เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูปการต่อสู้ได้จบลงโดยมีเสี่ยวไป๋เป็นผู้ชนะเฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ได้กระโดดลงไปจากต้นไม้ที่ใช้เป็นที่ซ่อนตัวอยู่
เเล้วเดินอ้อมไปด้านหลังของเสี่ยวไป๋เเล้วกล่าวออกมาว่า
” เสี่ยวไป๋………… ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีในการต่อสู้กับทหารซากศพเหล่านั้นซินะ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเสียงเฟยหลงสะดุ้งเเล้วหันกลับมามองเฟยหลงที่กำลังยืนด้วยท่าทางเกียจคร้านเเล้วกล่าวประเมิณออกมา
เมื่อเห็นดังนั้นเสี่ยวไป๋ก็ได้รู้สึกโกรธเคืองเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวออกมา
” พี่ใหญ่ท่านทิ้งข้าเเล้วไปซ่อนทำไมมันก็เเค่สัตว์อสูรขอบเขตวิญญาณขั้นสูงสุดตัวหนึ่งเท่านั้น……….. อาศัยเพียงท่านที่ตอนนี้อยู่ขอบเขตหลอมรวมก็สามารถตบมันตายในครั้วเดียว ”
” เเล้วทำไมท่านจึงไปหลบละเเล้วให้ข้ามาสู้กับมันคนเดียว ”
เฟยหลงได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับได้วยท่าทาวที่ราวกับว่าตัวเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเเม้เเต่น้อย
” ข้าม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย………… นั้นเป็นปัญหาที่เจ้าก่อขึ้นมาเจ้าก็ต้องจัดการมันด้วยตัวเอง ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินคำตอบของเฟยหลงก็ถึงกับพูดไม่ออกเพราะมันเป็นคนไปคาบผลไม้ลูกนั้นกลับมาเองที่เฟยหลงทำอย่างนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องก็ได้………….
เสี่ยวไป๋พยามคิดหาเหตุผลมาโต้เเย้งคำพูดของเฟยหลงเเต่สุดท้ายเเล้วนั่งคิดไปคิดมาก็เลิกคิดต่อเเล้วกล่าวออกมา
” ชั่งมันเถอะคิดไปก็เท่านั้น ”
เสี่ยวไป๋เเละเฟยหลงนั้นได้เดินกลับไปยังตรงรถม้าที่จอดอยู่เเละตอนนั้นเองก็ได้เห้นว่ามีกองไฟขนาดเล็กกองหนึ่งที่ถูกจุดขึ้นมาโดนพวกซูซ่าน
เฟยหลงที่เก็บสัตว์อสูรหมาป่าตัวนั้นใส่ในถุงมิติก็ได้นำมันออกมาวางไว้ข้างๆกองไฟเเล้วคิดหาทางที่จะปรุงอาหารโดยใช้สัตว์อสูรหมาป่าตัวนั้นออกมา
เเล้วตอนนั้นเองที่เจียหงเเละซูซ่านได้เดินออกมาจากรถม้าที่ใช้เดินทางจากเมืองหลวงของอาณาจักรสายลมมา
เเละเมื่อทั้งสองสังเกตุเห็นเฟยหลงกับเสี่ยวไป๋ที่สภาพเหมือนไปโดนพายุทะเลทรายทับถมจนขนของเสี่ยวไป๋ที่สีขาวกลายเป็หม่นหมองลงก็ถึงกับต้องจ้องมองอยู่ชั่วครู่
ซูซ่านเป็นคนเเรกที่เอ๋ยปากกล่าวถามเสี่ยวไป่ว่าทำไมถึงสภาพเช่นนี้
” เสี่ยวไป๋เจ้าไปโดนอะไรมา ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินดังนั้นก็กล่าวออกมาด้วยท่าทางเหนื่อหน่าย
” ข้าสะดุดก้อนหินนิดหน่อยตอนเดินไปในป่า……………. ก็เลยกลายมาเป็นสถาพอย่างที่เห็นในตอนนี้ ”
เจียหงเเละซูซ่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็มองหน้ากันด้วยความสงสัยโดยที่ทั้งสองได้มีความคิดเหมือนดกันว่า
” เสี่ยวไป๋ไปสะดุดท่าไหนถึงสถาพเป็นอย่างนี้ ”
เเม้จะอยากกล่าวถามออกไปเเต่เสี่ยวไป๋ในตอนนี้ทำหน้าตาเหมือนกับว่า
” อย่ามาถามเรื่องนี้ ”
เจียหงเเละซูซ่านที่เห็นดังนั้นก็กล่าวถามถึงสัตว์อสูรหมาป่าที่เฟยหลงนำกลับมาจะทำเป็นอสหาร
” ท่านพี่เฟยหลงท่านจะนำสัตว์อสูรมาป่าตัวนี้มาปรุงอาหารอย่างนั้นเหรอ ”
เฟบหลงที่ได้ยินดัวนั้นก็ตอยกลับไปว่า
” ใช่เเล้ว………. เเต่ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะทำอาหารเเบบไหนออกมาดี ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาว่า
” เอามันมาย่างกินก็ได้เเล้ว…………ข้าไม่เคยกินสัตว์อสูรหมาป่าย่างไม่รู้ว่าจะอร่อยไหม”
เจียหงเเละซูซ่านนั้นไม่ได้กล่าวคัดค้านเเต่อย่างใดเฟยหลงจึงเริ่มลงมือปรุงอาหารอย่างรวดเร็วเมื่อสัตว์อสูรหมาป่านั้นถูกย่างเสร็จเรียบร้อยเเล้วเสี่ยวไป๋ก็ได้กล่าวออกมาว่า
” กลิ่นเนื้อสัตว์อสูรหมาป่าอย่างมันช่างน่ากินเหลือเกิน ”
เจียหงเเละซูซ่านเเม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเเต่สายตานั้นยังคงจดจ้องอยู่ที่เนื้อสัตส์อสูรหมาป่าตัวนั้น
เฟยหลงที่เห็นดังนั้นก็ส่งสัญญาณให้เริ่มทานกันระหว่างที่ทานอยู่นั้นพุ่มไม้พุ่มหนึ่งก็ได้มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้นมา
” สวบ “