ในรถม้าที่พวกเฟยหลงนั่งอยู่นั้นกำลังเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆโดยฝีมือของสัตว์อสูรขอบเขตวิญญาณขั้นสูงสุดตัวนั้น
พวกเฟยหลงเดินทางมุ่งลงทิศใต้ต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเวลาได้ล่วงเลยมาเป็นกลางคืนอย่างรวดเร็วพวกเฟยหลงได้หยุดพักอยู่ในพื้นที่ๆรายล้อมไปด้วยป่า
เสี่ยวไป๋ที่นั่งอยู่กับเฟยหลงตรงด้านนอกก็ได้กระโดดลงมาจากรถม้าเเละมองซ้ายทีขวาทีก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า
” พี่ใหญ่พวกเราจะพักที่นี้เหรอ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” เเล้วมันมีที่ๆดีกว่านี้อย่างนั้นเหรอ ”
เมื่อเสี่ยวไป๋ได้ยินดังนั้นก็ได้มองรอบๆที่เต็มไปด้วยป่าอีกครั้งก่อนที่จะส่ายหน้าของตนเองอย่างรวดเร็ว
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีกเเละกำลังจะไปเรียกพวกซูซ่านเเต่สุดท้ายพวกนางกลับเปิดประตูรถม้าเเละลงมาก่อน
” นั่งบนรถม้านานเเบบนี้มันรู้สึกเบื่อจริงๆเลย”
เสียงที่กล่าวออกมานั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจียหงที่ตอนนี้กำลังยืนมองรอบด้านด้วยท่าทางสนใจ
” ที่นี่มีเเต่ป่าเต็มไปหมดเเล้วพวกเราจะพักกันตรงนี้เหรอ…………… เเล้วถ้ามีสัตว์อสูรโผล่มาละ ”
เฟยหลงมี่กำลังตะกบ่าวตอบเจียหงนั้นกลับถูกเสี่ยวไป๋กล่าวขัดขึ้นมาก่อน
” ตอนนี้ข้ากำลังรู้สึกหิวอยู่พอดี……… ถ้าพวกมันกล้าโผล่ออกมาพวกเราก็จับมันย่างกินซะเลย ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็จับเสี่ยวไป๋ขึ้นมากอ่นที่จะโยนมันไปด้านหลังราวกับโยนสิ่งของทิ้งเเล้วกล่าวออกมาว่า
” พวกเจ้าไปนอนพักเถอะถึงเเม้ว่าจะอยู่ขอบเขตวิญญาณเเต่การจะไม่นอนพักสักหน่อยเเล้วมันก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ใช่ไหม ”
” ส่วนข้าจะนั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้เอง ”
ซูซ่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้มองเฟยหลงเเล้วก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
” ท่านพี่เฟยหลง…………. เเล้วท่านละจะไม่พักหน่อยเหรอ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้กล่าวตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
” ตลอดทางมาข้านั้นนอนพักอยู่หลายชั่วยามเมหือนกันส่วนคนที่ทำหน้าที่สำรวจรอบข้างข้ายกให้เสี่ยวไป๋เป็นคนทำ…………… อีกอย่างข้าอยู่ขอบเขตหลอมรวมถึงไม่นอนซักไม่กี่วันข้าก็ยังไม่เป็นไร ”
ซูซ่านที่ได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อไปอีกเเละต่างคนต่างกระจายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง
เสี่ยวไป๋ที่โดนเฟยหลงจับโยนออกไปนั้นได้วิ่งกลับมาหลังจากเวลาผ่านไปชั่วครู่โดยในปากนั้นกลับคาบสิ่งที่เหมือนผลไม้อย่างหนึ่งกลับมาด้วย
เฟยหลงที่เห็นอย่างนั้นก็ได้กล่าวถามออกมาว่า
” เสี่ยวไป๋เจ้าไปเก็บผลไม้นั้นมาจากไหนละ ”
เสี่ยวไป๋ได้วางผลไม้ลงบนพื้นเเล้วกล่าวตอบเฟยหลงกลับไปด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความโกรธ
” พี่ใหญ่ท่านอยู่จับข้าโยนไปแบบนั้นทำไมกัน”
เฟยหลงที่ได้ยินคำกล่าวของเสี่ยวไป๋นั้นก็ตอบกลับไป
” ชั่งเรื่องนั้นก่อน………. เจ้าไปได้ผลไม้นี้มาจากไหน ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เเฝงไปด้วยความโออวด
” ข้าไปเก็บมาจากต้นไม้ต้นหนึ่งนะ ”
เฟยหลงที่ได้ยินเเบบนั้นก็เริ่มรู้สึกแปลกใจก่อนที่จะกล่าวถามต่อไปอีก
” มันเป็นต้นไม้เเบบไหนงั้นเหรอ ”
เสี่ยวไป่ที่ได้ยินดังนั้นก็พยามครุ่นคิดก่อนที่จะอธิบายลักษณะจองมันออกมา
” มันเป็นต้นไม้ที่ไม่ถือว่าต้นใหญ่มากถ้าเทียบกับต้นไม้ในป่าเเต่ลำต้นมันกลับมีสีเขียวสดใสเหมือนกับ…. มรกต…….. ข้าตามกลิ่นไปจนเจอกับมัน ”
” ลนต้นไม้นั้นมีผลมีเเดงๆที่ข้าเก็บมานั้นเเหละ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า
” เเล้วเจอสัตว์อสูรอะไรหรือไม่ตอนที่หยิบผลของต้นไม้นั้นมา ”
เสี่ยวไป๋ได้ส่ายหน้าเฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ได้รู้สึกเเปลกใจอย่างมากเพราะว่าผลไม้ที่เสี่ยวไป๋นำมานั้นเป็นสมบัติที่ดีเยี่ยมอย่างหนึ่งในตอนนี้
ถ้าเสี่ยวไป๋ไมาเจอกับสัตว์อสูรตัวนั้นเเปลว่ามันอาจจะออกไปหาอาหารก็ได้เเละมันก็เเปลว่า……….มันคงจะไม่ไปไกล
เมื่อเฟยหลงคิดถึงตรงนี้ก็ได้ยินเสียงคำรามที่ดังสนั่นขึ้นท่ามกลางป่าที่เงียบสงบ
” โฮกกกกกกกก “