหลงก็รีบร้อนที่จะกลับไปหาพวกซูซ่านเพราะพวกนั้นคงเป็นห่วงตัวเขาที่ออกไปจากเมืองเงียบๆโดยไม่บอกกว่าอะไร
หลังจากนั้นเฟยหลงไม่ได้หารถม้าไปส่งตัวเขาเเต่กลับหามุมเงียบๆในตรอกเเห่งหนึ่งเเละกระโดดขึ้นไปบนหลังคาบ้านเรือนอย่างเเผ่วเบาเเล้วอีกอย่างนั้นก็คือเฟยหลงจำทางไปคฤหาสน์หลังนั้นได้อย่างชัดเจนใช้เวลาไปไม่นานก็มาถึง
ทางหน้าประตูไม่ได้มีคนเฝ้าเวรยามเลยเเม้เเต่คนเเียวเฟนหลงจึงสามารถเปิดประตูเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
” ข้าอยากรู้ว่าพวกเสี่ยวไป๋กำลังทำอะไรอยู่กันเเน่นะ ”
เมื่อเฟยหลงคิดไปคิดมาจึงคิดว่าการย่องเข้าไปอย่างเงียบๆดีกว่าโดยที่เฟยหลงได้ขึ้นไปแอบอยู่บนต้นไม้ที่ตัวเฟยหลงชอบไปนั่งบ่มเพาะซึ่งบนนั้นเฟยหลงได้พบกับเสี่ยวไป๋
ทางด้านเสี่ยวไป๋ที่เห็นเฟยหลงกลับมาเเล้วนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า
” พี่ใหญ่ในที่สุดท่านก็กลับมาเเล้วข้ารอท่านจนรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มทน ”
เมื่อเฟยหลงได้ยินเสี่ยวไป๋กล่าวออกมาเเบบนั้นก็ได้กล่าวตอบกลับไปว่า
” เสี่ยวไป๋เจ้าอย่าพูดเสียงดังข้าอยากจะดูพวกนางเงียบๆว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ ”
เสี่ยสไป๋ที่ได้ยินคำกล่าวของเฟยหลงก็ได้กล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเเผ่วเบา
” พี่ใหญ่ท่านทำลับๆล่อๆตัวเเบบนี้นั้น…………. ท่านคงคิดที่จะทำอะไรเเปลกๆใช่ไหมอย่างเช่นเเอบดู…………. ”
เมื่อเสี่ยสไป๋กล่าวถึงตรงนี้ก็ได้ใช้สายตาที่บ่งบอกว่าท่านก็รู้ว่าข้าหมายถึงอะไรเฟยหลงที่เห็นอย่างนั้นก็จับหางของเสี่ยวไป๋เเละทำให้มันห้อยไปมาอยู่ตรงหน้าของเฟยหลง
” เจ้าเเมวบ้าในหัวเเกคิดเเต่เรื่องอะไรอยู่……….. ดูเหมือนจะเป็นผลจากความทรงจำของบรรพบุรุษของเจ้าสินะ…………. ข้าว่าในอดีตบรรพบุรุษของเจ้านั้นคงจะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่นัก”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้กล่าวเเย้งเเต่อย่างใดเเต่กลับขอให้เฟยหลงปล่อยมันลง
” พี่ใหญ่ปล่อยข้าลงเถอะ……….. ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าเลือดมันเริ่มไหลไปอยู่ที่หัวของข้าหมดเเล้ว ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ไม่คิดจะปล่อยเเละเรียกหม้อปรุงยาหยูหงอแกมาก่อนที่จะให้หม้อปรุงยาหยูหงใช้โซ่สีทองเส้นนั้นผูกตัวเสี่ยวไป๋ให้ห้อยอยู่บนกิ่งของต้นไม้ต้นนั้น
ส่วนทางด้านเฟยหลงนั้นก็ได้กระโดดลงโดยไม่ลืมกล่าวทิ้งท้ายไว้กับเสี่ยวไป๋ว่า
” ตอนนี้เจ้าก็อยู่ตรงนั้นไปก่อนเเล้วกันเดี๋ยวข้าค่อยกลับมาปล่อย ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียวอันเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
” พี่ใหญ่ปล่อยข้าไปเถอะข้าสัญญาว่าจะไม่พูดเเบบนั้นอีกเเล้ว ”
เเต่เฟยหลงกลับไม่ได้ใจอ่อนเเล้วกลับวางค่ายกลเล็กๆขึ้นมาเเละทำให้เสียงของเสี่ยวไป๋นั้นไม่สามารถหลุดรอดออกมาได้
เสี่ยวไป๋ที่เห็นก็พอเข้าใจว่านี้เเป็นค่ายกลสกัดกั้นเสียงตามความทรงจำที่ได้รับสืมทอดมาเมื่อทราบดังนั้นมันก็อยากพุ่งเข้าไปข่วนหน้าของเฟยหลงด้วยกรงเล็บเเล้วกล่าวออกมาว่า
” ท่านถึงสร้างค่ายกลขึ้นมาใช้อย่างสิ้นเปลืองเเบบนั้นได้ไง “