กลิ่นไอของความตายเเละพลังปราณที่เเปดเปื้อนได้เเผ่ออกมาเล็กน้อยราวกับว่าทุกอย่างรอบๆตัวมันนั้นเต็มไปด้วยความมืดมน
เมื่อจ้าวเฉินลองมองดูดีๆก็พบว่า
” นี่มันตายเเล้วอย่างนั้นเหรอ ”
เฟยหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ละก็ท่านคงไม่น่าจะได้ยืนถามข้าอย่างสบายใจเเล้วละ ”
จ้าวเฉินที่ได้ยินดังนั้นก็รู้ได้ปีศาจตนนี้ได้ตายไปแล้วอย่างเเน่นอนก็ได้ลองสำรวจดูอย่างละเอียดก็พบว่าปีศาจตนนี้ไม่เพียงเเต่มีอร่าที่น่ากลัวเท่านั้นเเต่
ดูเหมือนว่าในอดีตอาจจะเป็นตัวตนที้เเข็งแกร่งกว่านี้อย่างมากเเต่ด้วยการที่โดนผนึกมาเป็นระยะเวลานานทำให้ขอบเขตพลังปราณถดถอยลงไป
เมื่อจ้าวเฉินสรุปได้เช่นนั้นก็ได้สูดหายใจเข้าเต็มปอดด้วยสีหน้าปั้นอยากอย่างถึงที่สุดเเล้วกล่าวถามเฟยหลงออกมาว่า
” งั้นถ้าศพนี้อยู่กับเจ้าเเล้วงั้นก็แปลว่า…………”
เฟยหลงที่เห็นท่าทางเช่นนั้นของจ้าวเฉินก็ได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าทันเป็นเเค่เรื่องเล็กน้อย
” ใช่ข้าเป็นคนสังหารมันเอง ”
” เพราะว่ามันทำให้ข้าต้องเสียเวลาหลังจบสงครามกับกองทัพซากศพข้าก็เลยต้องสังหารตัวการที่มันสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อระบายความโกรธนิดหน่อย ”
ซึ่งสิ่งที่เฟยหลงกล่าวออกมานั้นล้วนเป็นความจริงอย่างเเน่นอนเพราะตามเเผนการของเฟยหลงในตอนเเรกนั้นคือต้องการที่จะหาสิ่งที่เรียกให้เข้าไปหา
ในเมืองหลวงกลับต้องมาโผล่อยู่ที่ชายเเดนเพราะเรื่องสัตส์อสูรเเละกองทัพซากศพเพราะตัวการนั้นคือปีศาจที่โดนผนึกเอาไว้ต้องการออกมาหลังจากผ่านไปปี
เเผนการของเฟยหลงต้องเคลื่อนออกไปครั้งเเล้วครั้งเล่าเพราะปีศาจตนนี้ทำให้เฟยหลงเริ่มรู้สึกว่าถ้าปล่อยไปอย่างนี้ปัญหาต้องตามมาอีกเยอะอย่างเเน่นอน
ถ้าตัวการใหญ่ยังไม่ถูกสังหารลง
ทางด้านจ้าวเฉินที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจเพราะตัวเขาจำได้ว่าเฟยหลงนั้นมีระดับพลังเพียงเเค่ขอบเขตวิญญาณเท่านั้นส่วนปีศาจนี้อย่างน้อยตอนที่มันออกจากผนึกมานั้น
ต้องเป็นขอบเขตหลอมรวมอย่างน้อยซึ่งจ้่วเฉินสัมผัสได้ถึงเเรงกดดันที่อยู่สูงกว่าขอบเขตตนเองเเต่ไม่ถึงกับมากเกินไปจนไม่สามารถสัมผัสได้เลยเเม่เเต่น้อย
เเละตอนนี้ชายหนุ่นที่อยู่ตรงหน้าของตนนั้นได้กลายเป็นตัวตนขอบเขตหลอมรวมเเล้วอย่างเเน่นอนเเม้จะเป็นเพียงเเค่ขั้นต้นเเละพึ่งจะทะลวงมา
ส่วนวิธีที่เฟยหลงจัดการกับมันนั้นจ้าวเฉินไม่ได้กล่าวถามอะไรออกมาเพราะตัวเขารู้ว่าตัวเฟยหลงย่อมไม่บอกอะไรก็เป็นได้
” ที่ข้ามาที่เเห่งนี้เพราะว่าท่านคงคิดที่จะรวบรวมกองกำลังไปสังหารปีซาจตนนี้อย่าวเเน่นอนซึ่งข้าบอกได้เลยว่าเรื่องนั้นต้องพาพวกเจาไปตายเปล่าเพียงเท่านี้น ”
” สำหรับพวกที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเผ่าปีศาจเมื่อเจอกับการโจมตีของพวกมันเละความสามารถต่างๆที่สามารถทำลายล้างเป็นวงกว้างได้ ”
จ้าวเฉินที่ได้ยินดัวนั้นก็ได้เเต่นิ่งเงียบเพราะว่าตัวเขาก็รู้ดีส่าเเม้กระทั่งกองทัพซากศพกองทัพของอาณาจักรสายลมที่ประจำการอยู่ที่เมืองชายเเดนนั้นไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะหยุดยั่งไม่ให้มันเเพร่กระจายออกไปเป็นวงกง้าง
มีเเต่จะทำให้ตายเปล่าตามที่เฟยหลงกล่าวออกมาถ้าให้ไปสู้กับตัวการที่อยู่เบื้องหลัง
เมื่อเวลาผ่านไปจ้าวเฉินได้รวบรวมความคิดเเล้วกล่าวถามเฟยหลงออกมาว่า
” ที่เจ้านำศพปีศาจตนนี้มาวางไว้ตรงหน้าข้านั้นเจ้าคงต้องการอะไรบางอย่างสินะ ”
เฟยหลงที่ไดยินดังนั้นก็ได้ยิ้มให้จ้าวเฉินอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับกล่าวออกมา
” สมกับที่ท่านเป็นเเม่ทัพของอาณาตักรได้ต้องมีความฉลาดหลักเเหลมไม่น้อยงั้นข้าคงไม่ต้องอ้อมค้อมให้มาก ”
เฟยหลงได้กล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักเเน่น
” ข้าต้องการสมบัติบางอย่าง “